เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเห็นคนลุกขึ้นมาวิ่งกันเป็นทิวแถว เหตุผลหนึ่งก็เพราะการวิ่งเป็นวิธีออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย แทบไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อะไรเลยนอกจากรองเท้าวิ่งดี ๆ สักคู่หนึ่ง และกิจกรรมต่อยอดที่คนให้ความสนใจหลังจากออกมาวิ่งได้สักระยะหนึ่งแล้วก็คือ การลงวิ่งมาราธอน บ้างก็ลงวิ่งเพราะอยากทดสอบขีดจำกัดร่างกายของตัวเอง บ้างก็ลงเพราะเพื่อนชักชวน บ้างก็ลงเพราะอยากสัมผัสบรรยากาศ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ นักวิ่งหน้าใหม่ทุกคนจำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายและจิตใจให้ดีเสียก่อน เราจึงมีเคล็ดไม่ลับในการฝึกฝนก่อนลงวิ่งจริงมาฝากกัน ขอบคุณภาพจาก pixabay.com,skeeze 1. รู้เป้าหมายชัดเจน แล้วซอยเป้าหมายเพื่อการฝึกซ้อม เป้าหมายที่ว่านี้ก็คือ เราลงวิ่งที่ระยะทางเท่าไร ให้ตั้งเป้าเอาไว้ก่อนว่าจะวิ่งให้ครบระยะโดยที่ไม่หยุดเดิน ส่วนวันจริงจะเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่สำคัญ จากนั้นให้ซอยเป้าหมายให้เล็กลงเพื่อเริ่มฝึกซ้อม เช่น ระยะทางทั้งหมดคือ 21 กิโลเมตร ก็ให้ซอยเป็น 5 กิโลเมตรก่อน เมื่อวิ่งได้แล้วก็เพิ่มทีละ 5 กิโลเมตรจนกว่าจะครบระยะจริง ขอบคุณภาพจาก pixabay.com,Ben_Kerckx 2. เริ่มฝึกจากความอึดก่อน แล้วค่อยไปพัฒนาความเร็ว การวิ่งเข้าเส้นชัยได้ในเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็นความใฝ่ฝันของทุกคน แต่ถ้าเราจะเน้นวิ่งเร็วกันตั้งแต่ตอนเริ่มต้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยวิ่งไกลขนาดนั้นมาก่อน อาจจะเกิดการบาดเจ็บจนไม่สามารถลงวิ่งในวันจริงได้ด้วยซ้ำ ในช่วงแรกของการฝึกให้วิ่งช้า ๆ ก่อน หัวใจสำคัญคือทำยังไงก็ได้ให้วิ่งได้ครบระยะที่ตั้งใจไว้ เมื่อทำได้แล้วก็ทำแบบเดิมซ้ำ ๆ เมื่อกล้ามเนื้อร่างกายพร้อมแล้วระดับความเร็วจะเพิ่มขึ้นเองโดยธรรมชาติ ขอบคุณภาพจาก pixabay.com,hbieser 3. ต้องมีวันพักเสมอ ความต่อเนื่องในการฝึกซ้อมสำคัญมาก แต่การพักก็สำคัญไม่แพ้กัน เราไม่สามารถซ้อมวิ่งได้ทุกวันอย่างที่ใจอยาก เพราะกล้ามเนื้อจะเจ็บหนักและฟื้นตัวได้ช้า จึงควรซ้อมวิ่งสลับกับการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ ที่มันผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เช่น ว่ายน้ำ โยคะ เป็นต้น แล้วก็ต้องมีวันพักจริง ๆ ที่ไม่ออกกำลังกายเลยอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ ให้จำไว้ว่าคนที่ทำผลงานในการวิ่งมาราธอนได้ดีก็คือคนที่ฝึกซ้อมมาดี ยิ่งมีระยะเวลาในการซ้อมนานเท่าไร เราก็ยิ่งมีเวลาในการปรับร่างกายและจิตใจนานเท่านั้น อย่ารีบร้อนและอย่ารวบรัด ทุกครั้งที่ลงวิ่งจึงจะได้ประสบการณ์ที่ดีเสมอ