การเดินทางในกรุงเทพมหานคร การใช้ชีวิตในเมืองกรุงเทพเป็นชีวิตที่แสนวุ่นวายมากนัก คนที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพบางกลุ่มมักจะมีความคิดว่าการมาอยู่ในเมืองกรุงคือจะสบาย หรือคนต่างจังหวัดก็มักจะคิดว่าชีวิตในกรุงเทพจะสุขสบาย แท้จริงแล้วไม่เลย ในเมืองกรุงนั้นช่างแสนวุ่นวาย คนที่มีชีวิตอยู่ในเมืองกรุงกลับอยากจะไปอยู่ไปมีชีวิตอยู่ในที่ต่างจังหวัดที่แสนเงียบสงบและเรียบง่ายไม่วุ่นวายมากกว่า ยิ่งในช่วงเวลาที่เป็นวันทำงานเวลาทำงาน เส้นทางการเดินทางทุกการเดินทางแทบจะติดขัดและมีคนมากมายแออัดกันอย่างมาก ในการเดินทางในช่วงเวลาที่คับขัน การเดินทางในช่องทางต่างๆที่ทางหน่วยงานได้แจ้งกับประชาชนว่า เดินทางทางนั้นจะช่วยให้เดินทางเร็วขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้น สุดท้ายเมื่อในเวลาที่คนใช้บริการเส้นทางการเดินทางเหล่านั้นกันอย่างมาก สุดท้ายทุกเส้นทางการเดินทางก็ติดขัดหมด ก็อาจจะช่วยล่นระยะเวลาในการเดิ นทางให้เล็กน้อย เช่น การเดินทางทางรถไฟฟ้า ก็เป็นการเดินทางเส้นทางหนึ่งที่ค่อนข้างเร็วและประหยัดเวลา แต่เมื่อในเวลาที่คนใช้บริการกันเยอะ คนก็ต้องต่อแถวกันเพื่อรอขึ้นรถไฟ บางครั้งจึงทำให้เกิดปัญหา คนมักง่ายคนเห็นแก่ตัว หรือคนที่รีบจริงๆ แทรกคนอื่นเข้าประตูไป แต่นั่นก็เป็นโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะมีคนแบบนั้น คนส่วนใหญ่ในสังคมก็ยังมีมารยาทในการเข้าแถวเพื่อรอขึ้นรถไฟอยู่ ปัญหาอีกอย่างคือ ในช่วงที่รถไฟจอดให้คนลงที่สถานี คนบางคนจะรีบเข้าไปในรถไฟ โดยที่ไม่รอให้คนในรถไฟออกมาให้หมดก่อน ดังนั้นจึงเกิดปัญหาอีกอย่าง คือ คนในรถไฟบางคนอาจออกมาจากรถไฟไม่ทัน เพราะถูกคนจากด้านนอกเดินเข้ามาขวางประตูไว้เพื่อที่จะรีบเข้ารถไฟ แต่ทางสถานีรถไฟก็จะมีรปภ.ประจำสถานีรถไฟคอยเป่านกหวีดเตือนอยู่ตลอดเวลาสำหรับประชาชนที่ทำตัวผิดกฎฝ่าฝืนกฎมารยาทในการใช้บริการรถไฟฟ้า ภาพถ่ายโดยผู้เขียน หนึ่งในสถานีรถไฟฟ้าBTSที่เป็นสถานีที่ใหญ่และมีเส้นทางการเดินทางของรถไฟอยู่หลายสายภายในสถานีเห็นจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าBTSสถานีที่สยาม สถานีที่เป็นสถานีรถไฟฟ้าที่มีตรงกับจุดที่สามารถเดินทางแยกออกไปได้หลายเส้นทางในเมือง ดังนั้นสถานีรถไฟฟ้าที่สถานีนี้ จึงมีเส้นทางการเดินทางของรถไฟฟ้าหลายสาย ทำให้ในช่วงเวลาคับขัน ช่วงเวลาเช้าที่คนออกมาเดินทางไปทำงาน สถานีรถไฟฟ้าสถานีนี้จะมีคนมากมายมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาภายในสถานีเพื่อที่จะเดินทางไปทำงานในเส้นทางต่างๆภายในตัวเมือง ในช่วงที่รถไฟฟ้ามาจอดที่สถานี แล้วคนทยอยเดินเข้ารถไฟฟ้ากัน เราจะได้เห็นความสวยงามของการเดินแถวกันอย่างเป็นระเบียบเข้าไปในรถไฟของผู้คน เส้นทางบนสถานีที่คนยืนแออัดกันหนาแน่นก่อนหน้านี้ จะค่อยๆเปิดทางออกมาเพราะผู้คนที่ยืนรอรถไฟได้เดินแถวกันเข้าไปในรถไฟที่มาจอดรอรับแล้ว เป็นความสวยงามและความมีระเบียบทืี่ดีของกลุ่มคน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ในช่วงสาย จะเป็นช่วงที่เหล่าคนทำงานเข้าทำงานกันหมดแล้ว สถานีรถไฟฟ้าที่ในเวลาเช้ามีคนมากมายและแออัดก็จะไม่ค่อยมีคนและจะดูโล่งตามาก ถ้าใครสนใจอยากจะชมบรรยากาศช่วงที่สถานีรถไฟฟ้าคนน้อยๆมากๆตามรูปด้านบนก็ขอให้พวกท่านมาในช่วงตอนเวลาสาย ๆของวัน ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน นอกจากการเดินทางโดยรถไฟฟ้าในกรุงเทพแล้ว ยังมีการเดินทางอีกเส้นทางหนึ่งที่อยู่คู่กับบ้านเมืองเมืองกรุงมานาน นั่นคือการเดินทางทางรถเมล์ อันที่จริง การเดินทางทางรถเมล์ถือเป็นเส้นทางในการเดินทางหลักๆที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้บริการ เพราะการขขึ้นรถเมล์นั้นมีราคาค่าใช้จ่ายที่ถูกสามารถใช้บริการได้แทบทุกระดับชนชั้นของผู้คน ยกเว้นคนบ้าคนเสียสติและคนเร่ร่อน ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ เพราะบุคคลจำพวกนี้พอขึ้นมาบนรถเมล์ก็จะโวยวายคนจนธรรมดาทั่วไปรำคาญ บางทีก็อาจจะทำร้ายคนอื่นบนรถ แต่ก็ต้องแลกกับการเดินทางที่ต้องคอยติดขัดตามธรรมดาปกติของช่วงเวลาเร่งรีบบนท้องถนน เพราะฉะนั้น ใครที่รู้ว่าตัวเองต้องขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ต้องทำเวลาให้ดี โดยการต้องตื่นเช้ามาก ๆเพื่อจะได้เลี่ยงช่วงเวลาที่รถติดมากในเวลาประมาณ8-9โมงเช้า เพราะเวลาช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนเริ่มออกมาทำงานกันเยอะ จึงทำให้ในเวลาดังกล่าวการจราจรจะติดขัดมาก กลุ่มคนบางกลุ่มที่รีบมากๆจึงต้องออกมาด้วยเวลาที่เร็วกว่านี้ ประมาณสักตี 5:30-6:00 น. จะเป็นช่วงที่ถนนโล่งรถยังไม่ค่อยมากเหมาะแก่การเดินทางอย่างรวดเร็วและเร่งรีบ แต่ก็ควรจะขับรถกันอย่างระมัดระวังและมีสติไม่ประมาท ไม่ใช่ว่าพอเห็นถนนโล่งก็ซิ่งก็ขับรถเร็ว เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน คนบางคนมักจะเกิดความคึกคะนองบนท้องถนน จึงทำให้เกิดอันตรายบนท้องถนนแล้วอาจทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันบนท้องถนนเดือดร้อนได้ โดยเฉพาะยิ่งเป็นรถใหญ่อย่างพวกรถเมล์ต้องยิ่งควรระวัง ควรขับขี่ให้มีสติมีระเบียบและควรตรวจเช็คร่างกายของผู้ขับขี่ให้พร้อมในการขับรถเสมอ และควรตรวจเช็คสภาพของตัวรถเมล์ด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะไม่ให้รถเมล์ไปจอดเสียกลางถนนจนทำให้การจราจรติดขัดเพราะรถเมล์ที่มีขนาดใหญ่ไปจอดเสียอยู่กลางถนนขัดขวางการจราจรไปหมด สภาพของรถเมล์ในประเทศไทยมีหลายแบบ มีรถเมล์แบบเก่าแบบที่ตัวพื้นรถยังเป็นไม้อยู่ กับรถเมล์ที่ติดแอร์ รถเมล์แบบนั้นก็จะเย็นสบาย แต่ราคาก็จะมีราคาที่แพงขึ้น คนก็จึงนิยมขึ้นรถเมล์ธรรมดา เปิดหน้าต่างรับลมธรรมขาติ แต่อย่าสูดอากาศเข้าไปมากนะครับ เพราะในอากาศก็มีแต่พวกมลพิษจากควันรถควันถนนฝุ่นถนนปนอยู่ทั้งนั้น ตัวของผมเองเวลาขึ้นรถเมล์ธรรมดาๆที่ไม่ติดแอร์ บางช่วงผมยังต้องคอยกลั้นหายใจเพื่อไม่ให้พวกมลพิษอะไรเข้าไปในตัวมากกว่านี้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆ ต้องมีช่วงที่กลั้นหายใจไม่สูดอากาศเข้าไปบ้าง หรือบางช่วงที่รถเมล์เบรค กลิ่นของยางรถที่เสียดสีกับพื้นถนนจนเหมือนเป็นกลิ่นยางรถไหม้ร้อนขึ้นมา มันเป็นกลิ่นที่เหม็นมาก และผมคิดว่ากลิ่นแบบนี้มันดูจะอันตรายกับร่างกาย ในช่วงนั้นก็ต้องกลั้นลมหายใจไม่สูดกลิ่นยางรถไหม้เข้าไปเหมือนกัน ทางป้องกันอากาศมลพิษก็คือ การใส่หน้ากากอนามัย ภาพถ่ายโดยผู้เขียน นี่คือสภาพด้านในรถของรถเมล์รถประจำทางของไทย เป็นรถเมล์แบบเปิดระบายอากาศรับลมจากภายนอกซึ่งก็เป็นอากาศที่ไม่ค่อยสดชื่นนัก เพราะอากาศในเมืองก็กลิ่นคลุกเคล้าตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นมลพิษกลิ่นท่อไอเสียจากรถคันอื่นๆ คนบางกลุ่มก็จึงนิยมไปขึ้นรถเมล์แบบปรับอากาศติดแอร์กัน แต่ก็มีราคาที่แพงขึ้นมาอีกระดับนึง แต่ก็แลกกับการไม่ได้สูดอากาศควันพิษภายนอก และการมีรถที่มีแอร์เย็น แต่เมื่อในเวลาเร่งด่วนที่มีคนขึ้นไปเต็มรถจนเบียดกัน สุดท้ายก็จะร้อน แล้วไม่รู้สึกถึงความเย็๋นของแอร์ภายในรถอยู่ดี ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ แต่ถ้ารถเมล์คันไหนทำดีติดแอร์ดีแอร์ก็จะเย็นมาก ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ในกรุงเทพนั้น ก็ยังมีอีกเส้นทางการเดินทางนึง ที่เป็นการเดินทางในแบบที่ใช้กันมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนในอดีตเมื่อนานมาแล้วของไทย ซึ่งนั่นก็คือ การเดินทางโดยทางเรือ เป็นการเดินทางที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะว่า ในเมืองกรุงเทพมหานครนั้น มีคลองมีแม่น้ำที่ถูกวางแผนสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเดินทางทางเรือมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ จน ณ ปัจจุุบันนี้เส้นทางการเดินเรือเหล่านั้นก็ยังคงมีอยู่และก็มีผู้คนที่ใช้กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำใกล้ท่าเรือ ดีไม่ดี การเดินทางทางเรือเพื่อที่จะไปในจุดไหน บางครั้งมันอาจจะสะดวกกว่าการเดินทางทางอื่นด้วยซ้ำไปในบางจุดมากก็ได้ครับ สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากให้ทุกคน เลือกการเดินทางสาธารณะที่เหมาะสมเพื่อการเดินทางที่ดีของตัวเอง และเพื่อเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศจากการนำรถส่วนตัวกันออกมากันอย่างมากมายไปด้วยครับ คนหลายคนชอบคิดว่า "คนอื่นยังไม่มี แล้วทำไมเราต้องทำ" ถ้าคิดอย่างงี้กันหมด โลกนี้ต้องจะได้ล่มสลายในไม่ช้าแน่ๆครับ อย่างน้อย เราก็ช่วยได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่ว่าจะช่วยในสิ่งเล็กๆก็ยังดีกว่าไม่ช่วยอะไรเลย หรือช่วยในเรื่องใหญ่ๆได้ก็ยิ่งดีครับ