ถ้าจะให้พูดถึงค่ายอาสา แน่นอนว่าการจัดทำค่ายต้องไปในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ หรือมีการขาดแคลน เพื่อที่จะทำคุณประโยชน์ให้กับพื้นที่นั้น ๆ สิ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งของ แรงกายแรงใจ หรือว่าความรู้นั่นเอง ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปที่โรงเรียนบ้านอูตูม อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่กันค่ะ ค่ายอาสาในครั้งนี้ ทางคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้จัดขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมภาษาไทยให้กับชุมชนบนพื้นที่สูง โดยเราจะเดินทางโดยการขึ้นรถแดงจากมหาวิทยาลัย ไปที่อมก๋อย ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 3-4 ชั่วโมง และแวะพักที่รีสอร์ทก่อนจะเข้าสู่โรงเรียนในวันถัดไปค่ะ การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากถนนขรุขระมาก เป็นดินลูกรังตลอดทาง แถมยังแคบอีกด้วย ระหว่างทางก็จะมีชาวบ้านแถบนั้นจูงวัวมากินหญ้าตามข้างทาง เป็นภาพที่หายากทีเดียวค่ะ เราเดินทางถึงโรงเรียนในเวลา 8.00 น. เด็ก ๆ ก็พากันเข้ามานั่งภายใต้ถุนอาคารกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหล่าคุณครูอาสาก็พากันจัดกิจกรรมทำความรู้จักและสันทนาการกันอย่างเต็มที่ ทำความรู้จักกับน้อง ๆ โรงเรียนบ้านอูตูมกันพักใหญ่ น้อง ๆจะมีความเขินอายอยู่บ้าง แต่ให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดีค่ะ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามกลุ่มต่าง ๆที่ได้จัดไว้ตามช่วงชั้น เพื่อที่จะทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน แต่เราที่กำลังจะไปเป็นครูศิลปะ เลยต้องแยกจากเด็ก ๆ เพื่อที่จะสอนคุณครูในโรงเรียนทำสื่อการเรียนรู้แทน เพราะในพื้นที่ห่างไกล สื่อการเรียนรู้มักมีจำกัดและไม่เพียงพอต่อการเรียนรู้ เราก็เลยเตรียมกิจกรรมมาให้คุณครูทำค่ะ มีการเกรงใจ เคอะเขินกันอยู่บ้าง เพราะเราอายุน้อยกว่าเยอะมาก ๆ ค่ะ 555 กิจกรรมที่เรานำมาก็คือ การทำตราปั๊มยางลบ การทำสื่อสัตว์พูดได้จากกระดาษ และการขยายสเกล ถึงคราวพักเที่ยง เราก็พักรับประทานอาหารร่วมกันกับชาวค่าย เด็ก ๆ บางส่วนที่มายืนมองด้วยความสงสัยว่าเรากินอะไรกันนะ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเราก็มาเล่นกับเด็ก ๆ ในช่วงพักเที่ยงก่อนที่กิจกรรมในภาคบ่ายจะเริ่มขึ้น กลุ่มคุณครูอาสาในค่ายบางส่วนได้เล่นกีฬาฟุตบอลกระชับมิตรกับเด็ก ๆ ในโรงเรียน บ้างก็ดีดกีต้าร์ ร้องเพลงตรงใต้ถุนอาคาร มีน้อง ๆ มานั่งฟังกันเยอะมาก ๆ แทบจะทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะน้องที่เป็นผู้หญิงจะกรี๊ดกร๊าดมากเป็นพิเศษ เพราะมือกีต้าเรานอกจากร้องเพลงเพราะแล้ว หน้าตาก็ดีด้วยนั่นเองค่ะ ช่วงบ่ายเราได้ทำการวาดภาพเล็ก ๆน้อย ๆ เพื่อเป็นการมอบให้ทางโรงเรียนได้นำไปทำเป็นพวงกุญแจในงานเปิดบ้านวิชาการที่กำลังจะใกล้เข้ามา เป็นภาพวาดสีน้ำขนาดเล็ก เราทำกันไปราว ๆ 40ใบเลยค่ะ เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศภายในโรงเรียน ฟังเสียงเด็ก ๆ พูดคุยทำกิจกรรม เสียงหัวเราะของคุณครูโรงเรียนบ้านอูตูมที่กำลังทำงานศิลปะ ประกอบกับการตกตะกอนเล็ก ๆ ขึ้นภายในใจของเราเอง เมื่อถึงเวลา16.00น. ก็ถึงเวลาอันสมควรในการเลิกกิจกรรม ชาวค่ายทั้งหมดรวมตัวกันที่ใต้ถุนอาคารร่วมกับน้อง ๆ รวมทั้งคุณครูที่โรงเรียน เพื่อสรุปกิจกรรมและมอบสื่อการเรียนรู้ รวมไปถึงของรางวัลให้กับเด็ก ๆ ในช่วงท้ายของการกล่าวคำอำลา มีน้องคนหนึ่งที่ขอพูดความในใจ น้องบอกว่า "ขอบคุณที่พี่ๆทุกคนมาที่นี่ หนูดีใจมากค่ะ" แค่ประโยคสั้นๆ แล้วน้องก็ร้องไห้ออกมา เรายืนมองอยู่ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก แต่ในใจเรารู้สึกเหมือนถูกลมสูบเข้าไปจนพองฟู เพียงแค่วันเดียว เรายังรู้สึกเต็มอิ่มในใจมากขนาดนี้ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่มาค่ายนี้มาก ๆ มันทำให้เราได้มองโลกกว้างขึ้นไปอีก ในช่วงสุดท้ายก่อนจะกลับไปที่พัก เราได้มีการรวมตัวเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะภายในค่าย ก็มีพี่ ๆนักศึกษาฝึกสอนจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกมากล่าวความในใจ จากสิ่งที่เกิดขึ้นในการมาฝึกสอนที่อำเภออมก๋อย ภายในระยะเวลา 1 ปี ความยากลำบากในการเป็นครูบนดอย ไม่ใช่เเค่เรื่องสถานที่ที่ทุรกันดาน แต่เรื่องของตัวเด็กเองที่มีปัญหาเรื่องของพ่อแม่ผู้ปกครอง สภาพการเงิน และระยะทางในการมาโรงเรียน เด็กบางคนต้องเดินเท้ามาเรียนในระยะทาง 3-4 กิโล บางคนพ่อแม่ติดคุก แต่เด็กเหล่านี้มีความตั้งใจมาก ๆ ในการมาเรียนในแต่ละวัน ดังนั้นเราที่จะเป็นครูในอนาคตจึงต้องเข้าใจบริบทและสังคมรอบตัวเด็ก และเต็มที่กับการเป็นครู เพื่อให้พวกเขาเหล่านี้โตมาอย่างมีคุณภาพ มีหน้าที่การงาน และสามารถใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ภาพ โดย ผู้เขียน