อันยองฮาเซโย.......... หลังจากถอนตัวไม่ขึ้นกับพัคแซรอยโอปป้าแล้ว ประกอบกับช่วงนี้อยู่ระหว่างการทำ Social Distancing เลยเกิดนึกถึงสมัยยังวัยรุ่นตอนเรียนเทคโนโลยีชีวภาพ เฮ้ย....เราเคยทำกิมจิส่งอาจารย์นี่หว่า จะช้าอยู่ใย เราไปทำกิมจิกัน กิมจิเป็นเครื่องเคียงของชาวเกาหลี ที่เกิดจากการถนอมอาหารโดยกระบวนการหมักของเจ้าจุลินทรีย์กลุ่มที่ผลิตกรดแลคติก ชื่อว่าน้องแลคโตบาซิลัส (ชื่อคุ้นๆ ใช่ไหม ถูกต้องแล้วค่าน้องอยู่ในนมเปรี้ยว โยเกิร์ต แหนม ของดองต่างๆ นั่นเอง) ซึ่งเจ้าจุลินทรีย์กลุ่มนี้แหละทำให้เกิดรสเปรี้ยวของกิมจิ วัตถุดิบมีดังนี้ ผักกาดขาว พริกชี้ฟ้า ต้นหอม ขิง แครอท แอปเปิล แป้งข้าวเจ้า กระเทียม น้ำปลา น้ำตาล ขั้นแรก เราจะแช่ผักกาดขาวในน้ำเกลือเข้มข้น เกลือ 1 ถ้วยตวง โรยให้ทั่วผักแล้วแช่น้ำจนสลด ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อนำน้ำออกจากผักให้มากที่สุด (หลักการนี้ถ้าใครยังจำชีววิทยา ม.ปลายได้ จะคุ้นกับคำว่าออสโมซิส การนำผักแช่น้ำเกลือเป็นการเอาน้ำออกจากเซลล์จะทำให้อาหารไม่เน่าเสียได้ง่ายนั่นเอง) ระหว่างที่รอผักสลด เรามาเตรียมเครื่องหมักกิมจิกัน หลังล้างผักจนสะอาดแล้ว เรานำแครอท ต้นหอมมาหั่นเป็นเส้นๆ ส่วนขิง กระเทียมและแอปเปิล หั่นให้เล็กๆ เพื่อเตรียมเอาไปปั่น ตวงแป้งข้าวเจ้า 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 6 ช้อนโต๊ะนำไปตั้งไฟ หรือถ้าขี้เกียจก็เอาไปเวฟในไมโครเวฟ 1 นาที เราจะได้แป้งเปียกเป็นหัวเชื้อสำหรับหมัก แป้งเปียกนี้จะไปเป็นอาหารให้กับเจ้าแลคโตบาซิลัสนั่นเอง จากนั้นนำขิง กระเทียม แอปเปิล พริกชี้ฟ้า (ถ้าใครอยากให้แดงจัดเหมือนในซีรีส์ ให้เอาพริกไปตากก่อน สีพริกจะเข้มขึ้น) และแป้งเปียกไปปั่นให้ละเอียด ขั้นตอนนี้อย่าตกใจ น้องมีความคล้ายพริกแกงบ้านเรามาก ได้พริกแกง...เอ้ยยยยยย เครื่องหมักแล้ว เรานำแครอทกับต้นหอมมาเทรวมในกะละมัง (ควรจะใบใหญ่หน่อย เผื่อพื้นที่สำหรับการคลุกด้วย) จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาล ขั้นตอนนี้อยู่ที่ว่าใครชอบรสไหนเป็นพิเศษ แต่กิมจิที่เคยกินจะออกเปรี้ยวเค็ม เพราะฉะนั้นตอนปรุงให้เน้นเค็มนำหวานนะคะ ย้อนกลับมาหาผักกาดขาวที่เราแช่น้ำเกลือไว้ เมื่อผักสลบดีแล้ว สังเกตได้จากผักจะเหี่ยวลง ให้ล้างน้ำเปล่า 2 ครั้งแล้วบีบน้ำออกให้มากที่สุด ขั้นนี้จะเป็นขั้นที่เลอะเทอะที่สุด นั่นคือการเอาเครื่องหมักมาทาที่ผักกาดทีละใบ โดยเริ่มทาจากใบด้านล่างสุด เมื่อทาครบก็บรรจุใส่กล่องหรือขวดโหลได้เลย ขอแนะนำว่าให้ลวกภาชนะที่ใส่ก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการบูดเน่านะคะ จากนั้นปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง หรือใครชอบเปรี้ยวมากๆ ก็ทิ้งไว้นานกว่านี้ก็ได้ค่ะ เมื่อปล่อยไว้จนเปรี้ยวดีแล้วก็เก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ จะได้ไม่เปรี้ยวไปกว่าที่เราชอบ กิมจิเป็นเครื่องเคียงที่กินแนมกับอาหารอื่นได้อย่างลงตัว แถมยังมีประโยชน์อีกด้วย เพราะช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหารและยังดีต่อระบบขับถ่ายเพราะมีจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัสที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ใครที่มีปัญหาท้องผูกก็สามารถรับประทานได้นะคะ รับรองว่าสบายท้องแน่นอน หมายเหตุ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยนักเขียน