ถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด วัดตามชนบทส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้เสมอ ในทุกวันพระชาวบ้านก็จะนิยมไปวัด ไปใส่บาตร นำกับข้าวดีๆ ไปถวายให้พระ โดยเฉพาะวันพระใหญ่ เป็นการทำบุญตามปกติที่ถือปฏิบัติกันมาเป็นวัฒนธรรมมายาวนาน ขณะเดียวกันกับข้าวที่ชาวบ้านนำมาถวายวัดก็ชี้วัดเศรษฐกิจหรือความเป็นอยู่ของชุมชนได้ หากมีความหลากหลายของรายการอาหารก็แสดงถึงความหลากหลายทางทรัพยากรหรือวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารว่ามาจากในชุมชนหรือนอกชุมชน และยังบ่งบอกได้ว่าในช่วงฤดูกาลนั้นๆ มีอะไรในชุมชนบ้าง เช่น ถ้าชาวบ้านทำแกงเห็ด ไม่ว่าต้ม ผัด ยำ ก็แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของช่วงที่มีเห็ดเยอะ หรือถ้าเป็นอาหารแบบเนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ ก็เป็นแนวซื้อจากตลาดเป็นหลัก หรือไข่เจียว ไข่ดาว ก็จะเป็นเมนูง่ายๆ ที่หาได้ง่ายๆ ในชุมชน ที่หมู่บ้านผู้เขียน เขตอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีก็เป็นชุมชนที่ยังเป็นพื้นที่ป่า ตัวอย่างผักธรรมชาติที่เป็นรู้จักกันดี คือ "ผักกูด" เป็นผักที่ขึ้นตามริมน้ำ มีได้ทุกฤดูกาล สามารถไปหามาเก็บได้ง่าย กินง่าย ปลอดภัย ต้ม ผัด ยำก็ทำได้หมด สามารถนำมาปลูกบริเวณใกล้บ้านก็ได้ หากไปวัดแล้วมีใครทำเป็นกับข้าวถวายวัดก็แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์หรือยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค หากกับข้าวที่นำไปถวายวัดเป็นอาหารแบบมาจากตู้กับข้าวเป็นหลักก็แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่เปลี่ยนไป บางครั้งไม่มีเวลาไปหาผักตามธรรมชาติ การหาซื้อมาทำอาหารก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่าย ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อสุขภาพของผู้คนในชุมชนด้วย เพราะอาหารสำเร็จรูปหลายๆ อย่างก็มีผลเสียต่อร่างกาย รวมถึงของหวานที่สื่อถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนที่ยังคงอยู่หรือได้รับจากอิทธิพลภายนอกชุมชน อาหารจึงทำให้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอยู่ ความเปลี่ยนแปลงได้มาก เป็นดัชนีวัดความสุขอย่างหนึ่ง สะท้อนความเป็นอยู่ของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี วันมาฆบูชาที่ผ่านมาผู้เขียนมีโอกาสได้ไปวัด ทำบุญใส่บาตรกับภรรยา เลยสังเกตกับข้าวที่ชาวบ้านนำมาถวายวัด มีทั้งเมนูแบบพื้นบ้าน เช่น แกงฟักทอง แกงหยวก แกงแตงกวา ลวกผัก น้ำปลาร้า น้ำพริก ปลาทอด ฯลฯ อีกทั้งเมนูทั่วๆ ไป เช่น ไข่เจียว แกงเนื้อหมู ก็มีให้เห็น ทำให้รู้ว่าอาหารหลายๆ อย่างก็ยังหาได้จากในชุมชน โดยเฉพาะคลังอาหารจากไร่ข้าวหมุนเวียนและสวนครัวรอบบ้าน รวมไปถึงอาหารจากตลาดที่พ่อค้าแม่ค้ากลับมาขาย นอกจากกับข้าวที่ถวายพระได้ฉันเช้าและเพลแล้ว กับข้าวที่เหลือก็ยังสามารถเป็นเหมือนโรงทานให้กับคนที่ผ่านไปผ่านมาที่วัดได้อีกด้วย ช่วงเวลาหลังเที่ยงก็จะมีเด็กวัด เด็กๆ ในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่หิว ก็สามารถมารับประทานอาหารที่วัดได้ตลอดเวลา จนถึงช่วงเย็นพระเณรก็จะบริหารจัดการเทใส่ถังให้เป็นอาหารหมูของชาวบ้านต่อไป เป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันจากต้นทาง (แหล่งอาหาร) ไปกลางทาง (ปรุงอาหาร ถวายวัด พระได้ฉัน ชาวบ้านได้รับประทาน) จนไปถึงปลายทาง (เหลือเป็นอาหารหมู ปุ๋ยในลำดับท้าย) เมื่อมีแหล่งอาหารในชุมชนดี สุขภาพคนในชุมชนก็ดี รวมไปถึงพระสงฆ์ด้วย แต่หากไม่มีแหล่งอาหารในชุมชน ต้องพึ่งพาจากภายนอกเป็นหลัก สุขภาพของคนในชุมชนก็ต้องเปลี่ยนไปตาม ดังนั้นพื้นที่ไหนที่ยังสามารถพึ่งพา อาศัยอาหารจากในแหล่งชุมชนได้ก็ถือว่าเป็นการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันอีกทาง และถือว่ายังเป็นชุมชนที่ยังพึ่งตนเองได้ นั่นถือว่าเป็นความโชคดีของคนที่เกิดในพื้นที่นั้นอย่างแท้จริงทุกภาพประกอบโดยผู้เขียนขอบคุณ Canva ใช้ตกแต่งภาพปก เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !