สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักเมืองสวยในหุบเขานั่นก็คือจังหวัดพังงา เมืองนี้มีความน่าสนใจและมีที่เที่ยวที่ควรไปที่ไหนบ้างถ้าพร้อมแล้วตามผมมาเลยครับ จังหวัดพังงาเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ที่อยู่ฝั่งอันดามันเป็นจังหวัดที่มีเกาะเยอะที่สุดในประเทศไทย มีเกาะ 155 เกาะ ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่าภูงา (ตั้งตามชื่อภูเขางา) ภายหลังมีการออกเสียงเพี้ยนเป็นพังงา โดยความสำคัญของเมืองแห่งนี้ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย ถือเป็นเมืองท่าสำคัญที่มีผู้คนจากอินเดียหลั่งไหลเข้ามาเผยแพร่ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาพุทธตามลำดับ ภายหลังเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีการค้นพบแร่ดีบุกจำนวนมากบริเวณ อ.ตะกั่วป่า และถือเป็นสินค้าสำคัญในสมัยอยุธยา โดยจังหวัดพังงามีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ มีเขตการปกครองทั้งหมด 8 อำเภอ บรรยากาศยามเช้าในอำเภอเมือง จังหวัดพังงา ภาพโดย : ผู้เขียน การเดินทางของผมเริ่มต้นจากการขับรถส่วนตัวออกจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เส้นทางมาพังงาค่อนข้างอันตรายเพราะเป็นทางลาดชันมีโค้งเยอะ ประกอบกับฝนตกบ่อย ฉะนั้นหากผู้อ่านขับรถควรระวังเรื่องอุบัติเหตุนะครับ ผมเริ่มต้นเที่ยวพังงาที่แรกคือแถบอำเภอตะกั่วป่า โดยที่แรกที่ผมไปนั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ซึ่งที่นี่มีภูมิประเทศสูงชันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำตะกั่วป่าและแม่น้ำพังงา ที่ทำการอุทยานจะอยู่ติดทะเลซึ่งมีค่าเข้าชมคนละ 20 บาท เมื่อเข้ามาเราจะพบว่ามีหาดทรายขาวน้ำใสรอเราด้านล่างอุทยาน มีหาดหินยาว 3 กิโลเมตรเหมาะแก่การเดินเล่นและนั่งชิวๆ มองวิวทะเล ป่าไม้ที่ขึ้นโดยรอบก็เป็นป่าดิบชื้นเราจะสัมผัสได้เลยครับว่าอากาศสดชื่นมาก หลังจากอยู่ที่นี่สักพักผมออกเดินทางกันต่อ หาดหิน บริเวณภายในอุทยานเเห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ภาพโดย : ผู้เขียน ผมมุ่งหน้ามาย้อนรำลึกเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 ที่อนุสรณ์สถานรำลึกครับโดยผมจะเห็นเรือของกองทัพเรือตั้งอยู่บนพื้นดิน แรกเห็นผมก็ สงสัยว่าเป็นเรือจริงหรือเรือปลอม สรุปคือเรือจริงครับ นั่นคือเรือตรวจการณ์ 813 ซึ่งวันเกินเหตุการณ์สึนามิถล่มภาคใต้ เรือลำนี้ลอยอยู่ในทะเลและถูกคลื่นซัดมาระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรเข้าฝั่ง ทำให้เมื่อน้ำลดเรือลำนี้จึงตั้งอยู่บนพื้นดินและทางจังหวัดพังงาก็ไม่เคลื่อนย้ายครับ ตั้งไว้ให้เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงความสูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนั้น เรือตรวจการณ์ 813 ภาพโดย : ผู้เขียน เป้าหมายต่อไปของผมที่ไปนั่นก็คือ กำแพงเมืองเก่าตะกั่วป่า ซึ่งอย่างที่ผมอธิบายไปในข้างต้นว่าพังงามีดีบุกเยอะมากทำให้ในอดีตตะกั่วป่าเจริญรุ่งเรืองมากมีเจ้าเมืองปกครองและมีผู้คนมากมายเข้ามาทำงานเหมืองโดยชื่อเดิมของตะกั่วป่า คือ ตะโกลา ก่อร่างสร้างเมืองมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 13 (พ.ศ. 1202) ซึ่งที่กำแพงเมืองเก่าเราจะเห็นแต่ตัวกำแพงเมืองหลงเหลือ อยู่ส่วนตัวอาคารได้พังทลายไปตามเวลาครับ โดยระหว่างทางที่มาเราจะเห็นเหมืองดีบุกร้างอยู่หลายแห่ง ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าสมัยก่อนที่นี่คงคึกคักมาก จวนเจ้าเมืองตะกั่วป่า บริเวณกำเเพงเมืองเก่า ภาพโดย : ผู้เขียน เวลาเที่ยงตรงผมจึงบอกลาตะกั่วป่ามุ่งหน้าลงทิศใต้นั่นก็คือ อ.ท้ายเหมือง โดยเป้าหมายอยู่ที่น้ำตกลำปีตัวน้ำตกมี 4 ชั้น มีแอ่งน้ำใสไหลเย็นให้เราได้นอนแช่น้ำครับ น้ำตกลำปี ภาพโดย : ผู้เขียน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าผมเดินทางไปที่หาดท้ายเหมืองซึ่งเป็นหาดที่มีความยาว 13 กิโลเมตร ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวเหมือนได้หาดส่วนตัวเลยครับและหาดแห่งนี้จะมีเต้ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่ ซึ่งเราในฐานะนักท่องเที่ยวควรรักษาความสะอาดด้วยนะครับ หาดท้ายเหมือง ภาพโดย : ผู้เขียน เช้าวันที่สองในพังงาผมเลือกไปสักการะศาลหลักเมืองพังงา ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.เมือง โดยในศาลหลักเมืองเราจะเห็นหลุมศพของเจ้าแม่สายทอง ที่เผลอขานรับขบวนแห่หาคนสังเวยหลักเมืองเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วท่านถูกจับตอกร่างเป็นหลักเมืองอยู่ที่นี่ครับ แวะมากราบไหว้กันได้ครับ ศาลหลักเมืองพังงา ภาพโดย : ผู้เขียน ที่เที่ยวสุดท้ายในพังงาของผมนั่นก็คือถ้ำพุงช้างครับตั้งอยู่ใน อ.เมืองโดยไฮไลท์ของที่นี่คือการพายเรือแคนูเข้าถ้ำซึ่งมีความยาว 1,200 เมตร โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปกับเราด้วยเพราะจะต้องนำทางและแนะนำสิ่งต่างๆ ในถ้ำ เช่น หินงอกหินย้อย รูปหัวใจ,รูปเด็ก,รูปช้าง,รูปปลาหมึกและหินสีสันแปลกตา ซึ่งห้ามถ่ายภาพในถ้ำนะครับ โดยคนที่มาบุกเบิกถ้ำแห่งนี้คนแรกคือ นายเอกพัฒน์ ขำณรงค์ ช่วงปี 2543 ได้เข้ามาสำรวจและเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพังงาครับ ทางเข้าถ้ำพุงช้าง ภาพโดย : ผู้เขียน จบลงแล้วสำหรับทริปพังงาของผมแต่ผมอยากให้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของผู้อ่านหากมีโอกาสลองมาสัมผัสจังหวัดพังงาดุสักครั้งนะครับแล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ...