มีหนังสือแนวความรักไม่กี่เรื่อง ที่จะถูกยกขึ้นเป็นวรรณกรรม และน้อยนักที่จะกลายเป็นงานมรดกทางวัฒนธรรมที่คงความอมตะไว้มิเสื่อมคลาย ข้างหลังภาพ ถือเป็นวรรณกรรมล้ำค่าที่เข้าข่ายในเกณฑ์นั้นทุกอย่าง เพราะนอกจากความอมตะแล้ว ยังเป็นเรื่องที่นำมาเปิดอ่าน ศึกษา นำไปสร้างเป็นสื่ออื่น ๆ รวมถึงตีพิมพ์อีกหลายสิบครั้งข้างหลังภาพ เขียนโดย ศรีบูรพา นามปากกาของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ นักเขียนชั้นครูเจ้าของวาทะอมตะ ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน แม้ศรีบูรพาจะขึ้นชื่อในฐานะนักเขียนที่ไปทางเสรีนิยม แต่ข้างหลังภาพที่เขารังสรรขึ้นมา กลับมีเนื้อหาสะท้อนความเป็นอนุรักษ์นิยมพอสมควรโดยเรื่องราวของ ข้างหลังภาพ เป็นเรื่องความรักที่ต่างวัย นพพร นักศึกษาไทยในญี่ปุ่นวัย 22 ปี ที่ได้รับหน้าที่พาบุคคลชั้นสูงจากสยามประเทศมาท่องเที่ยวในดินแดนอาทิตย์อุทัย เขาจึงได้พบเจอกับ ม.ร.ว.กีรติ หญิงผู้สูงศักดิ์วัย 35 ที่ได้แต่งงานกับพระยาอธิการบดีที่อายุแก่กว่าเธอ 15 ปีนพพรที่เป็นเด็กเนิร์ด อยู่กับการเรียนมาตลอด ก็ได้รู้จักกับความรักผ่านความใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.กีรติ ที่ทั้งสวยงาม ฉลาดและดูดี และในตอนนั้นเองที่นพพรก็ได้รู้ว่า หญิงสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อมอย่างกีรติ ก็เป็นคนที่ไม่เคยสัมผัสกับความรักแบบหนุ่มสาวมาก่อน และการแต่งงานกับพระยาอธิการ ก็เป็นเพียงการแต่งงานแบบจำยอมในโชคชะตา และทั้งสองก็พยายามที่ประสานความรักเข้าด้วยกัน แต่วัฒนธรรมและกรอบต่าง ๆ ก็เป็นเครื่องกีดขวางพวกเขาไว้ที่มาของเรื่องเหล่านี้ เกิดจากในช่วงปี พ.ศ.2479 ศรีบูรพา ทำงานอยู่ในตำแหน่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาชาติอยู่ เวลานั้นการเมืองไทยกำลังเข้มข้นจากความขัดแย้ง หลวงพิบูลสงครามในเวลานั้น ไม่พอใจอย่างมากที่หนังสือพิมพ์ประชาชาติเลือกสนับสนุนพระยาทรงสุรเดช ที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง ศรีบูรพาจึงใช้โอกาสนี้ลดความขัดแย้งลงโดยการเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งในช่วงนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ประเทศสยามกำลังปฏิรูปประเทศขนานใหญ่อยู่ด้วย การส่งคนไปศึกษาการพัฒนาในต่างประเทศแล้วกลับมาพัฒนาถือเป็นเรื่องที่สยามกำลังให้ความสำคัญ และในช่วงที่ศรีบูรพาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นนั้น เขาก็ได้พบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ อีกทั้งตัวศรีบูรพากับมีความใกล้ชิดกับเจ้านายในราชสกุลวรวรรณ โดยเฉพาะพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ที่เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ประชาชาติ เขาจึงได้รังสรร ข้างหลังภาพ ขึ้นมา โดยมีการคาดเดากันว่า ม.ร.ว.กีรติ มีต้นแบบมาจากเจ้านายหญิงในราชสกุลวรวรรณ ที่ถือกันว่าเป็นตระกูลผู้สูงศักดิ์ตระกูลหนึ่งในสมัยนั้นโดยในเรื่องราวข้างหลังภาพนั้น เป็นเครื่องสะท้อนค่านิยมในยุคนั้นบางอย่างที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะความรักต่างวัย โดยเฉพาะตัว ม.ร.ว.กีรติ ที่เป็นตัวละครผู้อาภัพ อับโชคชะตาความรัก ก็อาจจะทำให้สงสัยว่าหญิงสูงศักดิ์อย่าง ม.ร.ว.กีรติ ควรจะเป็นฝ่ายที่สามารถเลือกคนรักได้ง่ายด้วยซ้ำ ซึ่งมีเหตุผลแฝงอยู่ในเนื้อเรื่องอันน่าสนใจคือ ตัว ม.ร.ว.กีรติเอง ที่อยู่ในความเพียบพร้อมมาตั้งแต่เกิด ได้เรียนดี ไม่ลำบาก มีการเลี้ยงดูที่ครบครัน แต่ก็เหมือนสวรรค์จัดสรรให้โชคชะตาของเธอ ไม่ได้พบเจอกับความรักที่เธอต้องการ เพื่อให้รู้จักกับความทุกข์ของการขาดสิ่งนี้ จนตัวเธอถึงกับเอ่ยออกมาว่าวงชีวิตในวัยสาวของฉัน เป็นวงชีวิตที่แคบมาก ฉันไม่มีโอกาสที่จะร่าเริงบันเทิงใจในวัยรุ่นสาวของฉัน ดุจเดียวกับสตรีสาวที่เป็นคนธรรมดาสามัญทั่วไปด้านนพพร ก็เป็นตัวที่สะท้อนความเร่าร้อนของเด็กหนุ่มที่กำลังแยกไม่ออกระหว่าง หลง หรือ รัก เพราะท่าทีที่เขามีต่อ ม.ร.ว.กีรตินั้น ก็กระตือรือร้นแสดงออกในการโหยหาความรักจากอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ซึ่งในบทบาทของนพพรนั้น ต้องยอมรับในเรื่องวรรณศิลป์ของศรีบูรพาเป็นอย่างยิ่ง ที่ไม่ได้นำเสนอเพียงแค่การโหยหาของนพพร แต่ยังได้บรรยายผ่านตัว ม.ร.ว.กีรติ ที่ตั้งคำถามกับตัวนพพรว่า ชายหนุ่มจากตระกูลผู้มั่งมีและเป็นเพียงนักศึกษา จะการันตีเรื่องความรักที่มั่นคงได้อย่างไร? แต่ตัวนพพรก็คล้ายจะเป็นคนที่มีความหลักแหลมและเฉียบคมในความคิดพอสมควร ดังที่เขาได้กล่าวสั้น ๆ แต่กระชากใจว่านอกเหนือจากความดี บุรุษแสวงความงามในสตรีเพศในความรัก คนเรายังมีแก่ใจคิดถึงต้นทุนกำไรอีกหรือ?และในความคิดต่าง ๆ ของนพพรที่แสดงออกมา ทำให้สามารถพิชิตใจ ม.ร.ว.กีรติได้ และนั่นก็ทำให้เห็นว่า วัยที่ต่างกันเป็นเพียงเส้นกั้นบาง ๆ และสามารถลบล้างได้ผ่านความคิดและมุมมอง ซึ่งในยุคปัจจุบัน ก็มีหลายคู่ที่อายุห่างกันมาก และสามารถประคองความรักไปได้ดี อันเนื่องมาจากแนวคิดที่ดีต่อกันแต่ท้ายที่สุด เนื้อเรื่องก็ยังสะท้อนค่านิยมในยุคนั้นที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะท่าที่ของ ม.ร.ว.กีรติที่ไม่พึงพอใจชีวิตแต่งงานกับชายวัย 50 ที่อายุห่างกับเธอถึง 15 ปี แต่เธอกลับรู้สึกยินดีถ้าเธอได้มีความรักกับนพพร แต่ความคิดอีกด้านหนึ่ง เธอก็ทำใจยอมรับไม่ได้ ที่จะต้องบอกเลิกกับชายวัยกลางคน อันจะส่งผลให้เสื่อมเสียต่อตระกูล และยากที่จะทำใจมีความรักกับคนที่อ่อนวัยกว่าเธอถึง 13 ปี แม้เธอจะรู้สึกดีกับตัวนพพรมากเพียงใดก็ตาม และตัวเรื่องก็ดำเนินไปโดยที่ทั้งสองไม่สามารถเอาชนะค่านิยมเหล่านั้นได้ และจบเรื่องราวอย่างเศร้าปนซึ้ง ที่อีกฝ่ายต้องแยกจากอย่างถาวรด้วยอาการป่วยไข้ และทิ้งท้ายไว้เพียงว่าความรักของเธอเกิดขึ้นที่นั้นแล้วก็ตายที่นั้น แต่ของอีกคนหนึ่งกำลังจะรุ่งโรจน์ในร่างที่กำลังจะแตกดับฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรักด้วยเนื้อเรื่องกินใจและมีคุณค่าทางวรรศิลป์อย่างสูง ข้างหลังภาพ จึงถูกนำไปสร้างเป็นละคร ภาพยนตร์และละครเวที ซึ่งฉบับที่ประทับใจผู้ชมชาวไทยที่สุดคือฉบับปี พ.ศ. 2544 กำกับโดย เชิด ทรงศรี นำแสดงโดย เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ และ คาร่า พลสิทธิ์ ซึ่งในฉบับภาพยนตร์นี้ จะได้เห็นบรรยากาศอันสวยงามของประเทศญี่ปุ่นหลายฉาก อีกทั้งฉบับนี้ก็ยังได้ผลักดันให้ เคน-ธีรเดช กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของประเทศไทย และเพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง กีรติ ที่ขับร้องโดย โบ-สุนิตา ลีติกุล ก็มีเนื้อหาที่ไพเราะจนกลายเป็นเพลงฮิตเพลงหนึ่งของประเทศไทย และฉบับวรรณกรรมของ ศรีบูรพา นั้น ก็ยังมีการตีพิมพ์วางจำหน่ายอยู่และคงความอมตะมิเสื่อมคลายแหล่งอ้างอิงเว็บไซต์สารคดี : กุหลาบ สายประดิษฐ์ นักประพันธ์และนักหนังสือพิมพ์ผู้กล้าท้าอำนาจเผด็จการGoodreads.com : ข้างหลังภาพMGR Online : ข้างหลังภาพ : นิยามแห่งความรัก จากวรรณกรรมของศรีบูรพาWikipedia: ประชาชาติธุรกิจWikipedia: พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์รูปภาพศรีบูรพาโดย The gl@ss Bee