ปัจจุบันโลกเรามันแคบลงทุกวัน มีเรื่องอะไรที่ไหน ไม่นานก็รู้กันทั่ว เพราะเทคโนโลยีที่ชื่อว่าอินเตอร์เน็ต ยิ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้นเท่าใด การติดต่อสื่อสารมันก็ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้นเท่านั้น ลองย้อนกลับไปดูโลกสมัยที่ยังใช้จดหมายส่งถึงกัน แค่ได้รู้ข่าวกันทางจดหมายก็ดีใจแล้ว แต่กว่าข่าวนั้นจะมาถึงมันก็ใช้เวลาข้ามวันหรือหลายวัน พอมีโทรศัพท์ ได้ยินเสียงคุยกัน มันก็รวดเร็วทันใจขึ้นอีกหน่อย สมัยก่อนจะโทรหาใครอาจต้องใช้ตู้หยอดเหรียญ ก่อนจะพัฒนามาเป็นมือถือ หรือสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน มันใช้เวลาไม่กี่ปีเลย ยังไม่ทันข้ามชั่วอายุคนด้วยซ้ำแต่ด้วยความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้มีคนบางกลุ่มก็ยังคงเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี และยังมีคนอีกกลุ่มที่แม้จะมีเทคโนโลยีอยู่กับตัว ก็ไม่สนใจขวนขวายหาความรู้เพื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเองคุณเป็นคนกลุ่มไหน?เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี หรือ ไม่ขวนขวายใช้ประโยชน์จากมัน?ถ้าคุณไม่ใช่ทั้งสองกลุ่ม แปลว่า คุณก็มีโอกาสก้าวตามเทคโนโลยีที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดนี้ได้ทัน อย่างน้อย คุณก็มาเจอบทความนี้ที่อยู่บนโลกออนไลน์ โลกของการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตบทความนี้กำลังจะชี้ให้คุณเห็นว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันนี้มาไกลขนาดไหนแล้ว? และคุณจะได้ประโยชน์อะไรจากมันได้บ้าง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งที่คุณไม่รู้.. และคุณจะรู้ได้ ง่ายนิดเดียว บนโลกอินเตอร์เน็ต.. แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่คุณเจอบนโลกอินเตอร์เน็ตจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะเมื่อคุณเจอข้อมูลได้ง่าย ข้อมูลลวงก็มาถึงคุณง่ายเช่นกัน แล้วจะทำอย่างไร?เหมือนคุณไปตลาดแล้วเจอคนนินทากันอยู่ คุณจะทำอย่างไร? บางคนเลือกที่จะเชื่อทันที เพราะเห็นคนพูดน่าเชื่อถือ แต่บางคนก็ต้องการข้อพิสูจน์ ซึ่งหากจะพิสูจน์ว่าเรื่องเหล่านั้นมันจริงหรือไม่ ต้องทำอย่างไร? แน่นอนว่าต้องหาข้อมูลเพิ่มบนอินเตอร์เน็ต คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มได้มากมายหลากหลายวิธี แต่ที่ฮิตที่สุดคงไม่พ้นการใช้ Googleตามสถิติ ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องมือค้นหาทั่วโลก (ข้อมูล 1 ปีย้อนหลังเดือนกรกฎาคม 2562-2563) พบว่ามีคนใช้ Google มากที่สุด ถึง 92.17% ส่วนอันดับรองลงมาคือ Bing และ Yahoo! ซึ่งมีผู้ใช้งานเพียง 2.78% และ 1.6% เท่านั้น!! แล้วหากลองดูสถิติการใช้เครื่องมือค้นหาเฉพาะในประเทศไทย คนใช้ Google สูงถึง 99.26% เลยทีเดียว เมื่อเห็นสถิตินี้แล้ว แปลว่าการค้นหาข้อมูลด้วย Google จะได้ผลการค้นหาที่ต้องการสูงกว่าเครื่องมืออื่นๆ คนจึงนิยมกันมากนั่นเองแล้วคุณรู้จัก Google ดีแค่ไหน? Google มีผลิตภัณฑ์และบริการที่คุณสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย และอาจจะมากมายกว่าที่คุณรู้ และที่สำคัญคือ ฟรี ตัวอย่างบริการที่กูเกิ้ลมี และใช้ได้บ่อย เช่นGoogle Search แน่นอนว่านี่คือตัวหลักในการใช้ค้นหาข้อมูลทุกสิ่งอย่างGoogle Map ใช้ดูข้อมูลการจราจร และนำทาง ไม่ว่าจะเดินไป ขับรถไป หรือนั่งรถประจำทาง นำทางได้หมดGoogle Translation ใช้แปลภาษาแทบทุกภาษาทั่วโลกGoogle Keep เก็บบันทึกให้คุณทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ ภาพ เสียงGoogle Calendar จัดระเบียบกำหนดการ และแชร์กิจกรรมกับเพื่อนในกลุ่มGoogle Docs, Sheets, และ Slides เหมือน MS Word, Excel, Power Point โปรแกรมพื้นฐานสำหรับงานในออฟฟิศ หรือนักเรียนนักศึกษาทั่วไปGoogle Drive เก็บและแชร์ข้อมูลได้ทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องพกพาฮาร์ดดิส หรือทรัมไดรฟ์อีกต่อไปGoogle Trend เก็บสถิติการค้นหาต่าง ๆ ที่คุณอยากรู้หรือแม้กระทั่ง Youtube ที่เอาไว้ดูหนังฟังเพลง ก็เป็นของ Googleนอกจากนั้นยังมีแอปพลิเคชั่นปลีกย่อยสำหรับนักธุรกิจ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ อีกมากมายด้วยแม้ว่า Google จะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้ใช้ฟรี แต่สำหรับการหาข้อมูลเพียง Google Search ตัวเดียวก็เชื่อมโยงข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาให้ได้มากมายเรามาทดลองค้นหาข้อมูลกันดีไหม? อยากให้คุณทดลองค้นหาด้วยคำว่า มหาเศรษฐีไทย 2020 คุณจะพบข้อมูลที่รายงานตรงกันหลายเว็บไซต์ โดยแต่ละเว็บไซต์ก็อ้างอิงจากการจัดอันดับมหาเศรษฐีของ Forbes ซึ่งเป็นนิตยสารที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ตีพิมพ์เนื้อหาในแวดวงธุรกิจและการเงินในสหรัฐอเมริกาหรือลองค้นหาข้อมูล ผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลก ใน Google Search ก็จะพบรายงานทั้งภาพรวม สถิติ ข้อมูลด้านสุขภาพ และการรับมือ ไว้ครบถ้วนแต่นั่นคือพื้นฐานที่คุณก็ค้นหาเป็น ถูกต้องหรือไม่? มันมีเทคนิคที่ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงขึ้นมากกว่านั้น เช่น การใช้เครื่องหมายคำพูดคร่อมคำที่ต้องการค้นหา ผลลัพธ์ที่ได้จะเฉพาะเจาะจงกว่าเดิมมากหรือใช้เครื่องหมายลบตามด้วยคำหรือข้อความที่ไม่ต้องการ เช่น -ขาย เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการขายโดยตรงจะถูกตัดออกไป เป็นต้น ลองดูภาพตัวอย่างเปรียบเทียบผลลัพธ์จากการใช้คำค้นหาด้วยเทคนิคที่แตกต่างกันคุณสามารถศึกษาการใช้งาน Google Search ขั้นสูงอื่น ๆ ได้อีก เช่น ใช้เป็นเครื่องคิดเลข ให้พยากรณ์อากาศ ให้แปลงค่าเงิน ให้หารูปภาพหรือเอกสาร หารอบฉายหนัง หาร้านอาหารหรือที่พักแบบที่คุณชอบ ดูเวลารอบโลก ดูเวลาสำหรับการเดินทาง ดูโปรแกรมกีฬา ดูหนังฟังเพลง และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยใส่คำค้นใน Google ว่า เทคนิคการค้นหาข้อมูลใน google ขั้นเทพ แล้วคุณจะพบว่ามีคนเขียนอธิบายเอาไว้อย่างละเอียด ชัดเจน หลายเว็บไซต์แล้ว เช่น https://stepstraining.co/search/technique-search-google-like-pro เป็นต้นบทความนี้ไม่ได้กะจะสอนคุณเกี่ยวกับเทคนิคทั้งหมดนั้น เพียงแต่จะย้ำเตือนคุณว่า มันมีอะไรที่คุณยังทำได้แต่คุณยังไม่ได้ทำ และมันช่วยเปิดโลกทัศน์ เป็นแหล่งความรู้ เป็นแหล่งข้อมูล ข่าวสาร มากมายพร้อมให้คุณเข้าถึง ซึ่งเมื่อคุณได้รับข้อมูลเหล่านั้นแล้ว คุณเองจะตอบตัวเองได้ว่า เรื่องบางเรื่องที่คุณเคยสงสัย เรื่องบางเรื่องที่เคยรับรู้มา มันจริงเท็จแค่ไหน แต่ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งรีบสรุปไปว่า ถ้าเจอข้อมูลตรงกับที่คุณได้ยินได้ฟังมา สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วเสมอไปเพราะคนที่คิดผิด และเอาข้อมูลผิดๆนั้นมาแบ่งปัน ส่งต่อ ก็ยังมีอยู่เยอะ และอย่างที่ท้วงไว้ตั้งแต่แรกว่า เมื่อคุณเจอข้อมูลได้ง่าย ข้อมูลลวงก็มาถึงคุณง่ายเช่นกัน ต่อไปนี้คือแนวทางการหาคำตอบ..ขอยกเอา กาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้เป็นหลักเรื่องความเชื่อให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่มา อนุสฺสวเนน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมามา ปรมฺปราย - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบ ๆ กันมามา อิติกิราย - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือมา ปิฏกสมฺปทาเนน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์มา ตกฺกเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ (การคิดเอาเอง)มา นยเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน (คาดคะเน)มา อาการปริวิตกฺเกน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผลมา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา - อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้วมา ภพฺพรูปตา - อย่าปลงใจเชื่อมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้มา สมโณ โน ครูติ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านนี้ เป็นครูของเราhttps://th.wikipedia.org/wiki/แทบจะเรียกได้ว่า อย่าให้เชื่อสิ่งใดจากใครเลยในทันที แล้วจะทำยังไงเมื่อห้ามเอาไว้ขนาดนี้? ก็ต้องใช้หลัก โยนิโสมนสิการ หือ?ถ้าใครสนใจเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ก็เอาคำว่า โยนิโสมนสิการ ไปค้นหาใน Google ดู เพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มเติมได้นะในที่นี้ขอย่อความหมายของ โยนิโสมนสิการ ว่า คือการพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน สืบค้นถึงต้นเค้า สาวหาเหตุผลจนตลอดสาย แยกแยะพิเคราะห์ดูด้วยปัญญา https://th.wikipedia.org/wiki/โอ้โห ขนาดนั้นเลย? ใช่ หากต้องการความถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บางเรื่องเราก็ไม่ได้ต้องการความถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นต้องการรู้เพียงมีอยู่บ้างหรือไม่ หรือราคาถูกหรือแพงประมาณไหน ข้อมูลส่วนใหญ่ที่พบเจอใน Google ก็จะตอบได้แล้ว และแน่นอนว่า เราก็ต้องเผื่อใจไว้สักหน่อย ว่าข้อมูลเหล่านั้นแม้จะมีคนจำนวนมากเห็นด้วย ก็ไม่ได้แปลว่าถูกต้องเสมอไปอยากให้ลองดูข้อมูลที่บอกว่า ผู้หญิงอย่ากินยาคุมนาน ๆ นะ เพราะถ้ากินต่อเนื่องนาน ๆ แล้วจะมีลูกยาก คนที่ไปรับข้อมูลนี้มาโดยไม่ทันได้รับข้อมูลแท้จริงครบถ้วน มีแต่เจตนาที่อยากเตือนคนด้วยความหวังดีเท่านั้น ก็จะอยากแนะนำและบอกต่อให้กับคนที่เค้าหวังดีด้วยต่อ ๆ กันไป และก็จะกลายเป็นความเชื่อที่บอกเล่ากันไปผิด ๆทางการแพทย์ทราบมานานแล้วว่า การกินยาคุมต่อเนื่องนาน ๆ ไม่ได้ส่งผลให้มีลูกยาก บางคนก็ยังตั้งท้องเพียงเพราะแค่ลืมกินยา ทั้งที่ก่อนหน้านั้นกินติดต่อกันมาเป็นปีแล้ว แนะนำว่าให้ลองหาข้อมูลในเรื่องนี้เพิ่มจาก Google คุณจะได้คำอธิบายที่ชัดเจน เช่น เว็บไซต์ของศูนย์ให้คำปรึกษาภาวะการมีบุตรยาก เป็นต้นหรือในอีกหลาย ๆ เรื่องที่ส่งต่อกันในไลน์ คุณได้อ่านแล้วก็ร้อง โอ้โห มันเป็นแบบนี้หรือนี่ แล้วก็รีบส่งต่อไปโดยไม่ทันตรวจสอบดูให้ดีก่อนว่าจริงหรือเท็จ ถ้าเป็นข้อมูลผิด ชีวิตเปลี่ยนเลยนะ ข้อมูลข่าวสารที่เป็นปัจจุบันมาก ๆ จะมีข้อมูลน้อย หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่คนส่วนใหญ่เชื่อหรือลือกันไปเท่านั้น คุณต้องหาข้อมูลเพิ่มด้วยตัวเอง และหากยังหาข้อมูลเพิ่มไม่ได้ ก็ยังไม่ควรปักใจเชื่อเพราะหากคุณเชื่อตาม และเล่าลือบอกต่อตาม ๆ กันไป หากเป็นเรื่องที่ถูกต้องก็ดีไป แต่หากไม่ถูกต้องหรือส่งผลลบต่อใครหรือต่อสังคม มันจะทำให้คุณติดวิบากกรรมไปด้วยโดยไม่จำเป็น และยังผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทอีกด้วย ส่งต่อโดยไม่คิด อาจต้องรับผิดติดคุก ไม่สนุกนะสุดท้าย คุณต้องรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อย่างมีสติ ไม่จำเป็นต้องรีบเชื่อ ต้องค้นหาข้อมูลอย่างไม่มีอคติต่อเรื่องใดเพื่อจะได้รู้ข้อเท็จจริงที่อาจส่งผลให้คุณหรือโทษทั้งต่อตัวคุณเองหรือสังคมคนเราเข้าใจผิดกันได้ง่ายเพราะอคตินี่แหละ อคติเพราะรักชอบ อคติเพราะเกลียดโกรธเป็นทุนเดิม อคติเพราะหลงงมงายไม่รอบคอบ อคติเพราะกลัวภัยจะถึงตัว อคติเหล่านี้แหละที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ให้รู้เท่าทันไม่ให้เกิดความลำเอียง (เข้าคำสอนของพระพุทธศาสนาอีกแล้ว :) )บทความนี้ขอแนะนำให้ลองสังเกตข่าวจริง/ข่าวปลอมในโลกออนไลน์ จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ https://stri.cmu.ac.th/ เพื่อเป็นแนวทางพิจารณาข่าวต่าง ๆ เอาไว้อย่างได้ผลในระดับหนึ่ง แต่อย่างที่กล่าวไปหลายครั้งในบทความนี้ว่า ต่อให้คุณจะได้รับรู้ข่าวที่ถูกต้องตามการรายงานข่าวจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือแล้วก็ตาม ก็ยังอยากให้เผื่อใจไว้ว่า ความจริงอาจไม่ตรงกับข่าว ณ ขณะนั้นก็ได้ ข้อเท็จจริงบางอย่างต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์ อย่าใจร้อนเดือดดาลกับสิ่งเลวร้าย หรือดีใจกับข่าวดีจนเกินไปเมื่อถึงตอนนี้ คุณก็ทราบแล้วว่าจะรับมือกับข่าวต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกโซเชียลอย่างไร และคุณเลือกได้ว่าจะเชื่อ หรือจะหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือพูดได้ว่า คุณสามารถรู้เรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวคุณเองได้ ง่ายนิดเดียว จริงไหม?