เคยเป็นกันไหมครับ ก่อนจะหลับในแต่ละคืน บางคนชอบดูคลิปทำอาหารก่อนนอน คลิปแล้วคลิปเล่า จนบางคืนหิวขึ้นมากลางดึกซะอย่างนั้น “เมนูข้าวผัดปลากุเลาเค็ม” เป็นเมนูที่ได้รับแรงบันดาลจากคลิปทำอาหารที่ว่านี้ด้วย โดยผู้เขียนดูจากคลิปของช่องยูทูปที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 แสนคน นั่นคือ “เดอะแป๊ะสุน” เจ้าของลีลาการพูดที่เป็นเอกลักษณ์ และแต่ละเมนูคนทั่วไปก็สามารถทำกินเองได้ไม่ยากเกินไปหลังจากชมคลิปทำอาหาร "เมนูข้าวผัดปลาเค็ม" ของเดอะแป๊ะสุนแล้ว ก็เริ่มคิดว่า "ปลาอินทรีย์" แบบที่เดอะแป๊ะสุนทำให้ชมนั้น ผู้เขียนไม่มี แต่สิ่งที่มีอยู่ในตู้เย็นคือ “ปลากุเลาเค็ม” ผลิตภัณฑ์ชุมชนชั้นเลิศของจังหวัดปัตตานีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เหมือนกัน ก็เลยปรับปลาเค็มตามสูตรที่เป็นปลาอินทรีย์เค็มเปลี่ยนมาเป็นปลากุเลาเค็มแทน แต่ทำตามขั้นตอนของเดอะแป๊ะสุน จึงเป็นที่มาของเมนู “ข้าวผัดปลากุเลาเค็ม” ส่วนจะทำยากง่ายแค่ไหนนั้น ไปดูรายละเอียดกันเลยครับวัตถุดิบสำหรับเมนูปลากุเลาเค็ม1. ปลากุเลาเค็ม 1-2 ชิ้น2. ข้าวสวย (2-4 ทัพพี ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ต้องการทำและควรแช่ตู้เย็นไว้ก่อน เวลาผัดข้าวจะได้ไม่ติดกันเป็นก้อน)3. ผักคะน้า 3-4 ต้น4. น้ำตาลทราย5. ไข่ไก่ 1-2 ฟอง6. กระเทียม7. พริกสด8. น้ำปลา9. ต้นหอม10. ผักชี11. แตงกวา 1-2 ลูก12. น้ำมันพืช (สำหรับผัด)13. มะนาววิธีการปรุงเมนูข้าวผัดปลากุเลาเค็มผู้เขียนขอแบ่งวิธีการปรุงเมนูข้าวผัดปลากุเลาเค็มออกเป็น 2 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ ขั้นการเตรียมวัตถุดิบ และ ขั้นการปรุงข้าวผัดปลากุเลาเค็ม โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ขั้นการเตรียมวัตถุดิบ1. ทอดปลากุเลาเค็มให้สุกและหอม แล้วทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ2. แบ่งคะน้าออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก คือ ส่วนต้นและก้านกับใบคะน้า โดยต้นคะน้าควรปลอกเอาผิวด้านนอกออกบ้างจะได้ไม่เหนียวมากนัก จากนั้นก็หั่นให้เป็นแว่นเล็ก ๆ ส่วนที่สอง คือ ใบคะน้า ก็หั่นในลักษณะเดียวกัน โดยไม่นำมารวมกันเพราะเวลาผัดจะนำไปผัดก่อนหลังแตกต่างกัน3. โคลกกระเทียม4. หั่นพริกสด เพื่อเพิ่มรสชาติให้จี๊ดจ๊าดมากขึ้นขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบก็จบเพียงเท่านี้ขั้นการปรุงเมนูข้าวผัดปลากุเลาเค็ม1. ตั้งกระทะ ใช้ไฟปานกลาง เทน้ำพืชลงในกระทะ2. เมื่อน้ำมันพืชร้อนแล้ว ก็ใส่กระเทียมที่โคลกลงไปผัดให้หอม แต่ไม่ควรเหลืองเกินไป3. เมื่อกระเทียมมีกลิ่นหอมแล้ว ให้ตอกไข่ไก่ลงไปผัดให้สุกประมาณ 70-80% 4. ใส่ต้นและก้านคะน้าที่หั่นแล้วลงผัดด้วย5. จากนั้นนำปลากุเลาเค็มทอดที่ทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไว้แล้ว ใส่ลงไปผัดด้วย5. ผัดจนคะน้าเริ่มสุกและมีกลิ่นหอมของปลากุเลาเค็ม ก็เทข้าวสวยที่แช่ตู้เย็นไว้แล้วลงในกระทะ สำหรับผู้เขียนใช้ข้าวกล้องผสมกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร6. ผัดข้าวคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วก็ใส่ใบคะน้าที่หั่นไว้แล้วลงไปผัดในกระทะด้วย ผัดจนใบคะน้าสุก7. เมื่อเห็นว่าข้าวผัดคลุกเคล้าเข้ากันดีแล้ว ก็ปรุงรสชาติตามใจชอบ ใส่น้ำตาล และน้ำปลา โดยน้ำปลาให้เหยาะใส่รอบ ๆ กระทะ แล้วผัดให้เข้ากัน จะได้กลิ่นหอมของน้ำปลาด้วย8. เมื่อผัดจนได้ที่ มีรสชาติที่ต้องการแล้ว ก็ให้ใส่พริกซอยลงไป ผัดให้พริกซอยกระจายไปทั่ว9. เทใส่จาน แล้วจัดแตงกวา ต้นหอม ผักชี และมะนาวที่ผ่าเป็นชิ้นให้สวยงาม แต่เวลาจะรับประทานให้บีบมะนาวลงไปด้วยจะช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้นสรุปการทำเมนูปลากุเลาเค็มในครั้งนี้ รสชาติถูกใจเพราะได้ปรุงรสชาติตามที่ชอบ การใช้ข้าวสวยที่เป็นข้าวกล้องผสมกับข้าวไรซ์เบอร์รี่จะทำให้ได้รสชาติหนุบหนับของข้าวกล้อง ข้าวผัดที่ได้มีสีสันสวยงาม การแบ่งคะน้าออกเป็น 2 ส่วนและผัดทีละขั้นตอนตามคลิปของเดอะแป๊ะสุนทำให้คะน้าสุกพอดีและกรอบด้วย ปัญหาที่พบก็คือใช้ปลากุเลาเค็มน้อยเกินไป ทำให้ยังไม่เข้าถึงรสชาติและกลิ่นของปลากุเลาเค็มมากนัก เพราะผู้เขียนใช้ปลากุเลาเค็มเพียงชิ้นเดียว เพราะกลัวจะมีรสเค็มจัด แต่เมื่อปรุงออกมาแล้ว กลับรู้สึกว่าใช้ปลากุเลาเค็มน้อยไปนิดหนึ่ง เลยกลายเป็นเมนูข้าวผัดมัจฉาซ่อนแอบแทนซะงั้นข้อแนะนำ คือ ส่วนตัวผู้เขียนชอบเพิ่มรสชาติในขณะรับประทานเมนูนี้ด้วยพริกน้ำปลาผสมกับมะนาวและหัวหอมซอย ช่วยเพิ่มรสชาติความเผ็ด เค็ม เปรี้ยว และมีกลิ่นหอมจากมะนาวด้วย ลองนำไปปรับใช้สำหรับการทำเมนูข้าวผัดปลากุเลาเค็มดูนะครับ เนื้อหาและภาพทั้งหมดเป็นของผู้เขียนห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป