จุดเริ่มต้น "มาร์ค และ เคนรี่" ได้ให้กำเนิดบุตรชาย นามว่า คริสเตียน พูลิซิซ (Christian Pulisic) เขาเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ.1998 ที่เมือง เฮร์ชีย์ รัฐเพนซิลเวีย สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางดินแดนที่ผู้คนพูดถึง อเมริกันฟุตบอล คลั่งใคร่ NBA และเบสบอลคือ กิจกรรมยามว่าง และที่นี้รู้จักฟุตบอลกันในชื่อ Soccer เท่านั้น แต่ถว่าพ่อและแม่ของเขากับเป็นคนฟุตบอลตัวยง แม้แต่ปู่ของเขา "มาเต้" คุณปู่ที่เกิดในโคเอเชีย ยังเคยได้รับขอเสนอให้ติดทัพตราหมากรุกมาแล้ว เท่ากับว่า คริสเตียน พูลิซิช ถูกหล่อหลอมฟุตบอลเข้าไปเต็มหัวใจของเด็กคนนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญของครอบครัว Pulisic เริ่มขึ้นเมื่อปี 2005 เมื่อ เคนรี่ ได้รับทุนการศึกษาจากประเทศอังกฤษเป็นเวลาหนึ่งปี ส่วน มาร์ค ได้รับใบอนุญาติให้เป็นโค๊ชที่นั่นเช่นกัน การที่ได้เข้าไปใช้ชีวิตในประเทศที่กีฬาลูกหนังอยู่ในกระแสเลือด คือ โอกาสที่ไม่ได้มีกันบ่อยๆ และ คริสเตียน พูลิซิซ เริ่มต้นเข้าสู่การเล่นฟุตบอลครั้งแรกกับสโมสรเยาวชน Brackley Town ในปี 2005-2006 เป็นเวลาเพียงแค่ปีเดียว มาร์คซัพพอต คริสเตียน เต็มที่ เมื่อมีโอกาส สองพ่อลูกมักไปนั่งดูฟุตบอลยังขอบสนามเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสโมสรเล็กหรือใหญ่พวกเขาไปหมด มาร์คเผยว่า เขาได้ไปที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด แอนฟิลด์ ไปจนถึง ไวต์ฮาร์ตเลน พวกเขาได้ไปแหกปากมากันหมดแล้ว เรียกได้ว่าได้ซึมซับบรรยากาศและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้สุดไปเลย ต่อมา คริสเตียน พูลิซิช ได้ย้ายเข้าร่วมเล่นกับ Michigan Rush ปี 2006-2007 หลังจากนั้นหนึ่งปี ได้เปลี่ยนมาร่วมเล่นกับสโมสร PA Classics ปี 2008-2015 โดยอยู่ร่วมทีมนานถึง 7 ปี และที่ PA Classics นี้เองพูลิซิช ได้พัฒนาฝีเท้าอย่างก้าวกระโดด ช่วงอายุ 10-12 ขวบ เขาทุ่มเทกับฟุตบอลอย่างจริงจัง หลายๆ ครั้งที่ พูลิซิชจะลงสนามเล่นข้ามรุ่นกับเด็กโต เขาตัวเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ตอนนั้นทำให้ พูลิซิช ค้นพบเคล็ดลับบางอย่าง เขาเผยว่า "คุณไม่มีทางชนะหรอกหากใช้ร่างกายสู้ เมื่อเจอคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่า" "แต่หากใช้ใจสู้มันก็ไม่แน่" ฝีเท้าอันโดดเด็น บวกกับทัศนคติที่เกินวัย และจิตใจอันเกี้ยวกลาด ไม่นานนักเขาก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติสหรัฐอเมริการุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ด้วยวัยเพียง 13ปี เท่านั้น คริสเตียน พูลิซิช โชว์ความระห่ำ ด้วยการซัดไป 21 ประตู จากการลงสนามเพียง 28 นัด รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ดูจะเล็กไป เขาขยับขึ้นไปเล่นรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี และกระหน่ำยิงไป 28 ประตูจาก 34 เกม เขาค่อยๆสร้างชื่อจนย่างเข้าอายุ 16 และแน่นอนด้วยความร้ายกาจขนาดนั้น ต้องไม่พ้นสายตาสเก๊าทีมยักใหญ่ ช่วงปี 2014 เขาลงเล่นให้ทีมชาติชุดรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติบราซิล และเขาก็เล่นได้โดดเด่นแบบทุกครั้ง แต่ พูลิซิช ไม่รู้เลยว่ามีสเก๊าทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มายืนดูอยู่ด้วย ในเกมส์วันนั้นแมวมองจากเยอรมันแสดงความต้องการอย่างชัดเจนว่าเขาอยากได้ คริสเตียน พูลิซิช ไปร่วมทีม แต่ถว่า รัฐเพนซิลเวียห่างจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เกือบ 4 พันไมล์ และเราแทบจะไม่เห็นการส่งออกนักเตะจาก อเมริกาเลย เพราะนักเตะที่นี้มีทัศนคติคล้ายๆ กันในการออกไปค้าแข่งนอกประเทศ ซึ่งการใช้ชีวิตในอเมริกาก็สุขสบายอยู่แล้ว แต่ทฤษฎีดังกล่าว ใช้ไม่ได้กับเด็กอายุ 16 อย่าง คริสเตียน พูลิซิช เขากล้าหารพอที่จะพบกับการเปลี่ยนแปลง พูลิซิช ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล พิสูจน์ตัวเอง ในที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015 เขาก็ย้ายไปอยู่เยอรมันและเซนต์สัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ย้ายเข้ามาในลีกการเล่นระดับเยาวชนในเยอรมันกับทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งอยู่ร่วมกับทีมเพียงแค่ปีเดียวได้พัฒนาก้าวเข้ามาเล่นในระดับอาชีพกับสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2016 เขาใช้เวลาในการลงสนามเพียงแค่ 7 เกม เขาก็กลายเป็นนักเตะต่างชาติอายุน้อยสุดที่ทำประตูในลีกแห่งนี้ ในวัยแค่ 17ปี และ 212 วัน และได้ลงเล่นกับทีมมากกว่า 70 เกม 4 เดือนต่อมา คริสเตียน พูลิซิช ดังเป็นพลุแตกในอเมริกา เขาสถาปนาตัวเองเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่ยิงประตูให้ทีมชาติในเกมฟุตบอลโลก เมื่อเวลาล่วงไปจน พลูลิซิช อายุได้ 18 ปี เขาโตพอที่จะรับผิดชอบและดูแลตัวเองแล้ว มาร์ค พูลิซิช จึงตัดสินใจกับอเมริกา ผู้เป็นพ่ออยากให้ลูกชายได้ลองสู้ในชีวิตด้วยตัวคนเดียวบ้าง ฤดูกาล 2017-2018 เปิดฉากขึ้น พูลิซิช พิสูจตัวเองให้ครอบครัวเห็นว่าเขานั้นแกร่งพอ คริสเตียน พูลิซิช กลายเป็นกำลังหลักให้ทัพเสือเหลืองอย่างเต็มตัว เขาไม่เคยหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง กุนซือคนแล้วคนเล่าเข้ามาพร้อมกับสไตร์การเล่นและแท็กติกใหม่ๆ ถว่าการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งจะทำให้เด็กคนนี้ผ่านการเจียรนัยไปอีกขั้นเสมอ ถึงตอนนี้ คริสเตียน พูลิซิช ได้กลายเป็นขวัญใจของอเมริกันชน และเป็นลูกรักคนใหม่ของแฟนๆ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปแล้ว สำหรับสไตล์การเล่นเป็นนักเตะที่มีความเร็วและความคล่องตัวและสามารถเล่นได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา การคลองบอลได้ดี เป็นตัวขับเคลื่อนของทีมได้อย่างดีเมื่ออยู่ในสนาม จนทีมดังอย่างสิงห์บลู เชลซี ได้เซ็นสัญญาในปี 2019 ในเดือนมกราคม แต่เชลซีก็ให้ดอร์ทมุนด์ยังคงยืมตัวใช้จนจบฤดูกาล 2018-2019 หลังจากนั้น เชลซีจะได้ตัวนักเตะมาร่วมประเดิมสนามในฤดูกาล 2019-2020 เป็นต้นไป เส้นทางสู้กัปตัน หากแต่ว่าหากมองกันที่ฝีเท้าเพียวๆ การได้ปลอกแขนกัปตันทีมชาติสหรัฐอเมริกา อาจจะดูเป็นอะไรที่ง่ายไปหน่อย แล้วอะไรที่ทำให้เขาคู่ควรและเหมาะสมที่จะได้รับเกียรติสูงสุดตั้งแต่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง คำตอบคือ การวางตัวนอกสนาม ความเป็นกันเอง ความนอบนอมที่ พูลิซิช ทำจนกลายเป็นคาแรคเตอร์ของเขาต่างหาก พูลิซิช มักจะตั้งโต๊ะแจกลายเซนต์และร่วมทำกิจกรรมกับเด็กๆ อย่างไม่ถือตัวเมื่อเขาได้กับบ้านเกิด บางคนคลั่งใคล่จนลงทันวิ่งลงไปที่สนามเขาไปหานักเตะขวัญใจสักครั้งในชีวิต แน่นอนนี้คือเรื่องผิด จนการ์ดต้องวิ่งมาคุมตัวเด็กน้อยออกไปทันที แต่ภาพหลังจากนั่นกับคุมค่ากับเด็กคนนึ่งครับ พูลิซิช ร้องขอให้ปล่อยตัวเด็กและทำในสิ่งที่เด็กทั่งอเมรกาใฝ่ฝัน ทุกวันนี้เขากลายเป็นไอดอลของเด็กมากมาย สำหรับผมแล้วการที่เราจะเข้าไปอยู่ในหัวใจของคนทั้งประเทศ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคน เป็นเป็นเรื่องยากมากครับ ยิ่งหากเรากลายเป็นพลังใจให้ใครสักคนในช่วงเวลาที่ย้ำแย่ที่สุด ผมคิดว่าเป็นเป็นความรู้สึกที่ยิ่ใหญ่และทรงพลังมากๆ "โคริน โดโนสัน" เด็กวัย 14ปี เขาเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ระยะอันตรายแล้ว โครินถูกบำบัดด้วยการให้คีโมมา 5 ครั้ง และคีโมครั้งต่อไปจะเป็นครั้งสุดท้าย เขาจะมีโอกาสใช้ชีวิตต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการเดิมพันครั้งสุดท้ายครั้งนี้ เรื่องราวของ โคริน ถูกรับรู้โดย เมคอะวิช องกรการกุศลที่จัดแคมเปญทำฝันครั้งสุดท้ายของเด็กๆที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายให้เป็นจริง ซึ่งเคสของ โคริน ไม่มีอะไรต้องลังเลเลย เมคอะวิชถามถึงความฝันของเด็กหนุ่มทันที โดย โครินบอกว่าเขาต้องการดู โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบติดขอบสนาม และได้ใกล้ชิดกับนักเตะ โดยเฉพาะขวัญใจคนสำคัญอย่าง คริสเตียน พูลิซิช สักครั้งในชีวิต และสิ่งที่ โครินจะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดกาลคือ ได้เดินตรงเขาไปหา โคริน พร้อมกับถอดเสื้อแล้วตวัดลายเซนต์ ก่อนจะมอบให้กับมือ พ่อแม่ของโครินบอกว่านี้เป็นภาพรอยยิ้มของลูกชายเขาในรอบหลายเดือน โคริน เอนเดอะสัน คงต้องเดินทางชีวิตอีกต่อไป แต่ความฝันในวันนั้นเราเชื่อว่ามันจะเป็นพลังที่ทำให้เขาสู้ต่อโดยไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว สำหรับ คริสเตียน พูลิซิช เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งจริงๆ หากย้อนกลับไปคำถามที่ว่า ตอน อายุ20 คุณทำอะไรกันอยู่ ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าตอนนั้นตัวเองทำอะไร แต่หากคุณตั้งใจหรือมุ่งมันทำอะไรสักอย่างแล้ว คุณอาจจะเป็นหนึ่งคนที่สร้างเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้ อย่างผู้ชายที่ชื่อ คริสเตียน พูลิซิช เครดิตภาพที่ 1 https://commons.wikimedia.org เครดิตภาพที่ 2 https://commons.wikimedia.org เครดิตภาพที่ 3 https://commons.wikimedia.org เครดิตภาพที่ 4 https://commons.wikimedia.org เครดิตภาพที่ 5 https://commons.wikimedia.org