การปฏิวัติอุตสาหกรรม(คริสต์ศตวรรษที่ 18-19) ยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตจากเดิมที่ใช้แรงงานมนุษย์มาเป็นเครื่องจักรกล ซึ่งก่อให้เกิดผลดีต่อการผลิตทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มต้นที่ประเทศอื่นเพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประสบความสำเร็จในการปฏิวัติเกษตรกรรมเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆแต่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ระหว่างค.ศ 1760 ถึง1860 ในประเทศอังกฤษ ครั้งที่ 2 ระหว่างค.ศ 1860 เป็นต้นไปมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 มีสาเหตุมาจากการขยายตัวทางการค้าซึ่งเกิดจากการสำรวจดินแดนและการล่าอาณานิคมในคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 รวมทั้งความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์การยกเลิกการค้าแบบผูกขาดทำให้เกิดการพัฒนาทางการค้า การปฏิรูปทางการเกษตรทำให้มีการค้นคว้าประดิษฐ์เครื่องมือทางการเกษตร การปรับปรุงพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ แรงงานในชนบทเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม สาเหตุที่ทำให้ประเทศอังกฤษกลายเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมคืออังกฤษมีฐานะการเงินดีและเศรษฐกิจมั่นคง มีอาณานิคมเกือบทั่วโลกซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรและตลาดรับซื้อสินค้าจากอังกฤษมีรายงานพอเพียงมีวัตถุดิบที่สำคัญ เหล็ก และถ่านหิน มีความสามารถในการค้นคว้าสิ่งประดิษฐ์ต่างๆเพราะการศึกษามีความก้าวหน้า รัฐบาลอังกฤษให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนส่งเสริมการลงทุนและการค้าขาย นอกจากนี้ยุโรปและแผ่นดินใหญ่ได้รับความเสียหายจากสงครามนะโรเบียนระหว่างพ.ศ 1893 ถึง 1815 จึงจำเป็นต้องพึ่งพาสินค้าจากอังกฤษ การปฏิวัติครั้งที่ 1 เริ่มต้นจากการทอผ้าในอังกฤษการปฏิวัติครั้งนี้ทำให้เกิดนักประดิษฐ์จำนวนมากและได้คิดค้นเครื่องจักรกลช่วยในการทอผ้า การปฏิวัติครั้งที่ 2 เริ่มต้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในสหรัฐอเมริกาสืบเนื่องมาจากการนำวิธีการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาใช้กับวงการอุตสาหกรรมมีการนำพลังงานใหม่ๆมาใช้และการทำเหล็กให้เป็นเหล็กกล้านับตั้งแต่ เซอร์เฮนรี เบสซิเมอร์ ค้นพบวิธีแยกเหล็กโดยทำให้เหล็กมีคุณสมบัติดีขึ้นเป็นเหล็กกล้า นับแต่นั้นมาเลยก็ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมและการคมนาคมทุกประเทศ ทำให้มีการเรียกการปฏิวัติครั้งนี้ว่ายุคเหล็กกล้า ขอบคุณภาพจาก pexels และ pixabay : ภาพปก / ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3