อะไรที่เป็นครั้งแรกมักจะฝังใจเสมอ เมื่อได้ยินคำนี้มันทำให้ผู้เขียนนึกถึงการเดินทางที่ไกลที่สุดครั้งแรกในชีวิต เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้น วันที่หัวใจดวงน้อย ๆ ถูกขยี้คามือสาวคนหนึ่งแบบไร้เยื่อใย ผู้เขียนเดินจากมาด้วยน้ำตาลูกผู้ชาย ได้ลิ้มรสพิษรักครั้งแรกในชีวิต ไม่มีฝนตกเพราะทุกอย่างแห้งผากไปพร้อมกับหัวใจ ทิ้งไว้เพียงคราบน้ำตา และรอยความเศร้า เมื่อหันไปทางไหนก็เจ็บปวดกับภาพความทรงจำ ที่ตรงนั้นเคยบอกรัก ตรงนี้เคยเดินจูงมือกัน บัดนี้ความรู้สึกดี ๆ กลายเป็นหอกทิ่มแทงจนไม่อาจทนไหว ทางเดียวคือหนีไปให้ไกล จากเธอ จากทุกสิ่ง มันเป็นช่วงเวลาหลังจากสึนามิผ่านไปได้พักใหญ่ แต่สึนามิในใจก็ได้พัดทำลายความรักของผู้เขียนเช่นกัน วันหนึ่งเดินไปร้านหนังสือ มุมท่องเที่ยว แล้วหลับตาเลือกหนังสือ “ท่องเที่ยวหาดใหญ่” มาเล่มหนึ่ง จัดแจงแพ็คของบอกลารูมเมตเพื่อนรัก ขณะนั้นเองมันก็สวนกลับมาว่า “เอ็งไม่รู้เหรอว่าหาดใหญ่เขามีเคอร์ฟิว ที่สนามบิน” สิ้นคำพูดของมัน เราได้แต่เคว้งเหมือนกำลังอกหักอีกรอบ จึงหยิบแผนที่บนโต๊ะหนังสือเพื่อเสี่ยงดวง คราวนี้ “จังหวัดตรังคือเป้าหมาย” ภาพวาดโดยผู้เขียน เมื่อถึงวันเดินทางขึ้นรถไฟจากสถานีบ้านโป่ง ราชบุรี ผู้เขียนเลือกนั่งริมหน้าต่าง เพื่อปล่อยใจมองทิวทัศน์ หัวใจที่ล่องลอยแบบไร้จุดหมายมันทำให้การเดินทางยาวนานราวกับว่าไม่มีปลายทาง นั่งรถไฟสิบกว่าชั่วโมงถึงสถานีกันตัง และมาต่อรถจากหาดปากเมงถึงหาดเจ้าไหม ด้วยความบังเอิญได้เจอกับพี่เจ้าหน้าที่อุทยานเป็นคนเมืองกาญจน์เหมือนกัน ยิ่งสำเนียงเหน่อก็เลยคุ้นเคย พี่เขาต้อนรับเป็นอย่างดี แนะนำมักคุเทศน์น้อยเป็นเด็กชายอายุราว10ขวบ ที่บังเอิญรอบสองคืออายุคราวเดียวกับน้องชายแถมยังหน้าละม้ายกันอีกต่างหาก ภาพวาดโดยผู้เขียน วันนั้นบ่ายคล้อยจวนเย็น น้องช่วยกางเต้นท์จนเสร็จ และแนะนำว่าถ้าโชคดีจะได้เจอปลาพยูน เราเดินเตร่สำรวจหาดแลเห็นผาหินด้านหน้าด้วยความอยากรู้จึงปีนขึ้นไป พบฝูงลิงเสมท่าทางดุไม่น่าไว้ใจ จึงต้องถอยกลับมาวิ่งเล่นคลื่นชายหาดคนเดียว จนท้องร้องบอกเวลาได้กินอาหารใต้แท้ ๆ หลังจากอิ่มมื้อเย็นแบบคนใต้ เรามันคนภาคกลางแต่ดันไปเหมือนคนใต้เวลาไปนั่งกินอาหารจึงกลมกลืนแอบ ๆ เนียน จนมีคนมาเรียก “พี่หลวง ๆ” แล้วตอบภาษากลางไปเลยความแตก ค่ำนั้นบรรยากาศเงียบสงบจนได้ยินเสียงคลื่นชัดที่สุด จำได้ว่าทั้งเวิ้งหาดมีเต้นท์ผู้เขียนคนเดียวถัดไปลิบ ๆ ถึงมีแสงไฟ มีเพียงจันทร์แหว่ง ๆ เป็นเพื่อน จนอดถามตัวเองไม่ได้ว่า “นี่เราหนีความเหงามาเพื่อเหงาหรือวะเนี่ย?” ภาพวาดโดยผู้เขียน รุ่งขึ้นน้องมาปลุกแต่หัวเช้า (เช้ามืด) แลดอกศรีตรังบานสะพรั่ง น้องพาไปทำกิจกรรมพายเรือคายัค เพราะด้วยงบจำกัดของเราและการเที่ยวแบบฉายเดี่ยวน้องจึงแนะนำแพ็คเกจอนาถา เที่ยวแบบประหยัดคือเป็นปรสิตไปรวมกลุ่มกับกรุ๊ปท่องเที่ยวที่คนน้อย ผลก็คือได้บั๊ดดี้เป็นสาวน้อยมีลักยิ้มชื่อ “หม่อนไหม” ซึ่งตลอดทริปต้องคอยดูแลกันและกัน ยามปีนเขาเข้าถ้ำคอยฉุดช่วยปีนข้ามโขดหิน เมื่อลงเรือคายัคหม่อนไหมจะคอยบอกทางให้เราพายลัดเลาะไปตามป่าโกงกาง ดอกไม้แห่งมิตรภาพเบ่งบานขึ้นท่ามกลางท้องฟ้าและผืนน้ำนั่นเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อจบทริปเราต่างจากกันโดยไร้ช่องทางติดต่อ แล้วถ้าจะถามต่อว่าทำไมไม่สานต่อความสัมพันธ์ “โถ...สงสารคนหัวใจบาง ๆ เถอะครับแผลยังไม่หายสนิท เลือดยังซิบ ๆ อยู่เลย ทำได้แค่รู้สึกดีในใจ” ปล. เป็นที่น่าเสียดายที่ภาพถ่ายทริปตรังครั้งนั้น อยู่ในฮาร์ด ดิสก์ตัวเก่าที่พังไม่สามารถกู้คืนได้ แต่ความทรงจำและลักยิ้มคู่นั้นยังประทับอยู่ในความทรงจำเสมอมา ภาพปกโดยผู้เขียน