จากการประชุม ครม. ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา โครงการคนละครึ่งเฟส 3 ได้มีการอนุมัติเงินเพิ่ม 42,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ เติมเงินเพิ่มอัตโนมัติให้กับผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 รายเดิม จำนวน 1,500 บาท (รับไปแล้ว 3,000 บาท) ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 รายใหม่ รับเงินรวดเดียว จำนวน 4,500 บาท ทั้งสองกรณีต้องใช้สิทธิในการใช้จ่ายในโครงการจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 สำหรับผู้อ่านที่ทราบว่าตัวเองเป็นผู้ได้รับสิทธิในโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เราจะใช้สิทธิในการใช้จ่ายอย่างไรให้คุ้มค่า ผมจะพาผู้อ่านไปทัวร์พร้อม ๆ กันครับ 1. ใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ให้สังเกตป้ายที่มีสัญลักษณ์คนละครึ่ง สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 รายเดิมคงจะคุ้นเคยกับการใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 รายใหม่ ให้สังเกตป้ายที่ติดอยู่บริเวณหน้าร้าน โดยสัญลักษณ์จะเป็นรูปจิ๊กซอว์เชื่อมหัวใจเข้าด้วยกันคนละครึ่ง บางร้านอาจจะไม่ได้ติดป้ายไว้ เราอาจจะถามพ่อค้าหรือแม่ค้าว่า “มีคนละครึ่งไหมครับ” ซึ่งจากประสบการณ์ของผมร้านส่วนใหญ่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง มีน้อยมาก ๆ ที่ไม่ได้ร่วมโครงการ เพราะโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้า โดยรัฐจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง เราจ่ายครึ่งหนึ่ง เมื่อเงินทั้งสองส่วนรวมกันจะเป็นรายได้ของพ่อค้าแม่ค้า ในส่วนของเราก็ประหยัดเงินไปครึ่งหนึ่ง หรือเราได้ซื้อของที่เพิ่มขึ้นสองเท่าในจำนวนเงินเท่าเดิม ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อตุ๋นพิเศษในราคา 50 บาท หมายความว่า เราออกเงินเพียง 25 บาท รัฐจ่ายให้ 25 บาท รวมเป็นเงิน 50 บาท ที่พ่อค้าแม่ค้าร้ายก๋วยเตี๋ยวจะได้รับ สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 รายใหม่สิ่งที่ต้องมีคือ แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้ในการสแกนจ่ายเงิน โดยเราจะต้องเติมเงินเข้าไปในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งเงื่อนไขของการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง ผู้ที่ได้รับสิทธิจะสามารถใช้จ่ายไม่เกิน 150 บาทต่อวัน หรือสามารถใช้จ่ายใน 1 วันไม่เกินวงเงิน 300 บาท (รวมที่รัฐจ่ายให้แล้ว) สำหรับผมจะเติมเงินวันละ 100 - 150 บาท เพื่อกันพลาดครับ เพราะครั้งแรก ๆ ที่ผมใช้ ผมเติมเงินเข้าไปเยอะ จนจำนวนเงินที่ผมเติมเข้าไปมีจำนวนมากกว่าเงินที่ผมได้รับจากโครงการคนละครึ่ง ทำให้เงินเหลือค้างอยู่ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ส่วนวิธีการเติมเงิน ผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านวิธีการเติมเงินได้ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยกดปุ่มสีเขียวที่เขียนว่า เติมเงินเข้า G-wallet ซึ่งแทบจะทุกธนาคารรองรับการเติมเงินเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตัง ถ้าใครใช้แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT อยู่แล้วก็จะง่ายหน่อย เนื่องจากแอปพลิเคชันเป๋าตังเป็นแอปพลิเคชันของธนาคารกรุงไทย ดังนั้นการเติมเงินจะเชื่อมทั้งสองแอปพลิเคชัน โดยไม่ต้องคัดลอก G-wallet ID ให้วุ่นวายเหมือนธนาคารอื่น 2. ใช้จ่ายกับการสั่งฟู้ดเดลิเวอรี่ ในส่วนของการใช้จ่ายกับการสั่งฟู้ดเดลิเวอรี่ สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ทั้งรายเก่าและรายใหม่อาจจะไม่คุ้นเคย เนื่องจากมีการอนุญาตให้ฟู้ดเดลิเวอรี่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าที่นั้นมีบริษัทฟู้ดเดลิเวอรี่รายหนึ่งได้ออกแบบการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งในแอปพลิเคชันของตัวเอง ซึ่งผู้ใช้บางส่วนมองว่า มีความวุ่นวายในการจ่ายเงิน เพราะแม่ค้าพ่อค้าต้องตรวจสอบเองว่าเงินเข้าหรือไม่ ถึงจะรับออเดอร์ได้ แต่หลังจากมีการอนุญาตอย่างเป็นทางการชีวิตก็ง่ายขึ้นมาก เพราะระบบการจ่ายเงินจะเชื่อมต่อระหว่างสองแอปพลิเคชัน คือ แอปพลิเคชันเป๋าตัง กับ แอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่ ซึ่งระบบจะจัดการการจ่ายอย่างเสร็จสรรพ โดยแม่ค้าพ่อค้าไม่ต้องไปตรวจสอบว่าเงินเข้าหรือไม่ เมื่อระบบตัดเงินอย่างสมบูรณ์ แม่ค้าพ่อค้าสามารถรับออเดอร์และส่งต่อให้กับไรเดอร์ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ซึ่ง ณ ขณะนี้มีบริษัทฟู้ดเดลิเวอรี่เข้าร่วมโครงการ 2 บริษัท คือ Grab และ Lineman เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านผมขออธิบายวิธีการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งกับการสั่งฟู้ดเดลิเวอรี่ พร้อมทั้งแนบภาพประกอบการอธิบาย ดังนี้ เข้าแอปพลิเคชันเป๋าตัง กดแถบแบนเนอร์ “ฟู้ดเดลิเวอรี่” ในหน้าแรก กด “สั่งผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม” บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง แล้วจึงเลือกผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ แพลตฟอร์มที่ต้องการใช้งาน (Grab หรือ Lineman) หลังจากเลือกตามข้อ 2 ระบบจะเชื่อมไปที่แอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มเพื่อสั่งอาหาร หรือเครื่องดื่ม จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยผู้ที่ใช้สิทธิจะต้องชำระค่าส่งที่แอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่ก่อน ผู้ที่ใช้สิทธิจะได้รับการแจ้งเตือนให้ชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มบน g-Wallet และกดปุ่มชำระค่าอาหาร หรือเครื่องดื่ม พร้อมใช้สิทธิผ่าน G-Wallet โดยต้องชำระเงินภายใน 5 นาที เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ 3. ใช้จ่ายค่าโดยสารสำหรับรถไฟฟ้า BTS และ MRT ในส่วนของการใช้จ่ายค่าโดยสารสำหรับรถไฟฟ้า BTS และ MRT เป็นอีกวิธีการใช้สิทธิที่น่าสนใจ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ทราบว่าสามารถใช้สิทธิในโครงการคนละครึ่งกับการลดค่าโดยสารของ BTS และ MRT ได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ผู้ที่มีสิทธิในโครงการคนละครึ่งอาจจะมีบัตรเติมเงินของรถไฟฟ้า BTS และ MRT อยู่แล้วจึงสะดวกในการใช้งานในเวลาที่เร่งรีบ หรือบางคนอาจจะสะดวกในการซื้อบัตรโดยสารจากตู้บริการ เพราะการใช้สิทธิคนละครึ่งในการลดค่าโดยสาร จะต้องทำที่ห้องจำหน่ายตั๋วจากเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยประเภทของบัตรโดยสารจะเป็นบัตรโดยสารเที่ยวเดียว (single journey card) สำหรับวิธีการใช้สิทธิก็เหมือนกับการใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งทั่ว ๆ ไป เพียงแค่บอกสถานีปลายทางที่เราต้องการไป ใช้โครงการคนละครึ่ง ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังในการจ่ายเงิน และโชว์หน้าจอการจ่ายเงินสำเร็จให้กับเจ้าหน้าที่ ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ สำหรับผู้ต้องการศึกษาวิธีการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งกับค่าโดยสารสำหรับรถไฟฟ้า BTS และ MRT อย่างละเอียดผมได้แนบภาพที่จัดทำขึ้นโดย BTS มาให้ด้านล่าง ส่วนตัวผมใช้มาแล้วคุ้มมาก ๆ ครับ วันก่อนผมใช้บริการรถไฟฟ้า BTS เพื่อที่จะเดินทางไปหาเพื่อน จากสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปสถานีอ่อนนุช (รวมทั้งหมด 22 สถานี) ในราคา 22 บาท จากราคาเต็ม 44 บาท ซึ่งเท่ากับว่าผมเดินทางไปกลับผมใช้เงินไป 44 บาท ถ้าไม่ใช้สิทธิคนละครึ่งผมคงต้องเสียเงิน 88 บาทครับ ถือว่าคุ้มมากครับ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่าน และขอให้ใช้สิทธิอย่างคุ้มค่าครับ ออกแบบตกแต่งปกโดย: Canva ภาพที่ 1 โดย Rossemarie Beringuel จาก Pexels ภาพที่ 2 โดย Mikhail Nilov จาก Pexels ภาพที่ 3 จาก คนละครึ่ง ภาพที่ 4 โดย Markus Spiske จาก Pexels ภาพที่ 5 โดย รถไฟฟ้าบีทีเอส จาก Facebook Paul.praisri อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !