กิมจิทำกินเองได้ ในยุคโควิด 19 ระบาด เมื่อคราวที่ได้ออกไปซื้อของที่ห้างโลตัสวันก่อนได้ซื้อผักมาหลายอย่าง รวมถึงผักกาดขาวของโครงการหลวงด้วย วันนี้จะนำมาทำกิมจิเก็บไว้กินเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้แก่ลำไส้ ช่วยภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้ดีทีเดียว เราไปดูวิธีทำกันดีกว่าว่าทำอย่างไรกันบ้าง สูตรกิมจิสไตล์ไทยเน้นของหาง่าย ราคาถูก แต่ประโยชน์เยอะ สูตรและวิธีการทำจะแตกต่างกับของเกาหลีบ้างเล็กน้อย เนื่องจากผักไม่ได้ปลูกเอง จึงจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดกันมากพอสมควรให้แน่ใจว่าสะอาดจริง ๆ และเพื่อเป็นการถนอมอาหารที่เน้นความประหยัด จึงไม่ได้ใช้พริกเกาหลี ซึ่งต้องซื้อในห้างและราคาแพง เพื่อความประหยัดจึงขอนำพริกชี้ฟ้าแดงมาใช้แทนพริกเกาหลี ส่วนรสชาติรับรองอร่อย เพราะทำอย่างสุดฝีมือตัวเองอยู่แล้ว ส่านประกอบกิมจิ 1. ผักกาดขาว 1 หัวใหญ่ 2. หัวไชเท้า 1 หัว 3. หอมหัวใหญ่ 2 หัว 4. กระเทียม 20 กลีบ 5. ต้นหอมตามชอบ 6. ขิง 1 แง่ง 7. พริกชี้ฟ้าแดง 3-4 เม็ด 8. แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง 9. เกลือเม็ด 1 ถ้วยตวงสำหรับหมักผัก 10. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1. แป้งข้าวเหนียวละลายน้ำ 1 ถ้วยตวง แล้วนำไปกวนจนเป็นแป้งเปียกใส แล้วปล่อยไว้ให้เย็น 2. นำผักกาดขาวผ่า 4 ชิ้นมาล้างให้สะอาด โดยแช่น้ำผสมแบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชาต่อน้ำ 3 ลิตร แช่ไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หลังจากนั้นนำมาแช่ด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำอีก 15 นาที โดยใช้ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 3 ลิตร เมื่อครบเวลาแล้วจึงล้างน้ำเปล่า 1 ครั้งแล้วนำมาพักให้สะเด็ดน้ำ 3. ผักเคียงชนิดอื่น ๆ ก็ล้างวิธีเดียวกัน หลังจากล้างแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเคล้าด้วยเกลือพักไว้ 4. นำกระเทียมแกะเปลือกออก หั่นขิง และพริกชี้ฟ้าแดงลงไปปั่นให้ละเอียดพักไว้ 5. เมื่อผักกาดขาวที่ล้างไว้สะเด็ดน้ำดีแล้วนำมาคลุกเกลือ โดยใส่เกลือที่กาบผักกาดขาวทีละกาบจนครบทุกชิ้นพักไว้ 1 ชั่วโมง จนเมื่อครบเวลาจึงล้างน้ำเกลือออกให้เกลี้ยงบีบน้ำให้แห้ง 6. นำพริกที่ปั่นไว้แล้วมาผสมกับผักเคียง ใส่แป้งข้าวเหนียวที่เย็นแล้วลงผสม ใส่น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทราย 1 ช้อนชาเพื่อเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ขยำให้เข้ากันชิมรสให้พอดี แล้วนำเครื่องที่ได้ไปยัดใส่ระหว่างกลีบผักกาดขาวให้ทั่วทุกชิ้น แล้วม้วนรวบส่วนปลายกาบใบของแต่ละชิ้นให้เรียบร้อย จัดลงกล่องปิดฝา เก็บไว้อุณหภูมิห้องประมาณ 10 ชั่วโมงก็จะทำให้ได้กิมจิ ที่มีรสเปรี้ยวขึ้นมา สามารถนำมากินเป็นเครื่องเคียงกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น หมูย่าง เนื้อย่าง หรือไก่ย่างได้ดี กิมจิจัดเป็นอาหารที่ช่วยในการย่อยเนื้อสัตว์ได้ดี โดยเฉพาะผู้ที่กินเนื้อสัตว์แล้วท้องอืด เนื่องจากในกิมจิมีจุลินทรีย์ชนิดดีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยปรับสมดุลของลำไส้ช่วย ขจัดจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีออกไป หากกินกิมจิหรืออาหารที่มีโปรไบโอติกเป็นประจำ จะทำให้ลำไส้มีจำนวนของจุลินทรีย์ชนิดดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนจับจองพื้นที่ในลำไส้ได้มาก ก็จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย ช่วยให้การดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ที่น่าสังเกตคือ เมื่อก่อนผู้เขียนมีอาการชาปลายมือ ปลายเท้า เมื่อได้ศึกษาเรื่องโปรไบโอติก แล้วเริ่มกินอย่างจริงจังเป็นประจำทุกวัน ผ่านมา 4-6 เดือนโดยกินอาหารที่มีโปรไบโอติกจากแหล่งอื่น ๆ ด้วย เช่น ข้าวหมาก และเทมเป้ อาการชาปลายมือปลายเท้าค่อย ๆ ลดลงและหายไปได้เอง ทั้งนี้คงเป็นเพราะระบบการขับถ่ายที่ดีขึ้น ลำไส้สะอาดจากการจัดการของเจ้าจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ จนทำให้ระบบการดูดซึมสารอาหารดีขึ้นด้วย จึงทำให้เซลล์ประสาทได้รับการกระตุ้นให้ทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงการทำงานของเซลล์รากผมที่หนังศีรษะ ก็พลอยได้รับสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นด้วย จนทำให้เส้นผมของผู้เขียนที่เคยหงอกขาว กลับมาเป็นเส้นผมสีดำได้อีกด้วย ส่วนคุณประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ของกิมจิยังมีอีกมาก คงจะเขียนเล่าได้อีกไม่รู้จบ หากยังเขียนต่อไปก็จะไม่เข้าประเด็น การทำกิมจิไว้กินเองช่วงเก็บตัว เอาเป็นว่ากิมจิมีประโยชน์ กินแล้วดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญควรทำด้วยมือตัวเองเก็บไว้กินเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง แต่หากใครจะซื้อกินก็ให้เลือกจากร้านที่มั่นใจว่าสะอาดจริง ๆ ก็ซื้อได้เช่นกันค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ ต้องพิถีพิถันในการหาของมากินกันหน่อย จะได้มีสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนค่ะ