เมื่อวานJasmineได้มีโอกาสไปสักการะหลลวงปู่สรวง ที่วัดเทพสรธรรมาราม ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง ปทุมธานี เมื่อเข้าไปที่วัดแห่งนี้เราจะได้พบกับ ข้อคิดปริศนาธรรมที่ได้จากการไปกราบหลวงปู่สรวง จึงเก็บเรื่องราวมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ อ่านกันคะที่จริงแล้ว เคยมาที่วัดนี้เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ถ้าจำไม่ผิด วัดยังไม่มีการสร้างโบสถ์และสถานที่ในวัดอีกหลายจุดเลย แม้แต่ตรงรูปปั้นหลวงปู่สรวงก็ยังโล่งองค์เดี่ยวๆ ไม่มีเสาว่าวเลย มาคราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ร่มเย็นสายงามมาก Jasmine เดินไปสักการะรูปปั้นหลวงปู่สรวง สิ่งที่สะดุดตาคือว่าวสีขาวขนาดใหญ่ที่ทำคล้ายเป็นหลังคาให้ท่าน และข้างๆ มีไก่ที่ประดับด้วยกระจกสีสวยงามมาก สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเลยติดค้างในใจว่า ทำไมต้องมีว่าว?? ทำไมต้องมีไก่?? ยิ่งเดินเข้าไปในวิหารที่สร้างอยู่ก่อน มีการนำเอาว่าวซึ่งแต่ละอันมีชื่อผู้ถวายเขียนติดอยู่แขวนเป็นแนว ถวายแก่หลวงปู่ เลยไปถามเจ้าหน้าที่วัด ที่ขายเครื่องบูชาอยู่ที่นั้น เค้าว่า ท่านชอบว่าว จิตก็ยังติดใจว่า อย่างพระอริยสงฆ์ระดับนี้ต้องมีเหตุผลที่ชอบเล่นว่าวมากกว่าแค่ความชอบทั่วๆไป เลยค้นหารวมทั้ง ได้ส่งจิตเรียนถามท่าน ได้ความว่า เพราะว่าวหันไปได้ทุกทิศทางเป็นอิสระ (คล้ายกับอุปนิสัยของท่าน) ไม่ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ใดๆ และเมื่อว่าวขึ้นสูงมันจะสงบ นิ่งไหวตามกระแสลม อย่างอ่อนน้อม คงทนและว่าวที่แข็งแรงจะต้องมีเชือกที่ชัดพยุงขึ้นที่แข็งแรงเปรียบเสมือนจิตที่ต้องมั่นคงต้องอยู่ในธรรมะยึดแน่นในธรรมเสมือนเชือกที่เข้มแข็งสามารถพยุงว่าวให้ขึ้นสูงและทนต่อทุกสภาพได้ ส่วนเรื่องไก่นั้นเป็นด้วยการเล่าสืบๆ กันมาว่า ผู้ที่ได้เห็นหลวงปู่เป็นครั้งแรกท่านปรากฎมาในชุดนุ่งห่มผ้าสีขาวอุ้มไก่ไว้แนบตัว จึงกลายเป็นความเชื่อว่าท่านนั้นชอบเล่นไก่ และการที่ท่านนุ่งห่มขาวนั้น ท่านเองก็อธิบายว่า สีเสื้อผ้าไม่สำคัญ จะใส่สีใด แบบใดก็ไม่สำคัญ เพราะไม่ได้ยึดติดในกฎใดๆ นิกายใดๆ สิ่งที่สำคัญคือคำสอนของพระพุทธองค์ที่เราควรยึดถือปฏิบัติมากกว่ามากกว่า ก็ไม่ต่างกับการเล่าลือว่าทุกครั้งที่ท่านอยู่ที่ใดจะมีการก่อไฟจุดไฟไว้ และทุกครั้งที่มีผู้ถวายของท่านจะโยนลงกองไฟ และมีการนำโอ่งมังกรมามัดวางไว้ ด้วยปริศนาธรรมที่ว่า ไม่ยึดติดต่อสิ่งใดและโอ่งต้องมัดให้แน่นเพื่อไม่ตกแตก น้ำไม่หกเหมือนการประคองจิตใจโดยมีหลักธรรมะยึดเหนียวดังเชือกที่รัดโอ่งนั้นเอง มาเจอท่านคราวนี้ได้หลักธรรมมะมากมายจริงๆๆและสิ่งที่ติดใจอีกเรื่องว่าทำไมต้องปั้นท่านในท่านี้ สิ่งที่ได้รับคำตอบคือ เป็นบุคลิกของท่านเวลาท่านนั่ง ท่านเป็นพระที่เรียบง่ายๆ สบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง ทุกครั้งที่นั่งก็มักนั่งด้วยท่านี้ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของท่าน เพียงเท่านี้กว่าจะผ่านเลยมายังจุดอื่นก็สามารถได้ความรู้สอนใจมากมาย ถัดมาก็เป็นรูปปั้นพระแม่กวนอิมที่ยังทำการบูรณะอยู่ที่สำคัญเห็นตระหง่านคือมีการสร้างโบสถ์ที่ใหญ่มากแม้จะมีการประดิษฐานพระประธานในโบสถ์และประดับด้วยพญานาคสวยงามด้านหน้าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องสร้างอีกนานถึงจะสมบูรณ์ เลยผ่านมาเป็นศาลาซึ่งช่วงนี้ยังคงใช้เป็นเสมือนโบสถ์จำลองไปก่อน ภายในมีพระพุทธรูปที่งดงามหลายองค์ ที่สำคัญก็ยังมีรูปปั้นหลวงปู่สรวงและแท่นสำหรับวางของบูชาท่าน ตรงนี้แหละที่มีการแขวนว่าวสีขาวเรียงรายถวายท่านเมื่อเดินเลยออกมา จะเจอร้านสำหรับขายเครื่องบูชาหลวงปู่สรวง ซึ่งประกอบด้วยผ้าขาว ธูปเทียน กรวยดอกไม้ และมีคาถาบูชาหลวงปู่สรวงพร้อมรูปปั้นหลวงปู่ไว้ให้สักการะอีกจุดด้วยเลยมาด้านท้ายร้านขายเครื่องบูชา ถ้าอยากทำทาน (ทำบุญแล้วก็ต่อด้วยทำทาน) ก็สามารถทำทานให้อาหารโคกระบือได้น่ะค่ะเหนื่อยๆ ก็มาเดินชมน้ำตกด้านข้างรูปปั้นหลวงปู่ทำให้รู้สึกเย็นสบาย ยอมรับว่า มาครั้งนี้ ทางวัดมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากมายทั้งสถานที่ รูปเหมือนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกอย่างที่Jasmine ขอเป็นสะพานบุญแก่ทุกท่านที่อ่านว่า ช่วงนี้วัดกำลังสร้างโบสถ์ ซึ่งถือเป็นอาคารที่สำคัญที่ใช้สำหรับการอุปสมบทในภายหน้า และถือเป็นบุญใหญ่ ผู้ใดจะร่วมสร้างว่างๆ ก็แวะเข้ามาได้น่ะค่ะ สรุปคือมาสักการะหลวงปู่สรวงคราวนี้ ได้ทั้งหลักธรรม ความอิ่มใจที่สำคัญได้ร่วมสร้างบุญกุศลไปพร้อมๆ กันด้วย กราบขอบพระคุณค่ะหลวงปู่สรวง เจ้าค่ะ ภาพหน้าปกและภาพประกอบทั้งหมดถ่ายภาพโดย Jasmine #หลวงปู่สรวง #วัดสวยปทุมธานี #ทำบุญสร้างโบสถ์ #วัดเทพสรธรรมาราม เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !