กล่าวกันว่า 500 ปี ก่อนคริสต์กาล ชาวเซลท์ (Celts) ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ อินโด-ยูโรเปียน ได้ตั้งรกรากอยู่ที่บริเวณกรุงเวียนนาในปัจจุบัน ริมแม่น้ำดานูบ (Danube) ใจกลางยุโรป จากนั้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายได้เกิดขึ้นที่นี้จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2384 ระหว่างสงครามนโปเลียน กรุงเวียนนา (Vienna) ได้ถูกตั้งให้เป็นเมืองหลวง โดยจักรวรรดิออสเตรีย (Austrian Empire)ภาพวาดกรุงเวียนนาด้วยสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ ในช่วงปี พ.ศ. 2301-2304; ที่มา https://en.wikipedia.orgในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิออสเตรียมีความภาคภูมิใจอย่างมากที่สามารถสร้างดนตรีที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม คอนเสิร์ตและการเต้นรำจึงกลายสิ่งสำคัญของชาวเมืองเวียนนา เครื่องดนตรี โรงอุปรากร (Opera) โรงพิมพ์โน๊ตเพลง จึงรุ่งเรืองมากในยุคนี้โมซาร์ท (Mozart) ศิลปินผู้มีชื่อเสียงเกิดในเมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในเวียนนา ด้วยการประพันธ์บทเพลงอันทรงคุณค่าขึ้นมากมาย และยังมีศิลปินโด่งดังอีกหลายคน เช่น Strauss, Beethoven, Haydn และ Berg ทำให้เวียนนาถูกกล่าวขานว่าเป็น เมืองแห่งดนตรี และ เมืองแห่งความฝัน ด้วยเช่นกัน เพราะนายแพทย์นักจิตวิทยาชื่อดัง Sigmund Freud ได้เคยทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยเวียนนาในปี พ.ศ. 2544 แหล่งประวัติศาสตร์สำคัญใจกลางกรุงเวียนนา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก บริเวณกลางเมืองจึงถูกห้ามมิให้ก่อสร้างอาคารสมัยใหม่ที่มีความสูงมากเกินไป อันจะทำลายทัศนียภาพเก่าแก่สำคัญของเมืองการท่องเที่ยวในกรุงเวียนนา บริเวณเมืองเก่าทำได้ง่ายโดยการเดิน เพราะสถานที่แต่และแห่งอยู่ใกล้ ๆ กัน และเมืองสวยทำให้เดินเพลินหลงไปตรงไหนก็ได้ หรือจะใช้รถไฟใต้ดินและรถรางก็สะดวกสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจกลางกรุงเวียนนาบางส่วน ที่ผู้เขียนแนะนำ ได้แก่1. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Museum of Natural History) เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลกที่รวบรวมเกี่ยวกับธรรมชาติวิทยา สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 มีสิ่งของสะสมไว้มากกว่า 30 ล้านชิ้น2. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ (Museum of Art History) ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ซึ่งสร้างไว้เป็นตึกแฝดคู่กัน ลานกว้างตรงกลางมีพระบรมรูปของจักรพรรดินี มาเรีย เทเรซา (Maria Therasa) ตั้งอยู่ ทรงเป็นประมุขแห่งจักรวรรดิออสเตรีย ฮังการี โบฮีเมีย โครเอเชีย และสลาโวเนีย ปกครองในช่วงปี พ.ศ. 2283-23233. เนือนบูร์ก (Neue burg wing) เป็นสวนหนึ่งของ พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace) อันซับซ้อน ของราชวงค์ฮาพส์บวร์ค (House of Habsburg) เพราะมีการก่อสร้างต่อเติมหลายครั้งทำให้มีหมู่ของอาคารเชื่อมต่อกันจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งส่วนที่เป็นมิวเซียม ที่พำนักและทำเนียบของประธานาธิบดีออสเตรียด้วยด้านหน้าอาคารฝั่งของสวน Volksgarten มีอนุสาวรีย์ของ เจ้าชายออยเกิน แห่งซาวอย (Prince Eugene of Savoy) ทรงเป็นจอมพลในกองทัพของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และราชวงศ์ออสเตรียฮาพส์บวร์ค ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 ตรงข้ามกันเป็นอนุสาวรีย์ของ ดยุคชาร์ลส์ หลุยส์ จอห์นโจเซฟ (Archduke Charles) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการและปฏิรูปกองทัพออสเตรีย ด้านหลังของเนือนบูร์ก เป็นสวน Burggarten มีโรงเรือนกระจกอันสวยงามตั้งอยู่ ปัจจุบันเป็นร้านอาหารและคาเฟ่4. ศาลาว่าการประจำเมือง (Rathaus) เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โกธิค บางครั้งมีการจัดงานต่าง ๆ ขึ้นบริเวณสวนด้านหน้า5. มหาวิหารเซนต์สเตฟาน (St. Stephen's Cathedral) เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์-โกธิค สูง 136.7 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง รายล้อมด้วยร้านค้านานาภัณฑ์ ด้านในมีแท่นบูชาทั้งหมด 18 แทน และเป็นที่ประดิษฐานอนุสรณ์พระศพของจักรพรรดิและเจ้าชายหลายพระองค์6. โรงอุปรากรแห่งเวียนนา (Vienna State Opera) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2404-2412 มีทั้งหมด 1,709 ที่นั่ง และยืนได้ 567 ที่ มีการถ่ายทอดสดการแสดงไว้ด้านข้างให้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมได้ด้วย7. โบสถ์เซนต์ชารลส์ (St. Charles Church) สถาปัตยกรรมแบบบารอก ข้างในตกแต่งไว้อย่างละเอียดอ่อนสวยงามเวียนนา ยังคงเป็นเมืองแห่งเวทมนตร์ ที่มีความซับซ้อน จึงต้องใช้เวลาในการดื่มด่ำกับรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผู้เขียนเองก็หวังว่าจะได้มีโอกาสกลับไปหลงเสน่ห์ของเวียนนาอีกสักครั้งหนึ่ง....ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://theculturetrip.comhttps://en.wikipedia.orghttps://museums.eu/museumเรียบเรียงเรื่องราวและภาพถ่ายโดยผู้เขียน