โรคข้อเข่าเสื่อม เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม หลาย ๆ คนคงได้เห็นโฆษณายาหรืออาหารเสริมตามทีวีหรือช่องทางอื่น ๆ มากมาย เกี่ยวกับโรคข้อเข้าเสื่อม พร้อมกับสงสัยว่าโรคนี้มีสาเหตุคืออะไร เราป้องกันได้ไหม รักษาอย่างไร มารู้จักกับโรคนี้กันเลยดีกว่า โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis หรือเรียกสั้น ๆ OA) คือโรคที่ข้อต่อส่วนนั้น ๆ มีความเสื่อมจากระยะห่างระหว่างข้อต่อแคบลง จนเกิดการสีกันของกระดูกสองชิ้นที่ติดกัน เปรียบเทียบง่าย ๆ คือข้อต่อปกติมีกระดูกที่ห่างกันและมีน้ำหล่อลื่นทำให้เกิดการเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ แต่สำหรับ OA ระยะห่างระหว่างกระดูกนั้นจะแคบลง ทำให้กระดูกสองชิ้นอาจสีกัน และเกิดการหลุดลอกของส่วนที่สีกันจนเกิดเป็นอาการปวด ตามภาพเกิดจากอะไรได้บ้าง? สาเหตุของโรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการเสื่อมตามวัย ทำให้พบมากในคนที่มีอายุมาก รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่น เพศ(ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชายเนื่องจากผลของฮอร์โมน) การใช้งาน (ยิ่งใช้งานหนักยิ่งมีความเสี่ยง) ความอ้วน อุบัติเหตุที่ข้อต่อนั้น ๆ หรือแม้แต่พันธุกรรม ทำไมถึงมักเป็นที่ข้อเข่า? เนื่องจากข้อเข่าเป็นข้อที่รับน้ำหนักมาก เมื่อเทียบกับข้ออื่น ๆ ในร่างกาย เราจึงมักพบคนไข้มีอาการปวดที่หัวเข่ามากกว่าที่อื่น ๆ นอกจากนี้ยังอาจพบได้ที่ข้อปลายสุดของนิ้วมือ ข้อสะโพก เป็นต้นป้องกันได้ไหม และทำอย่างไร? การป้องกันที่ดีคือ การไม่ใช้งานที่หนักเกินไป (overload) การลดความอ้วนในคนที่น้ำหนักตัวมาก หรือการออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อมีความแข็งแรงก็ถือเป็นการช่วยได้อีกทาง อย่างเช่นการทำ Quadriceps exercise เพื่อลดอาการในข้อเข่า ดังภาพ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม? อาการที่สำคัญของโรคนี้คือ จะมีอาการปวดเข่าเมื่อใข้งานไปเยอะๆ อย่างเช่นหลังจากไปวิ่ง เมื่อหยุดพักก็มีอาการดีขึ้น , อาการมักจะเป็นเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ (chronic and intermittent) , ปวดเข่าข้างเดียว(หรือสองข้างก็พบได้ แต่น้อยกว่า) , เมื่อเดินจะมีเสียงกรุบกรับ(เสียงเหมือนขย้ำถุงพลาสติก) ที่เข่า , รู้สึกเคลื่อนไหวเข่าได้ไม่สุด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากพบว่าเรามีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย ,ปรึกษาและหาทางป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคของความเสื่อม การรักษาให้หายขาดอาจทำได้ยาก และการตรวจพบโรคได้เร็วก็จะยิ่งรักษาได้ดีเครดิตภาพpixabay (ภาพปก)ภาพจากผู้เขียน (ภาพแรก) pixabay (ภาพที่2)ภาพจากผู้เขียน (ภาพสุดท้าย)