จุดเริ่มต้นของการเล่นฟุตบอลของไชยรัตน์ หมัดศิริ จุดเริ่มต้นของการเล่นฟุตบอลของไชยรัตน์ หมัดศริ หรือที่ใครรู้จักในนาม “กัปตันกระดูกเหล็ก” เริ่มต้นจากการเล่นฟุตบอลตามประสาเด็ก ๆ ในชุมชน โดยมีน้าชายเป็นผู้ฝึกสอนเบสิคต่าง ๆ ก่อนมีโอกาสติดทีมโรงเรียนในระดับประถมศึกษา จากนั้นเข้าสู่ช่วงวัยมัธยมศึกษากับโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย สิ่งที่เจ้าตัว ต้องการในขนาดนั้น คือ การเป็นตัวแทนนักฟุตบอลของโรงเรียน แต่ไม่มีโอกาสสักครั้ง มากสุดก็แค่ติดทีมกีฬาสี จนก้าวขึ้นสู่ ม.4 เจ้าตัวเริ่มที่จะเกเร และไม่สนใจการเรียน จนทำให้พ่อแม่จำเป็นต้องส่งเขาเข้าสู่วิทยาลัยเทคนิคปัตตานี โดยการย้ายสู่จังหวัดปัตตานี คือ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาในเส้นทางการเล่นฟุตบอล การเข้าไปเรี่ยนต่อในจังหวัดปัตตานีของเขา ทำให้เขาได้มีโอกาสเล่นฟุตบอลได้มากขึ้น โดยมีครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเล่นฟุตบอลภายในวิทยาลัยเทคนิคปัตตานี เขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เชิญชวนโค้ชฟุตบอลประจำจังหวัดในขณะนั้นเข้ามาดูฝีไม้ลายมือของไชยรัตน์ จนในที่สุดฟอร์มของเจ้าตัวก็ชนะใจโค้ช เลยมีโอกาสได้เข้าไปเป็นนักฟุตบอลเยาวชนจังหวัดปัตตานี ทำให้ช่วงนั้นฝีเท้าของไชยรัตน์ก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก Source Pictures : Songkhla FC เข้าสู่เมืองหลวงเพื่อล่าฝันทางด้านการศึกษาและฟุตบอล หลังจากจบการเรียนในระดับปวช. ได้รับการติดต่อจากพี่ชายที่เปิดร้านกาแฟอยู่ที่จังหวัดกรุงเทพ เชิญชวนให้ลองมาคัดทุนนักกีฬาฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เจ้าตัวไม่รอช้า อยากพิสูจน์ตัวเอง เลยเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงกรุงเทพมหานคร โดยคัดเลือกอยู่ประมาณ 3 วัน จนสามารถผ่านการคัดเลือกได้อย่างสำเร็จ ซึ่งถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ได้ทั้งโอกาสด้านการศึกษาและเล่นฟุตบอล จากนั้นได้มีโอกาสไปฝึกซ้อมกับทีมไข่มุกดำ หนองจอก ทีมสำรอง (ปัจจุบัน คือ เมืองทอง ยูไนเต็ด) จนก้าวไปติดทีมได้สำเร็จในขณะนั้น หลังจากนั้นได้มีโอกาสโชว์ฟอร์มการเล่นจนฟอร์มไปเข้าตาโค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ จึงถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ของไข่มุกดำ หนองจอกทันที ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ใหม่อีกครั้ง ที่ทางไชยรัตน์ หมัดศิริ ได้ซึมซับประสบการณ์เหล่านั้น 1 ฤดูกาล ก่อนจะย้ายกลับมาให้กับสโมสรมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตอีก 3 ฤดูกาล ใช้เวลาเล่นฟุตบอลอย่างเต็มอิ่ม ก่อนจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต คิดถึงบ้าน ปฏิเสธทิมยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย กลับสู่จังหวัดสงขลา ด้วยช่วงขณะนั้นทางเจ้าตัวเรื่มคิดถึงบ้าน อยากกลับไปใช้ชีวิตจังหวัดสงขลาบ้านเกิด จนทำให้เจ้าตัวปิดประตูโอกาสที่จะเล่นฟุตบอลต่อในเมืองหลวง ถึงแม้ในขนาดนั้นจะมีทีมในไทยลีกอย่าง “ TOT FC “ ติดต่อเข้ามา แต่เจ้าตัวเลือกปฏิเสธฟุตบอลอาชีพ หวนกลับบ้านเกิดที่อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา หลังกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ก็มีโอกาสได้แตะฟุตบอลเดินสายช่วงวันเสาร์-วันอาทิตย์ ร่วมถึงการทำงานประจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาลจะนะ ใช้เวลาทำงานหลายเดือน ก่อนที่บรรยากาศลูกหนังจะหวนกลับมาในชีวิตประจำวันอีกครั้ง โดยมีโอกาสเข้าไปเล่นฟุตบอลให้กับสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา ในรายการโปรวินเชียลลีก ใช้เวลา 2 ปี ก็พาสงขลา เอฟซี เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 2 ก่อนใช้เวลาอีก 1 ปี พาทีมขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ทันที ซึ่งการรับใช้ทีมสงขลา เอฟซี ในดิวิชั่น 1 นี้เอง ทำให้เขาได้รับเงินเดือน เพียงพอที่จะเลี้ยงดูตัวเองได้ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำทีนที เพื่อมาโฟกัสกับการเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว Source Pictures : Songkhla United FC รับใช้ทีมบ้านเกิดสงขลา เอฟซี ยุควัวชนแดนใต้ - จนถึง สงขลา เอฟซี ยุคเงือกสมิหลา จากนั้นเจ้าตัวได้รับโอกาสและรับใช้ทัพสงขลา เอฟซี ยุควัวชนแดนใต้ จำนวน 3 ฤดูกาล ซึ่งมีโอกาสที่จะได้เลื่อนชั้นมากที่สุดในช่วงนั้น เกือบที่จะได้เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก ลีกสูงสุดของประเทศไทย แต่ก็พลาดไปในที่สุด หลังจากนั้นก็ได้ถือกำเนิดทีมวัวชน ยูไนเต็ด เจ้าตัวจึงได้ย้ายข้ามฟากมาสู่ทีม และลงเล่นในไทยลีกได้ในที่สุด ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนผ่านมาเป็นสงขลา ยูไนเต็ด แต่ทีมก็ล่วงสู่ดิวิชั่น 1 แต่เหมือนเคราะห์กรรม เจ้าตัวเกิดปัญหาอาการบาดเจ็บจนจำเป็นต้องหยุดการเล่นไป ถึงขั้นมีโอกาสที่อาจจะต้องแขวนสตั๊ดเลยทีเดียว แต่ด้วยการดูแลตัวเองที่ดี จนทำให้อาการบาดเจ็บทุเลาลง และกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง กับ หาดใหญ่ เอฟซี 1 ฤดูกาล และข้ามฟากไปอยู่กับทีมร่วมเมืองอย่าง หาดใหญ่ ซิตี้ อีก 2 ฤดูกาล หลังจากหมดสัญญากับหาดใหญ่ ซิตี้ ได้รับการติดต่อจากสโมสรสงขลา เอฟซี ยุคเงือกสมิหลา ให้เข้ามาร่วมทัพเพื่อสู้ศึกไทยลีก 4 โซนภาคใต้ เจ้าตัวไม่รอช้าตอบตกลงและเข้าร่วมทัพสงขลา เอฟซีในทันที และนี่แหละคือ เส้นทางลูกหนังของสัญลักษณ์ของนักฟุตบอลชาวสงขลาที่มีชื่อว่า “ ไชยรัตน์ หมัดศิริ “ Source Pictures : Chairat Madsiri Source Cover Photo : Songkhla FC ผู้เขียนเป็นเจ้าของเพจตัวเทพไทยลีก ที่นั่งหลังโกล์ และ เป็นผู้เขียนในเว็ปไซต์ Songkhlafc.com