วันนี้ก็แค่อยากเล่าอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การปลูกเห็ดของตนให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันค่ะ สาเหตุที่เริ่มปลูกก็เพราะสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นนั้นเอง ช่วงนั้นไม่ค่อยอยากออกจากบ้านไปซื้อของรวมทั้งตระหนักได้ว่าเราไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคตได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงอยากหันมาทำตัวเองให้พอเพียงในเรื่องของอาหาร ถ้าการที่เราอยากจะกินอะไรสักอย่างแล้วต้องควักเงินซื้ออย่างเดียวแล้ว… ถ้าวันนึงมีเงินแต่ไม่มีที่ให้ซื้อล่ะ? … อย่างนี้เราจะถามหาความพอเพียงด้านอาหารได้จากที่ไหนกัน? สุดท้ายก็แค่อยากเล่าจึงเริ่มหัดที่จะปลูกผักนั้นเอง แต่ปัญหาคือก็แค่อยากเล่าเป็นคนใจร้อนและไม่ค่อยมีวินัยมากนักจึงต้องหาคอลเลคชันผักที่เหมาะกับนิสัยตัวเองเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการปลูกได้ง่าย เริ่มด้วยการสืบค้นหาผักที่ให้ผลผลิตในเวลาสั้น ใช่แล้วค่ะเห็ดนางรมฮังการีเป็นหนึ่งในนั้นเพราะโตไว ดูแลง่าย น่าร้อนก็ปลูกได้ ทามไลน์กว่าจะได้กินเห็ดมีดังนี้ 1. การเลือกก้อนเห็ด ย้ำ! “ก้อนเห็ดนะไม่ใช่เชื้อเห็ด” ก้อนเห็ดที่มีขี้เลื้อยในถุง มีฝาปิด เห็นเชื้อเห็ดที่เป็นเส้นสีขาววิ่งทั่วทั้งก้อน “ทำไมต้องเห็นเส้นสีขาว ๆ วิ่งทั้งก้อนล่ะ?” เพราะยิ่งเส้นขาววิ่งเยอะเท่าไรเมื่อคุณเปิดปากก้อนคุณจะได้รับประทานเห็ดรุ่นแรกเร็วขึ้นเท่านั้น 2. ราคาและแหล่งที่ซื้อ ราคามีตั้งแต่ก้อนละประมาณ 8 บาทไปจนถึง 20 กว่าบาทค่ะ ถ้าไปซื้อที่โรงเห็ดส่วนใหญ่จะได้ก้อนละ 8 บาทค่ะ แต่ถ้ามีการจัดส่งราคาจะประมาณก้อนละ 8 บาทขึ้นไป ก็แค่อยากเล่าเคยสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ขนาดใหญ่อย่าง Shopee และดิวกับผู้ขายโดยตรง พบว่าที่ราคาและจำนวนก้อนเท่ากันหากสั่งซื้อกับระบบของเว็บไซต์ออนไลน์ค่าจัดส่งจะถูกว่าหลายสิบบาท ทางก็แค่อยากเล่าเข้าใจเองว่า (หากผิดพลาดประการใดขออภัยมานะที่นี้นะคะ) เพราะเว็บไซต์ออนไลน์ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทขนมีการใช้บริการต่อเนื่องส่งจึงอาจได้รับส่วนลดค่าจัดส่งจากทางบริษัทขนส่งนั้นเอง ก้อนเห็ดที่สั่งซื้อ 3. การเตรียมที่ปลูก เรียนรู้จากความผิดพลาด... ก็แค่อยากเล่าเคยนำชั้นเตาแก๊สเก่า ๆ มาดัดแปลงเป็นชั้นสำหรับวางเห็ด ด้านใช้ก้อนอิฐรองก้อนเห็ดเพราะรักษาความชื้นหลังจากรดน้ำ ด้านข้างด้านหลังและด้านบนใช้กระสอบข้าวสารคลุม ด้านหน้าใช้ตาขายที่เป็นรูเล็ก ๆ ประมาณรูกระชอนตักปลาคลุม เพราะตอนนั้นเคยไปดูโรงเรือนเพาะเห็ดแถวบ้านแล้วโรงเรือนทึบด้านบนด้านหลังและด้านข้างส่วนด้านหน้าไม่มีอะไรปิด ซึ่งหน้าโรงเรือนเป็นต้นไม้ใหญ่ เราเลยเข้าใจว่าต้องให้มีแสงบ้างและอากาศถ่ายเท ตอนนั้นเป็นน่าร้อน เราตั้งชั้นวางเห็ดไว้ใต้โรงรถ (พื้นเป็นปูน) และโรงรถอยู่ใต้ต้นไม่อีกที รดน้ำวันละ 3 รอบผ่านไปเกือบเดือนสรุปไม่ได้กินเห็ด สู่หนทางแห่งความสำเร็จ... จากนั้นเปลี่ยนเป็นโองมังกรเอานอนขวางเอาไม้วางเพื่อเป็นที่วางเห็ด เอาทรายใส่ด้านล่าง (ไม่ใส่ก็ได้) เพื่อรักษาความชื้น เอาผ้าขนหนูคลุมด้านหน้า สถานที่วางโอ่งคือบนดินใต้ต้นไม้แบบนี้จึงได้กินเห็ดเพราะว่า - โอ่งเก็บความเย็นได้ดีกว่า - มีน้ำจากการรด (ซึ่งจะกล่าวถึงให้หัวข้อถัดไป) ขังอยู่ในโอ่งทำให้มีความชื้นมากขึ้น ซึ่งเห็ดนางรมฮังการีชอบ - การที่เอาผ้าขนหนูปิดด้านหน้าปากโอ่งผ้ามีความทึบต่างกับตาข่าย ทำให้ความคุมการไหลเวียนของอากาศได้ดี เมื่อการไหลของอากาศนิ่งขึ้นการแปรผันของอุณหภูมิก็น้อยลง เมื่อเรารดน้ำที่ผ้า ตัวผ้าจะแนบติดกับปากโอ่งทำให้การควบคุมการไหลของอาการดีขึ้น ก็แค่อยากเล่าพบว่าหากเราเอาผ้าคลุมปากโอ่งมิดเลยเห็ดจะไม่ค่อยออกดอกควร เหลือช่องให้อากาศไหลเข้าได้บ้างเพราะหน้าร้อนการคลุมผ้ามิดทำให้ความร้อนถูกขังไว้ด้านในโอ่งและระบายออกได้น้อยในระหว่างวัน ส่วนหน้าฝนการคลุมผ้ามิดทำให้ความชื้นและความเย็นของอากาศนอกโอ่งเข้าได้น้อย ทั้ง ๆ ที่เห็ดนางรมฮังการีชอบอากาศหน้าฝน ส่วนหน้าหนาวทางก็แค่อยากเล่ายังทดลองปลูกไม่ถึงแต่คาดว่าควรเหลือช่องอากาศเล็กน้อยเช่นเดิม เพราะถึงแม้หน้าหนาวลมจะเยอะและอากาศจะแห้งแต่เราก็ยังต้องการความเย็นจากอากาศด้านนอกอยู่ดี โอ่งที่มีผ้าคลุม 4. การเปิดก้อนเห็ด เมื่อเราได้ก้อนเห็ดที่มีเชื้อเดินเต็มแล้ว - เมื่อเปิดฝาออกจะพบสำลีและเมล็ดข้าวฟ่างที่คอขวด - นำด้ามช้อนที่ถูกเช็ดด้วยแอลกอฮอล์แคะเอาสำลีและเมล็ดข้าวฟ่างออกให้หมด ก็แค่อยากเล่าเคยแคะออกไม่หมดปรากฏว่าราสีเขียวขึ้นบริเวณเมล็ดข้าวฟ่าง สำลีและเมล็ดข้าวฟ่างหากไม่นำใส่ถุงพลาสติกและปิดฝาทิ้งให้มิดชิดสามารถทิ้งลงดินบริเวณที่มีแดดจัดเพื่อให้ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยได้ เมล็ดข้าวฟ่างที่อยู่บริเวณคอดขวด (สีฟ้า) - หลังจากที่เราขูดหน้าเห็ดออกจนเกลี้ยงแล้วสำหรับเห็ดนางรมฮังการีให้ดึงคอขวดออก เพราะเห็ดออกเป็นช่อและโคนดอกใหญ่จึงต้องดึงออกเพื่อเห็ดออกได้สะดวกขึ้น หลังจากดึงคอขวดออกก็แค่อยากเล่าจะไม่พับปากถุงให้เหมือนเดิมกับตอนที่มีคอขวด เพราะเคยลองพับแล้วตอนรดน้ำ น้ำเข้าไปในก้อนเห็ดทำให้ราขึ้น นอกจากการดึงคอขวดออกจะทำให้เห็ดโตได้สะดวกแล้ว วิธีนี้ยังทำให้เก็บดอกเห็ดได้ง่ายและต้นไม่ขาดเวลาดึงอีกด้วย ลักษณะปากถุงหลังดึงคอขวดออก 5. การจัดเรียงก้อนเห็ดใส่โอ่ง วางก้อนเห็ดในแนวขวางบนชั้นไม้ที่เราเตรียมไว้ในโอ่งสลับกัน โอ่งมังกรหนึ่งใบใช้วางก้อนเห็ดประมาณ 10 - 12ก้อนกำลังดีเพราะจะเหลือพื้นที่ให้สอดมือเข้าไปรดน้ำได้ง่าย ก้อนเห็ดถูกจัดเรียงในโอ่ง 6. การรดน้ำ ใช้น้ำสะอาดรดหลังก้อนระวังอย่าให้น้ำไหลเข้าปากก้อน เพราะน้ำจะเข้าไปขังในก้อน (เกินความจำเป็น) ทำให้ขึ้นรา รวมไปถึงรดน้ำผ้าที่คลุมปากโอ่งด้วย วันที่อากาศร้อนรดเช้า กลางวัน เย็น ส่วนวันที่ฝนตกหรืออากาศเย็นรดแค่ 1 (ช่วงเที่ยง)หรือ 2 ครั้งก็พอ ช่วงที่ฝนตกติด ๆ กันก็แค่อยากเล่าเคยไม่รดน้ำเห็ดติดกัน 3 วันก็ยังได้กินค่ะ 7. ถ้าเห็ดขึ้นราทำอย่างไร? หากราขึ้นแค่บางจุดของก้อนให้ลองใช้ช้อนเช็ดแอลกอฮอล์ขูดราออกจากก้อนและข้างถุงพลาสติก ถ้าอยู่ลึกกรีดข้างถุงแล้วขูดราออก นำสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณด้านในถุงที่เคยแนบกับรา จากนั้นหาเทปกาวน์มาปิดให้สนิท ดูอาการอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ว่ามีราเกิดขึ้นอีกหรือไม่หากมีลองทำแบบเดิม จะทิ้งก็ต่อเมื่อราขยายเป็นบริเวณกว้างจนผู้เพาะเลี้ยงรู้สึกว่าจัดการไม่ได้ 8. ระหว่างขนย้ายก้อนเห็ดไปชนวัสดุอื่นแล้วเป็นรู!! จากประสบการณ์ถ้ารูขนาดประมาณปลายเข็มปล่อยเลยค่ะ แค่ระวังตอนรดน้ำอย่าให้โดนรู จะมีเห็ดไซด์เล็กออกบริเวณนั้น ถ้ารูใหญ่ตั้งแต่เท่าไม่ลูกชิดขึ้นไปแนะนำให้หาเทปกาวน์มาปิดค่ะ เพราะก้อนเห็ดของก็แค่อยากเล่าเคยเป็นรูไซด์เท่าไม้ลูกชิ้น มีเห็ดขึ้นจริงค่ะแต่เป็นราเพราะสิ่งสกปรกสัมผัสก้อนเชื้อได้ง่าย 9. ระยะเวลาในการเจริญเติบโต สำหรับคนขี้เกียจรดน้ำอย่างก็แค่อยากเล่าเลี้ยง 20 ก้อน ได้กินเห็ดเรื่อย ๆ ค่ะ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง สามารถทำผัดเห็ดชามเล็กได้ ก้อนเห็ด 1 ก้อนใช้งานได้ประมาณ 4-6 เดิอน 10. การเก็บดอกเห็ด การเก็บให้ล้างมือให้สะอาดจับที่โคนช่อดอกออกแรงดึงเข้าหาตัวพร้อมโยกช่อดอกซ้ายขวา แล้วขูดปากก้อนเห็ดให้เกลี้ยงเหมือนกับตอนเปิดก้อนครั้งแรก ส่วนตัวเคยลองไม่ขูดค่ะปรากฏว่าเห็ดไม่ค่อยขึ้น เมื่อทำตามขั้นตอนแล้วดอกเห็ดที่ได้จะมีดอกใหญ่ น้ำหนักดี เนื้อสัมผัสเหนียวเล็กน้อย สำหรับคนที่ปลูกผักไม่เก่งก็แค่อยากเล่าอยากจะให้กำลังใจว่า แต่ก่อนก็แค่อยากเล่าเป็นคนที่ปลูกผักไม่ค่อยได้ผล จะพอปลูกได้บ้างก็เช่นกระบองเพชรหรือไม่ก็พลูด่างแช่น้ำ แต่เมื่อการปลูกผักเกิดความสำเร็จขึ้นในครั้งแรกจากที่ไม่เคยทำได้เลยได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองกำลังใจก็มาค่ะ อยากปลูกนั่นปลูกนี้อีกเยอะ ปัจจุบันปลูกได้หลายชนิดขึ้นอาจจะยังไม่เก่งเท่ากับที่เขาปลูกขายกันแต่ก็ประหยัดค่าผักไปได้หลายมื้อค่ะ ใครจะไปรู้ล่ะค่ะว่าความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการปลูกผักก็สร้างความสุขให้เราได้ ใครอยากได้ความพอเพียง ความสุข ประหยัด และก็อิ่มท้องด้วยลองปลูกผักกันสิค่ะ ^_^ รูปถ่ายทั้งหมดโดยก็แค่อยากเล่า