สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้ Satori มีสาระดี ๆ เกี่ยวกับบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า ขงเบ้ง หรือจูกัดเหลียง ผู้เป็น Legend ของแผ่นดินจีนและมีชื่อเสียงไปทั่วโลกอันเกิดจากมันสมองที่ปราดเปรื่องและความรู้ความเข้าใจในการทำงานต่าง ๆ เป็นอย่างดี จะว่าไปแล้วตำแหน่งต่าง ๆ ที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นสมุหนายก ที่ปรึกษาด้านยุทธนาการของเล่าปี่ ผู้บัญชาการสูงสุด นัการทูต นักปราชญ์ และผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เสมอ ล้วนเป็นตำแหน่งแถวหน้าและสำคัญขององค์กรเล่าก๊กหรือจ๊กก๊ก เพื่อให้มีชัยเหนือสงคราม หากเป็นบริษัทอย่างทุกวันนี้ก็คงต้องแต่งตั้งขงเบ้งเป็นสุดยอด CEO ผู้มีวาทะเด็ดและมันสมองแหลมคมสมวาจา “รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งเลยทีเดียว” วันนี้ Satori จะรวบรวมข้อคิดต่าง ๆ ของขงเบ้งที่เหมาะแก่สภาวะการเป็นผู้นำหรือแม่ทัพมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้อ่านและวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ 1. ผู้นำที่ดีควรดูคนออกเป็นอันดับแรก แน่นอนว่าก่อนที่เราจะคัดเลือกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรเดียวกับเรานั้น เราจะต้องมีการตรวจสอบและดูคนให้ออกเสียก่อนว่าคนผู้นั้นเป็นคนอย่างไร ไม่ใช่ดูเพียงภายนอกหากแต่เป็นการดูเข้าไปภายในถึงทัศนคติ ความคิด Mind set เพราะการที่จะบริหารมนุษย์ได้นั้นเราจะต้องมีความเข้าใจมนุษย์เสียก่อนว่าคนแต่ละคนเป็นอย่างไร สิ่งที่ขงเบ้งสอนให้ดูนั้นมีด้วยกัน 7 อย่างคือ ปณิธาน : เมื่อเกิดเหตุการยุแหย่เกิดขึ้นให้ดูว่าเป็นคนที่มีความแน่วแน่และจิตใจมั่นคงหรือไม่ จะแก้ปัญหาอย่างไร คนเราเมื่อได้รับการยุแหย่จากผู้อื่น หากไม่ใช้สติปัญญา จิตใจก็พร้อมที่จะโอนเอียงเกิดอารมณ์ได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นความเกลียดชังหรือความท้อแท้ก็ตามล้วนมาจากความไม่มั่นคงในจิตใจ ความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง หากจิตใจไม่มีความมั่นคงแล้วสิ่งอื่นก็จะยั่วยุให้เสียคนได้โดยง่ายปฎิญาณ: เมื่อถึงคราวตกทุกข์ได้ยากอับจนหนทางเขามีความใจสู้หรือยอมแพ้ การเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติในการต่อสู้ ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างองค์กรให้เข้มแข็ง คนที่มองโลกแง่บวกและพร้อมเผชิญปัญหาต่าง ๆ แม้จะอับจนหนทาง แต่ในท้ายที่สุดแล้วเขาจะเรียนรู้และผ่านมันไปได้ปัญญา: การสอบถามด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อทดสอบไหวพริบและสติปัญญาในการตอบคำถาม ปัญญาเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนให้ขึ้นสูงหรือต่ำสุดได้ คนเราสามารถพลิกแพลงแค่เพียงความคิดเพื่อเปลี่ยนชีวิตของตนเอง หากบุคคลใดหมั่นลับคมปัญญาอย่างสม่ำเสมอ ก็ย่อมเป็นที่เกิดประโยชน์แก่องค์กรและเป็นที่พึ่งขององค์กรได้ความกล้า: เมื่อคราวเคราะห์ร้ายมาถึงจงบอกแก่เขาแล้วดูว่าเขาจะทำอย่างไร สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ในยามที่คนเราจะรู้ว่าความกลัวและความกล้าของตนเองนั้นมีมากน้อยเพียงใด ให้ดูว่าเมื่อเราเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เราเดินหน้าหามันหรือหนีมัน เพราะทุกอุปสรรคนั้นล้วนมีทางออกอยู่เสมอ เพียงแต่คนที่กล้าจะเดินเข้าหาอุปสรรคอย่างไม่หวั่นไหวนั้นเป็นคนที่หายาก เพราะฉะนั้นความกล้า คือ คุณสมบัติที่ยากจะสร้างขึ้นมา ต้องเกิดจากประสบการณ์ที่หล่อหลอมตัวตนอย่างสม่ำเสมอ หากเจอใครที่มีความกล้าบุคคลนั้นจึงมีค่าที่ควรแก่การรักษาไว้อุปนิสัย: นิสัยเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ ถ้าหากเป็นยุคนั้นคงจะต้องมอมเหล้ากันเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ แต่สมัยนี้สามารถวัดได้จากคนอื่น ๆ รอบข้างเขาว่าคิดต่อคน ๆ นั้นเช่นเดียวกับเราหรือไม่ บางอุปนิสัยนั้นก็สามารถสร้างได้แต่ใช้เวลาในการปรับจูน จึงไม่ใช่สิ่งรีบร้อนที่จะตัดสิน แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรเฝ้าระวังอยู่เสมอความสุจริต: การทดสอบความสุจริตด้วยการให้ใจหรือไว้ใจ มอบหมายบางสิ่งที่มีค่าและสำคัญเพื่อทดลองใจ อาจจะทำให้เราได้เห็นความสุจริตของคนนั้นมากขึ้น ความสุจริตเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่วัดค่าความเป็นคนเลยก็ว่าได้ เพราะบุคคลที่มีนิสัยของความสุจริตเท่านั้นที่จะทำให้สังคมร่มเย็นได้ คงไม่มีองค์กรไหนอยากได้คนที่สร้างความหมางใจและวุนว่ายให้ผู้อื่น เพราะฉะนั้นควรจะจดคำว่าสุจริตไว้ในจิตสำนึกเสมอสัจจะ: เดดไลน์นั้นแหละคือเครื่องมือวัดสัจจะที่ดีที่สุดว่า คน ๆ นั้นจะสามารถรับผิดชอบตามข้อตกลงกันได้หรือไม่ สัจจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ เป็นจริงได้ แม้แต่ในศาสนาก็ยังสอนเรื่องสัจจะว่าเป็นของสูงที่จะทำให้ผู้นั้นถึงนิพพานได้เลย การมีสัจจะต่อตนเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เช่น ถ้าเราจะกำหนดให้ตนเองทำงานให้เสร็จภายในสี่ชั่วโมง เราจะต้องรักษาสัจจะต่อตนเองคือการทำให้ได้ หากเราทำได้แม้แต่สิ่งที่มีแต่เพียงตนเองที่รู็ก็จะถือว่าตัวเรานั้นสามารถที่จะรักษาสัจจะต่อผู้อื่นได้แน่นอน ผู้บริหารที่มองคนที่มีสัจจะออกเหมือนได้ม้าดี 2. เลือกใช้คนให้ตรงตามความสามารถที่มี หรือสำนวนล้ำสมัยอย่าง put the right man on the right job ในการออกรบนั้นการจะนำขบวนทัพได้จะต้องเข้าใจทั้งรูปแบบและทหารว่า แต่ละคนมีความถนัดในการรบต่างกัน เช่น พวกที่ชอบสู้รบทำศึกสามารถเข้าฟันศัตรูได้ ให้เรียกเขาว่า ทหารรับใช้ชาติ พวกที่มีความองอาจเหนือผู้คน มีวรยุทธแก่กล้าให้เรียกว่าทหารฝ่าแนวรบ พวกมีฝีเท้าปราดเปรียว ให้รวมกลุ่มไว้แล้วเรียกว่าทหารชิงธง พวกควบม้ายิงศรได้ไว ให้รวมกลุ่มไว้แล้วเรียกว่าทหารชิงแนวรบ พวกชำนาญการยิงธนูยิงแม่น เรียกว่าทหารเหิน พวกชำนาญธนูหนัก ยิงไกล เรียกว่าทหารทลายแนวรบ ทหารพวกนี้จงใช้พวกเขาให้ตรงความสามารถให้ดี จะเห็นว่าแนวความคิดนี้ส่งเสริมการรู้จักความชอบความถนัดของคนในองค์กรตัวเองแล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าให้ทหารยิงธนูไปสู้รบฆ่าฟันก็จะต้องพ่ายแพ้ยับเยิน ถ้าให้ทหารมีวรยุทธแก่กล้าไปยิงธนูแทนที่จะฝ่าแนวรบ ก็จะเปลืองลูกธนูทิ้งเปล่า ๆ งานทุกงานไม่มีเด่นไม่มีด้อย ทุกงานล้วนต้องใช้คนที่มีความชำนาญในแต่ละด้านร่วมมือร่วมแรงกันอย่างดีที่สุด และยังเป็นการส่งเสริมศักยภาพอันสูงสุดของพนักงานให้เกิดขึ้นอีกด้วย 3. ผู้นำย่อมรู้ในการบริหารงานของผู้นำ “ผู้ที่ดูหมิ่นวิญญูชน จักยากครองใจคน ผู้ที่ดูหมิ่นทุรชน จักยากที่จะให้ผู้คนทุ่มเทร่างกาย” คัมภีร์ซูจิง หัวใจของการบริหารคือการครองใจคน การที่จะครองใจคนได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีเมตตาคุณธรรมตามด้วยปัญญาและความกล้า จะสังเกตว่าผู้นำที่ดีนั้นมักมีจิตใจเยือกเย็นแต่มีมิตรไมตรี การได้ผู้นำที่มีความเมตตา มีความเต็มใจที่จะให้ เช่น การให้ความรู้ ความใส่ใจ เป็นพื้นฐานที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแก่ลูกน้องได้ ผู้นำที่มีคุณธรรมย่อมเข้าใจถึงมนุษยธรรมด้วย ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะคนเราหากไม่มีมนุษยธรรมแล้วก็จะไม่เข้าใจความทุกข์ยาก ไม่ยอมรับความพยายามและบากบั่นของผู้อื่น การที่ผู้นำไม่มีคุณธรรมแล้วก็ยากที่จะได้คนเก่งคนดีมาไว้ใช้งาน ผู้นำที่มีปัญญาย่อมมองคนและสถานการณ์ออก ยากที่จะตกเป็นเหยื่อของการประจบสอพลอและหลงใหลในสิ่งที่ล่อลวงให้ต้องทำผิดต่อหน้าที่ รู้โอกาส ไม่ฝืนมติมหาชน ผู้นำที่มีความกล้าหาญ ในยามวิกฤติย่อมเห็นความเด็ดขาดและมีความเชื่อมั่นอันจะพาลูกทีมผ่านพ้นวิกฤติไปได้ แบะเมื่อโอกาสมาถึงก็ย่อมมีความมั่นใจที่จะกระโจนเข้าไปหามัน4. แม่ทัพนั้น พึงมีคนสนิท หูตา และเขี้ยวเล็บ ท่ามกลางความมืดมิดผู้นำที่ดีควรมีหูมีตาไว้คอยสอดส่องอย่าโดดเดี่ยวเกินไป หากเดินทางโดยลำพังจะอันตราย การได้ที่ปรึกษาที่ดีหรือคนสนิทที่ไว้ใจได้จะสามารถช่วยคิดแก้ปัญญาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องใช้ปัญญาในการวางอัตตาแล้วเปิดใจมองเห็น ยอมรับ ความสามารถของบุคคลอื่นที่จะมาเป็นที่พึ่งพิงกันอย่างเต็มใจ อย่าคิดว่าลูกน้องหรือผู้ที่มีตำแหน่งน้อยกว่าเรานั้นโง่กว่า หรือไม่เก่งเท่าเรา เพราะเราจะต้องพึ่งพาทั้งความสามารถของบุคคลแต่ละคนในการสร้างองค์กรร่วมกันให้สำเร็จได้ เช่น ลูกน้องบางคนอาจจะมีความสามารถพิเศษหรือมีแววในด้านอื่น ๆ ที่เมื่อเกิดยามขัดข้อง หัวหน้าก็สามารถที่จะขอความช่วยเหลือได้ การมอบความเป็นกันเองอย่างไม่ล้ำเส้นจะสร้างมิตรภาพที่เหนียวแน่นขึ้นมา นอกจากจะได้ลูกน้องที่ดีแล้วยังได้เพื่อนที่คอยส่งเสริมแก้ไขศักยภาพของตนเองให้มากขึ้นไปอีก 5. ว่าด้วยวินัยของความรอบคอบและรู้จักรอคอย ขงเบ้งกล่าวไว้ว่าความพ่ายแพ้ต่อศัตรูนั้นเกิดจากความชะล่าใจ หากไร้วินัยก็จะเกิดภัยร้าย เพราะฉะนั้นคุณสมบัติที่ผู้นำจะต้องมีติดตัวเสมอคือความรู้ ได้แก่ รู้จักไตร่ตรองถามข่าว รอบรู้และใส่ใจในข่าวคราวต่าง ๆ ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับงานและตัวลูกน้อง เช่น ช่วงนี้ลูกน้องมีปัญหาเกิดขึ้น ผู้นำที่ดีจะคอยใส่ใจถามข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดได้อย่างไร เพื่อที่จะทำมาไตร่ตรองว่าจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง รู้จักอดทนต่อการลบหลู่ เนื่องจากการทำงานกับบุคคลย่อมเป็นที่รักที่ชังจะต้องทำใจเยือกเย็นอดทนเป็นที่ตั้งและปล่อยวางอารมณ์ได้ เช่น เมื่อได้ยินการลบหลู่นินทา อันมาจากสิ่งที่เป็นเท็จ จะต้องรู้จักชั่งใจ ไม่ใช้อารมณ์เข้าแก้ปัญหาในทันที จะต้องนิ่งและแก้ปัญหาให้ถูกสถานการณ์ ไม่หูเบาเกินไป จะหลงใหลแต่คำหวาน ต้องพินิจพิจารณาถึงที่มาของคำพูดให้ละเอียดและตัดสินให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะคำสรรเสริญหรือนินทา เพราะการได้ฟังเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถสรุปทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ จะต้องใช้ปัญญา และเวลาเข้าช่วย หากหูเบาเกินไปก็จะพิจารณาและตัดสินผิด ๆ ซึ่งนำนิสัยที่แย่และลูกน้องที่แย่มาด้วยรู้หนักรู้เบา รู้ปล่อยวางอย่างเหมาะสม ในแต่ละงานล้วนเกิดปัญหาแตกต่างกัน หัวหน้าบางคนอาจจะมีความคาดหวังมากเกินไปจนกดดันและทำให้ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาไม่มากพอ พึงเลือกผลประโยชน์ที่จะเกิดแก่ทุกฝ่ายอย่างสูงสุดคือ มัชฌิมา ปฏิปทา ได้แก่ การเกิดประโยชน์ทั้งลูกค้า องค์กร และตัวหัวหน้าเอง เพื่อที่จะได้มีปัญญาและจิตใจที่ยกระดับมากขึ้น ปล่อยวางเมื่อสถานการณ์เหมาะสมแต่เรียนรู้ไว้เป็นประสบการณ์รู้เขารู้เรา หัวหน้าที่ดีจะมีความรู้ท่วมหัวแค่ไหน หากไม่รู้จักเขาและไม่รู้จักเรา ก็ย่อมยากที่จะบริหารองค์กรตัวเองให้ก้าวหน้าได้1. หัวหน้าจะต้องรู้จักตนเองก่อน รู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรมีข้อดีข้อด้อยอะไร และจะปรับปรุงเรียนรู้อะไรเพิ่มบ้าง2. หัวหน้าจะต้องรู้จักลูกค้า เมื่อรู้จักตนเองดีแล้วจะต้องเข้าใจคนที่เราจะขายของให้ ให้รู้จักว่าลูกค้าต้องการอะไร อะไรคือสิ่งที่เขาคาดหวังและสร้างงานที่ยอดเยี่ยมเหนือความคาดหวังของเขาได้3. หัวหน้าจะต้องรู้จักองค์กรของตัวเองดีที่สุด ในองค์กรของเรามีใครที่ถนัดอะไร นิสัยเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้คัดสรรค์นำความสามารถและบุคคลเหล่านั้นออกมาส่งเสริมให้เหมาะสมกับงานต่าง ๆ ได้ ทรัพยากรของบริษัทมีอะไรที่เรายังขาด หรืออะไรที่เป็นข้อเด่นบ้าง เพื่อที่จะพัฒนาและจัดการทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม4.หัวหน้าจะต้องรู้จักคู่แข่ง การรู้ว่าคู่แข่งมีข้อเด่นข้อด้อยอะไร โดยพิจารณาอย่างถูกต้องและแม่นยำนั้น จะทำให้รู้ว่าจะต้องสร้างหรือพัฒนาอะไรขึ้นมาเพื่อเพิ่มงานของตนเองให้โดดเด่นและเอาชนะใจลูกค้าได้มากกว่าคู่แข่ง หากรู้ทั้งหมดทุกข้อและนำมาวิเคราะห์ก็จะสามารถที่จะเอาชนะในสงครามการแข่งขันได้ทุกสนาม ดังวลีที่ว่า "รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง"เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับตัวอย่าง 5 ข้อของจูกัดเหลียง สุดยอด CEO ที่คัดสรรค์มาให้ถ้าเพื่อน ๆ ชอบและคิดว่ามีประโยชน์ก็แชร์ออกไปให้ผู้อื่นได้อ่านกันเยอะ ๆ นะคะ EP หน้าจะมาต่อกันในแง่มุมไหนของจูกัดเหลียง ถ้าเพื่อนๆสนใจก็ติดตามได้นะคะ หวังว่าจะเป็นบทความที่มีประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบพระคุณที่มาจาก 1. : https://bit.ly/3apUj6P2. หนังสือตำราพิชัยสงคราม ขงเบ้งประพันธ์ : ขงเบ้ง แปลและเรียบเรียง : อมร ทองสุกเครดิตภาพ : ( ภาพปก / ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5/ ภาพที่6)