สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ช่วงนี้ก็ยังอยู่ในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด - 19 บางสถานที่ก็เริ่มผ่อนปรน ให้ผู้คนออกไปทำงานกันบ้างแล้ว และก็มีการเปิดสถานบริการต่าง ๆ เพื่อความสะดวกของทุกคน ถึงแม้จะเปิดไปบางส่วนแล้ว แต่ก็ต้องซื้อของกลับมาที่บ้านอยู่ดี และสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด - 19 นั่น รัฐบาลได้มีโครงการออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกคน ที่ได้รับความเดือดร้อนไปแล้วหลายด้าน และล่าสุดที่กำลังดำเนินการก็คือเหล่าเกษตรกร ที่ได้ความเดือดร้อนจากโควิด - 19 ทางรัฐได้มีการออกมาเยียวยา โดยให้เกษตรกรทุกท่านที่เป็นเกษตรกรอยู่แล้ว ได้มีการให้ไปปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบันคือปี 63 (แนะนำให้ปรับปรุงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น Farmbook) และให้เหล่าชาวสวน ชาวนา ชาวไร่มือใหม่ ลงทะเบียน รับเงินเยียวยา เป็นจำนวนเงิน 15,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 เดือน เดือนละ 5,000 บาท และให้เกษตรกรปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร และลงทะเบียนเป็นเกษตรกร โดยเร่งจัดการให้เรียบร้อยภายใน 15 พ.ค.นี้ สำหรับผู้ที่เป็นเกษตรกรที่ต้องปรับปรุงทะเบียน ก็มีความลำบากอยู่บ้าง เพราะหลายคนไม่ได้ปรับปรุงมานานเกิน 2 ปี หรือบางคนก็ปล่อยนานเกิน 3 ปี ซึ่งถ้าขาดการปรับปรุงทะเบียนเกิน 3 ปี หรือมากกว่านั้น ก็จะโดนตัดสิทธิ์การเป็นเกษตรกรทันที และวันนี้เองนักเขียนจะมารีวิว การขอปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ตั้งแต่ปี 61 ซึ่งไม่สามารถปรับปรุงใน 'แอพพลิเคชั่น Farmbook' (ตอนนี้แอพพลิเคชั่น ไม่สามารถขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้แล้ว แนะนำให้ไปอำเภอเลยครับ) ไปดูกันดีกว่าว่าการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร สำหรับผู้ที่มีทะเบียนเกษตรกรเป็นของปี 61 มีขั้นตอนยังไงกันบ้าง มาดูกันเลย... 1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการขอปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร จากเว็บไซต์ http://farmer.doae.go.th/ (เข้าไปในหน้าเว็บก็จะเห็นคำว่า 'สำหรับครัวเรือนเกษตรกร' กดเข้าไปเลือกดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอปรับปรุงทะเบียนได้เลย) 2. กรอกข้อมูลให้ครบ และอย่าลืมให้ผู้ใหญ่บ้านเซ็นเป็นพยานด้วยละ และในกรณีที่ที่ดินตั้งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ก็ต้องให้ผู้ใหญ่บ้าน หมู่นั้นที่ที่ดินเราตั้งอยู่เซ็นรับรองเป็นพยาน (ยกตัวอย่างเช่น.. เราอาศัยอยู่ หมู่ที่ 10 ที่ดินที่เราทำการปลูกพืชต่าง ๆ ตั้งอยู่หมู่ที่ 20 ก็ต้องไปให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 20 นั้น เซ็นรับรองเป็นพยาน) 3. ถ่ายรูปแปลงที่ดิน ที่เราปลูกพืชของเรา พริ้นท์รูปออกมาแนบกับเอกสาร 4. เตรียมเอกสารให้ครบ ประกอบไปด้วย 'แบบฟอร์มที่เราได้ทำการกรอกข้อมูลครบแล้ว, สำเนาบัตรประชาชน ,สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาโฉนดที่ดินที่เราจะปรับปรุง, รูปถ่ายแปลงที่ดินของเรา' 5. เดินทางไปที่เกษตรอำเภอ ยื่นเอกสารขอปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้กับเจ้าหน้าที่ เซ็นยืนยันสำเนาถูกต้องนิดหน่อย ก็เป็นอันเสร็จละครับ เจ้าหน้าที่จะทำการปรับปรุง ส่วนเราก็รอตรวจในเว็บ http://farmer.doae.go.th/ ว่าเป็นปีปัจจุบันหรือยัง (ถ้าคนขอปรับปรุงหรือขอขึ้นทะเบียนไม่มาก ก็รออัพเดตไม่น่าจะเกิน 5วัน) กรณีนี้ ใครที่ตรวจเช็คในเว็บแล้วขึ้นว่าปรับปรุงทะเบียนเมื่อปี 59 ก็เตรียมเอกสารขอปรับปรุงทะเบียน ตามที่นักเขียนแนะนำไว้ได้เลย ส่วนใครที่เช็คแล้วขึ้นว่าปรับปรุงทะเบียนเมื่อปีต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ปี 59 กับ 61 แนะนำให้โทรสอบถามสำนักงานเกษตรอำเภอเลยครับ และช่วงนี้เองทางสำงานเกษตรและสหกรณ์ ได้ลดเลี่ยงการเดินทางมาที่เกษตรอำเภอ ให้แก่ประชาชน โดยให้ผู้ใหญ่บ้าน และทีมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ออกแจ้งลูกบ้านว่าใครมีทะเบียนที่ปรับปรุงเป็นปัจจุบันแล้ว ผู้ใหญ่บ้านจะนำเอกสารมาให้เซ็นชื่อยืนยันไปกับผู้ใหญ่บ้าน เท่านี้ก็รอรับเงินเลยครับ ส่วนคนที่ต้องดำเนินการปรับปรุงทะเบียน ก็ไม่ต้องห่วงครับ จะมีทีมผู้ใหญ่บ้านออกแจกจ่ายเอกสารการขอปรับปรุงทะเบียน ให้เรากรอกข้อมูลให้ครบ และเตรียมเอกสารเช่น...'สำเนาบัตรประชาชน ,สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาโฉนดที่ดินที่เราจะปรับปรุง, รูปถ่ายแปลงที่ดินของเรา' เซ็นยืนยันสำเนาถูกต้องให้ครบ แล้วก็ส่งให้ผู้ใหญ่บ้าน หรือรอทีมงานผู้ใหญ่บ้านมาเก็บ เพื่อนำไปให้ผู้ใหญ่บ้าน ส่งต่อไปที่สำนักงานเกษตรอำเภอได้ทำการปรับปรุงทะเบียนของเรา ส่วนเราตรวจสอบทะเบียนที่ส่งปรับปรุงอยู่ที่บ้าน เป็นการลดการเดินทาง เลี่ยงที่จะเจอผู้คนมากขึ้น เป็นไงกันบ้างครับ ขั้นตอนการขอปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ นักเขียนเองก็มีทะเบียนเกษตรกรเหมือนกันครับ เพราะทางบ้านมีสวนยางพารา ให้ดูแลเป็นอาชีพรอง นักเขียนเองก็ได้จัดการขอปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรไปเรียบร้อยละครับ ส่วนใครยังไม่ปรับปรุงทะเบียน รีบ ๆ นะครับ เพราะถ้าแจ้งปรังปรุงช้า ก็จะอดรับเงินเยียวยาเกษตรกรนะครับ อีกอย่างการขั้นตอนการปรับปรุงที่นักเขียน ได้เขียนแนะนำไปนั้น ก็สามารถนำวิธีนี้ไปปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรในปีถัดไปได้นะครับ ที่ถึงแม้ไม่มีการเยียวยาแล้วในปีต่อไปแล้ว แต่ทำการปรับปรุงไว้ให้เป็นปีปัจจุบันไว้ดีกว่าครับ เพราะอาจจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ เช่น...น้ำท่วม, พายุเข้า, ขาดแคลนน้ำ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็จะมีการเยียวยาให้กับเกษตรกรที่ได้ผลกระทบ ไปตามความเหมาะสมด้วยครับ ภาพหน้าปกโดย - Sirawatchara ภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย - Sirawatchara