ถ้าพูดถึงการทำหนังแล้ว ผู้กำกับแต่ละคนก็จะมีเทคนิคหรือความสนใจแตกต่างกันไป ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาเป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้นว่าการเดินเรื่องหรือเทคนิคการถ่ายทำแบบนี้เป็นของผู้กำกับคนใด เช่นเดียวกับผู้กำกับชาวเม็กซิกันอย่าง "กีเยร์โม เดล โตโร" ที่มีผลงานอย่าง Blade, Hellboy, Pan’s Labyrinth, Pacific Rim, Crimson Peak และ The Shape of Water ที่โดดเด่นจนได้รับรางวัลบนเส้นทางภาพยนตร์ เช่น รางวัลลูกโลกทองคำและออสการ์ มาแล้ว หากใครเคยได้ดูภาพยนตร์ของเขาจะรู้ว่าส่วนใหญ่การดำเนินเรื่องจะค่อนข้างมีความกดดัน เครียดและสยองขวัญไม่น้อย ด้วยเพราะตัวละครในหลาย ๆ เรื่องที่ผู้กำกับคนนี้จินตนาการสร้างสรรค์ขึ้นมานั้นเหมือนหลุดออกมจากมิติหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น Pan’s Labyrinth มีตัวละครคล้ายภูติผีปีศาจที่คอยชักจูงเด็กน้อยตัวหลักในเรื่อง โทนของหนังที่ใช้สีบ่งบอกความรู้สึกของฉากหรือตัวละครนั้น ๆ กลายเป็นลายเส้นการกำกับที่ชัดเจนของ กีเยร์โม เดล โตโร เป็นอย่างดี ถึงแม้หนังส่วนใหญ่ของผู้กำกับชาวเม็กซิกันคนนี้จะดูเป็นเรื่องราวสะท้อนชีวิต เน้นลึกถึงความรู้สึกด้านจิตใจมนุษย์ จนกลายเป็นว่าเหมือนหนังดาร์ก มืดหม่นหัวใจไปเสียหมด แต่แท้ที่จริงแล้ว บางเรื่องเขามักจะใส่มุมมองความรักลงไปด้วยเช่นกัน อย่างเรื่อง The Shape of Water ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้วในปี พ.ศ. 2561 แม้ว่าการดำเนินเรื่องจะเป็นประเด็นหนักอย่างทัศนคติของคนในยุคสงคราม การเมือง และการเหยียดสีผิว ประกอบกับโทนสีของเรื่องที่ดูอึดอัด แต่ก็มีกลิ่นไอของความรักระหว่างมนุษย์สาวและมนุษย์ปลาที่ถูกจับมาทดลอง จึงทำให้คนดูหนังแบบเรารู้สึกฟุ้งฝันและรู้สึกถึงความโรแมนติกที่แฝงอยู่ หนังแต่ละเรื่องมีเสน่ห์ต่างกันไป ไม่ใช่เพียงแค่นักแสดงเท่านั้นที่แสดงออกมาได้ดีและเคมีเข้ากัน หากแต่รวมไปถึงการกำกับด้วยเช่นกัน อย่าง กีเยร์โม เดล โตโร ที่หลงใหลไปกับความงดงามที่ดูฟุ้งฝัน บางเรื่องจุดจบเจ็บปวด แต่อย่างไรมันก็คือความรักที่บิดเบี้ยวเป็นเรื่องปกติ เพราะจิตใจมนุษย์นั้นมีความซับซ้อน ซึ่งนั่นคือมุมมองที่ผู้กำกับ กีเยร์โม เดลโตโร ฝากฝั่งไว้ในภาพยนตร์ของเขาทุก ๆ เรื่อง Credit : www.imdb.com