สวัสดีค่ะทุกคน เนื่องจากเราได้มีโอกาสเป็นอาสาสมัครบนเรือขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรร่วมกับเพื่อนๆ อาสาสมัครกว่าอีก 400 คนจาก 65 ประเทศทั่วโลก มา 1 ปีเต็มๆที่จริงแล้ว การ Training เป็นลูกเรือ ไม่ว่าจะเป็นเรือประเภทไหนเนี่ย ก็จะมีขั้นตอนและการฝึกที่คล้ายคลึงกัน เนื่องจาก ว่า IMO หรือ International Maritime Organization เค้าจะกำหนดหลักสูตรและประเภทการฝึกมาให้อยู่แล้วค่ะ แล้วตอนนี้มีคนไทยหลายคนอยากเป็นลูกเรือสำราญกันเยอะ เนื่องจากค่าตอบแทนดีมากถึงมากที่สุด เราเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การ Traning ให้ทุก ๆ คนฟังว่ากว่าจะได้เป็นลูกเรือเนี่ย เค้าฝึกยังไงกันบ้างค่ะเราคิดว่าประสบการณ์ของเราอาจจะต่างจากคนอื่น ๆ เล็กน้อยเนื่องจากการเทรนนิ่งของเรา ทำที่ต่างประเทศทั้งหมดและเราไม่ใช่ลูกเรือที่เป็น Staff แต่เป็น Crew member ซึ่งความแตกต่างจะอยู่ที่หน้าที่ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เราจึงมีการ Training ที่ค่อนข้างหลายขั้นตอนกว่าการเป็นลูกเรือทั่วไปนั่นเองค่ะ การ Training ของเรามีขึ้นที่เมือง Santo Domingo ประเทศ Dominican Republic ค่ะ เราออกเดินทางจากประเทศไทย ไปถึงจุดหมายปลายทางโดยใช้เวลาทั้งหมดรวม Lay over แล้วเกือบ 48 ชั่วโมงค่ะ ในที่สุดก็มาถึง ที่นี่เวลาห่างจากประเทศไทยประมาณ -11 ชั่วโมง เราพบกับเพื่อนอาสาสมัครคนอื่นที่สนามบิน หลังจากรวมตัวกับเพื่อนๆ อาสาสมัครกลุ่มใหม่ที่ต้อง Training พร้อมกับ เราก็ถูกพาขึ้นรถบัสออกจากสนามบิน ผ่านตัวเมือง ผ่านทุกอย่าง ผ่านไปหมด จนไปถึง Base camp ที่อยู่ห่างไกลชุมชน แถมเราออกไปไหนไม่ได้อีก เพราะไม่มีรถและที่นี่ไม่ปลอดภัยนักสำหรับชาวต่างชาติที่จะไปไหนมาไหน เราและเพื่อนๆ อีกร้อยกว่าคนก็ต้องติดอยู่ในแคมป์กัน 25 วันเต็ม น้ำไฟ มีบ้างไม่มีบ้าง อินเตอร์เน็ตไม่ต้องพูดถึงค่ะ ตอนนี้บอกได้เลยว่าชีวิตลูกเรืออาสาสมัครของเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และคงไม่ง่ายแน่นอน และนี่คือสภาพห้องพักของเราหลังจากนั้น ทุกๆ วันเป็นเวลา 25 วันตามตาราง การเรียนภาคทฤษฎีทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษและผู้สอนจากหลากหลายเชื้อชาติและสำเนียง และทุกอย่างมันคือศัพท์เทคนิคล้วน ไม่ใช่สิ่งที่เราคุ้นเคยหรือจะได้พูดคุยในชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสองวันแรก สมองแอบเบลอไปเลย เนื่องจากว่ามันปรับไม่ทันจริง ๆ ดังนั้นอยากจะบอกทุกคนที่อยากเป็นลูกเรือว่า ภาษาสำคัญมากจริง ๆ ค่ะ ถึงใครจะคิดว่าตัวเองพอได้ในระดับนึง แต่พอเอาเข้าจริงสิ่งที่คิดว่าได้ อาจไม่เป็นอย่างที่คิดเลยซึ่งภาคทฤษฎีจะเริ่มด้วย Basic Safety Training ซึ่งประกอบไปด้วย- (หลักสูตรความปลอดภัยของบุคคลและความรับผิดชอบต่อสังคม ว่าด้วยเรื่องเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ , การรับผิดชอบต่อท้องทะเล, การทำงานอย่างปลอดภัย รวมไปถึงร่วมสุขภาพกายและสุขภาพจิตอีกด้วย- หลักสูตรการดำรงชีพในทะเล เป็นเรื่องของการใช้อุปกรณ์ที่มีให้บนเรือ การสละเรือในเหตุฉุกเฉิน- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะได้เรียนรู้การปฐมพยาบาลในเหตุฉุกเฉินจากการบาดเจ็บหลากหลายกรณี ซึ่งจะมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ การปฏิบัติทางฝรั่งเค้าก็จัดใหญ่จัดเต็ม แต่งตัวแต่งหน้าทำเอฟเฟ็กต์มาแน่นมาก ร้องโอดร้อยสมจริงที่สุด เพื่อทดสอบว่าเราจะลนลานหรือมีสติมากน้อยแค่ไหน - หลักสูตรความปลอดภัยพื้นฐานในเรือ ว่าด้วยเรื่องระดับความปลอดภัยของเรือ ขั้นตอนในการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และอื่น ๆ- หลักสูตรการจัดการกลุ่มคนโดยสาร ว่าด้วยเรื่องการช่วยชีวิต การควบคุมฝูงชนในกรณีฉุกเฉินหลังสอบผ่านภาคทฤษฎี ทุกคนก็ต้องเข้าสู่ภาคปฏิบัติ แต่เนื่องจากช่วงนั้น พายุเฮอริเคนกำลังจะถล่ม ภาคทฤษฎีของพวกเราต้องอัดทุกอย่างเข้ามา จาก 25 วันเหลือแค่ 18 วัน เพื่อจะได้รีบไปขึ้นเรือและออกจากท่าหรือพายุเพื่อความปลอดภัย ดังนั้น เราเลยต้องเริ่มเข้าภาคปฏิบัติเร็วขึ้น ซึ่งเราเองว่ายน้ำไม่แข็งอย่างแรง แต่เราดันอยากเป็น Seafarer หรือลูกเรือ เราจึงต้องมีหลักสูตรเร่งรัดให้ตัวเอง ซ้อมว่ายน้ำคนเดียว เพื่อเตรียมสอบปฏิบัติ ดังนี้ 1. สอบกระโดดน้ำแบบใส่ชูชีพ/ไม่ใส่ชูชีพ2.สอบลอยตัวด้วยชูชีพเดี่ยว/กลุ่ม3. สอบใช้เสื้อหรือกางเกงที่มีเป็นเสื้อชูชีพ4. สอบลอยตัวเข้าฟังด้วยชุด TPA Suite 5. พลิกแพชูชีพ สตาฟจะเอาแพหลายท้องไว้ที่ขอบสระ เราต้องอยู่ในน้ำ และดึงแพลงน้ำให้ได้ และว่ายน้ำออกให้ทัน แต่ในความเป็นจริง เราออกไม่ทันค่ะ นาทีนั้นเราคิดแล้วว่าเราสอบไม่ผ่านแน่นอน เพราะสตาฟรีบกระโดดลงมาเอาตัวเราออกจากใต้แพ ซึ่งที่จริงเราก็กำลังพยายามว่ายออกไปอยู่ เราคิดว่าจุดนี้ทำให้เราเสียคะแนนไปหมดแล้วส่วนตรงนี้เราคิดว่าการเป็นลูกเรือของเรือสำราญจะแตกต่างจากเรานิดนึง ตรงที่ของเรือสำราญจะเลือกแผนกและตำแหน่งมาก่อนแล้ว แต่ของเราจะมาเลือกแผนกหลังจากที่สอบทุกอย่างจบไปแล้ว และสุดท้ายเราก็ได้เป็น Seafarer ตามที่ตั้งใจไว้ และการ Sailing ครั้งแรกของเราก็เริ่มขึ้น ซึ่งหลายคนบอกเราว่า เรือใหญ่มักจะไม่เมาและไม่โคลงเคลงมาก แต่ไม่จริงเลยค่ะ การที่เรือจะโคลงเคลงมากหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและน่านน้ำด้วยหลังจากจบ Sailing ครั้งแรก เรากลับมายืนบนบกอีกครั้งด้วยอาการเมาพื้นดินอย่างที่สุด แม้จะยืนบนบกแล้วยังรู้สึกว่ามันโคลงเคลงอยู่มาก ส่วนใครคนไหนที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นลูกเรือ เราว่านอกจากเรื่องงานแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมใจรองลงมาเลยค่ะ หวังว่าประสบการณ์ของเราจะช่วยให้ทุกคนที่กำลังเตรียมตัวจะสมัครเป็นลูกเรือได้ประโยชน์และพอเห็นภาพแล้วว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนสอบผ่านสมหวังได้เป็นลูกเรือตามที่ตั้งใจกันทุกคนนะคะ เรื่องและภาพโดย Pimm.c