กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อมะเร็งแวะมาทักทาย (ตอนที่3) เมื่อฉบับที่แล้ว ดิฉันได้พาคุณผู้อ่านแวะเข้าไปฟังผลการวินิจฉัยทางการแทพย์กับคุณหมอศัลยกรรมเรียบร้อยไปแล้วนั้น มาฉบับนี้ดิฉันจะเล่าถึงรายละเอียดลงลึกไปถึงการผ่าตัดมะเร็งเต้านมกันซักนิด เพื่อเป็นประโยชน์และแบ่งปันความรู้เล็กๆ น้อยๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจกันง่ายๆ เผื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพื่อให้เข้าใจลักษณะของโรคและการรักษาสักนิดค่ะ ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันนี้ก้าวหน้าไปมาก ถ้าพูดถึงคำว่า "มะเร็ง" สมัยก่อนเป็นใคร ใครก็กลัว และคิดกันไปในทางที่น่าหวาดหวั่นว่าจะรักษาไม่หายถึงขั้นคิดไปว่าต้องเสียชีวิตอย่างเดียว แต่ก็นั่นล่ะ มันก็ขึ้นอยู่กับอะไรหลายอย่างประกอบกันด้วย ว่า มะเร็งที่เราเป็น เป็นประเภทไหน เกิดขึ้นที่ไหน อายุเรามากน้อยแค่ไหน และระดับความรุนแรงของก้อนเนื้อร้ายอยู่ระดับไหน มีการลุกลามไปที่อื่นหรือไม่ เราจะไม่พูดถึงข้อมูลในเชิงวิชาการมากนัก แต่เราจะถ่ายทอดเฉพาะเพียงแค่ มะเร็งเต้านมที่ดิฉันเป็นอยู่เท่านั้น การรักษามะเร็งเต้านมเป็นการรักษาผสมผสานกันหลายวิธี ทั้ง การผ่าตัด เคมีบำบัด ฉายแสงรังสี ยาต้านฮอร์โมน และ ยามุ่งเป้า ดิฉันจะกล่าวถึงเพียงแต่ในสิ่งที่ดิฉันมีประสบการณ์กับการรักษานั้น จะไม่พูดสิ่งที่ดิฉันไม่มีประสบการณ์นะคะ ถ้าท่านผู้อ่านสนใจสามารถหาข้อมูลเชิงลึกได้ทางอินเตอร์เน็ตค่ะ มะเร็งเต้านมเกิดจากเซลล์ของมะเร็งเต้านมที่เติบโตผิดปกติไป โดยเกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งเต้านมแล้วเจริญเติบโตเดินไปตามท่อน้ำเหลืองในต่อมน้ำนม และต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้การผ่าตัดมะเร็งเต้านมมี 2 ทางเลือก ให้เลือกผ่าตัด แต่ละทางเลือกก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของก้อนเนื้อมะเร็งว่า ขนาดเล็กใหญ่แค่ไหน และขนาดของเต้านมเราด้วยว่าขนาดเล็กมากน้อยแค่ไหน เพราะอะไรเหรอ เพราะถ้าก้อนเนื้อร้ายมีขนาดใหญ่แต่ขนาดเต้านมเราเล็กมาก เราก็จะไม่สามารถ ผ่าตัดแบบสงวนเต้าได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ การวินิจฉัยของแพทย์ในการวินิจฉัยว่าเราเหมาะสมกับการผ่าตัดแบบใดที่สุด ดิฉันหาข้อมูลคร่าวๆ มาเล่าให้คุณผู้อ่านได้อ่าน เพราะขั้นตอนการผ่าตัดเป็นขั้นตอนแรกๆ ที่อยู่ในการรักษามะเร็งเต้านม ซึ่งจะมีการรักษาในขั้นตอนอื่นๆ ตามมาอีกเป็นลำดับไป เราจึงควรเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจของเรา ต่อสู้กับความกลัว และมีสติที่จะเดินหน้าต่อไปทางเลือกแรกคือ การผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด คุณหมอจะเป็นผู้วินิจฉัย จากปัจจัยหลายๆ อย่างมาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนก้อนที่พบ ระยะการลุกลามและความต้องการของผู้ป่วยเป็นสำคัญ การผ่าเต้านมออกทั้งหมด อาจรักษาควบคู่ไปกับการฉายแสงและทานยาต้านฮอร์โมน ควบคู่กันไปด้วยทางเลือกที่สอง คือ การผ่าตัดเต้านมแบบสงวนเต้า หรือการตัดคว้านเอาเฉพาะก้อนเนื้อร้าย และต่อมน้ำเหลืองรอบๆ ต่อมน้ำนมใกล้เคียงออก และตัดเอาต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ออกเพื่อป้องกันการลุกลาม การผ่าตัดแบบสงวนเต้าจะรักษาด้วยเคมีบำบัดและการฉายแสงรังสี เป็นขั้นตอนต่อไป เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งให้หมดไป และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำคุณหมอจะบอกรายละเอียดการผ่าตัดทั้งสองแบบกับเรา และแบบไหนเหมาะสมกับเรา ขั้นตอนการผ่าตัดใช้เวลาผ่าตัดนานประมาณสองชั่วโมงเศษ โดยวิธีการดมยาสลบ เราจะมีแผลผ่าตัดความยาวขนาดกี่เซนติเมตร แล้ว เราจะดูแลแผลหลังผ่าตัดอย่างไร และแล้วดิฉันก็ได้ตารางนัดผ่าตัด กับทางโรงพยาบาล กลางเดือนตุลาคม 2562 เช้าตรู่ของวันนัดก่อนผ่าตัดหนึ่งวัน ดิฉันได้เข้าแอดมิทที่โรงพยาบาล 1 คืน เพื่อรอผ่าตัดเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่องดน้ำและงดอาหาร 6 ชั่วโมง ดิฉันตื่นแต่เช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ เจ้าตัวเล็กก็ส่งเสียงตลอดทั้งคืน เพราะตื่นเต้นที่ได้นอนโรงพยาบาล แปลกที่ สนุกตามภาษาเด็กน้อย ได้เห็นดิฉันใส่สายน้ำเกลือ และจะเฝ้าถามดิฉันตลอดว่า คุณแม่เจ็บไหม คุณหมอเอาเข็มมาใส่มือคุณแม่ทำไม ได้เวลาผ่าตัดแล้ว เมื่อเข็มนาฬิกาเดินมาที่เวลา 9 โมงกว่าๆ รถเข็นของบุรุษพยาบาลและพยาบาลมารับตัวดิฉันเพื่อลงไปห้องผ่าตัด ดิฉันฝากเจ้าตัวน้อยไว้กับพี่สาวและพี่ชายที่เดินทางมาช่วยดูแลหลานให้ ดิฉันจะได้ไม่กังวลถึงลูก และเข้าผ่าตัดได้แบบหมดห่วง พอดิฉันมาถึงห้องผ่าตัด นอนรอที่ห้องรอการผ่าตัด พยาบาลผู้ดูแล เข้ามาซักประวัติ เสร็จเรียบร้อย ไม่กี่นาทีก็เข็นเข้าห้องผ่าตัด ภายในห้องผ่าตัดนั้นมีพยาบาลอยู่ 2-3 คน ในการเตรียมเครื่องมือ สักพัก วิสัญญีแพทย์ได้แนะนำตัว และบอกกับดิฉันว่าจะ ดมยา ให้ดิฉันหายใจเข้าออกลึกๆ สองสามครั้ง ก่อนที่จะวางยา ได้วัดชีพจร วัดความดันอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการตั้งแต่ดมยา นับยังไม่ถึง 10 เลย ดิฉันก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ มารู้สึกอีกที ตอนอยู่ห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้วฉบับหน้า ดิฉันจะมาเล่าอะไรต่อไปนั้น มาติดตามกันต่อนะคะ เพียงขั้นตอนแรกของการรักษา จากวันตรวจพบด้วยตัวเองจนมาถึงผ่าตัดออกไป ใช้เวลาไปก็ประมาณ เกือบแปดเดือน โชคดีที่เราตัดสินใจรักษาไว เลยมีโอกาสหายค่อนข้างสูง ระยะการแพร่กระจายเป็นศูนย์ จึงอยากฝากกับคุณผู้อ่านว่า หมั่นตรวจ สังเกต และตรวจร่างกายของตัวเองกันบ่อยๆ เพราะเรารู้เร็ว เราก็มีโอกาสหายค่อนข้างสูงค่ะ