หลายครั้งที่ผู้เขียนได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับจักรวรรดิโบราณที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ส่วนใหญ่แล้วจะกล่าวถึงเรื่องทั่วไปและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หลายคนไม่รู้มาก่อน ครั้งนี้จะนำเรื่องราวของจักรวรรดิแอซเท็ก (Aztec Empire) อารยธรรมที่ขึ้นชื่อเรื่องความศรัทธาต่อเทพเจ้าอันเข้มข้น แต่ไหน ๆ ก็พาย้อนไปไกลถึงศตวรรษที่ 13-16 กันแล้ว จะให้เล่าถึงเรื่องทั่วไปคงธรรมดาไปสักหน่อย ครั้งนี้จึงอยากเล่าเรื่องพิธีกรรมและการบูชายัญ รับประกันความโหดชนิดที่หลายชนเผ่ายังไม่กล้าทำเลยด้วยซ้ำสำหรับคนที่ยังไม่รู้จักกับจักรวรรดิแอซเท็ก ก็ต้องขอแนะนำฉบับย่อว่า จักรวรรดิแอซเท็กก็เป็นอารยธรรมของมนุษย์แห่งหนึ่ง ไม่ต่างจากอารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอียิปต์หรืออารยธรรมกรีกและโรมัน และเช่นเดียวกันชาวแอซเท็กก็เป็นชนเผ่าที่นับถือเทพเจ้า มีความเชื่อว่าเทพเจ้าเป็นผู้บันดาลฟ้าฝนและคอยควบคุมสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติให้เป็นไปทั้งดีและร้าย โดยจักรวรรดิแอซเท็กตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบเท็กซ์โคโค (Texcoco) ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก (Mexico) และชนเผ่าแอซเท็กเจริญรุ่งเรืองอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 13-16 และเรื่องพิธีกรรมที่กำลังจะกล่าวถึง เป็นเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้โดยชาวสเปนเมื่อครั้งเข้ามาสอดแนมเพื่อบุกยึดจักรวรรดิแอซเท็กนั่นเองเชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินเพลงของใหม่ เจริญปุระ ที่ร้องว่า 'ควักหัวใจออกมา เอาออกมาพิสูจน์' จากเนื้อเพลงนี้เมื่อฟังเรื่องพิธีกรรมของชาวแอซเท็ก คงต้องสยองพองขนกันอยู่ไม่น้อย เพราะชาวแอซเท็กมีพิธีกรรมอย่างหนึ่งคือ การควักหัวใจเพื่อบูชายัญต่อเทพเจ้า ต้องบอกว่าไม่ใช่การทำเพราะความโหดเหี้ยมแต่มันมีที่มาที่ไปของพิธีกรรมนี้อยู่เช่นกัน เรื่องมีอยู่ว่า ชาวแอซเท็กจะเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าเทพเจ้าสูงสุดที่พวกเขานับถือกำเนิดจากพระอาทิตย์ และพวกเขายังเชื่ออีกด้วยว่าตั้งแต่อดีตกาลโลกนี้มีพระอาทิตย์ 5 ดวง แต่พระอาทิตย์ทั้ง 4 ดวงได้ดับสูญไปเนื่องจากบาปของมนุษย์ และเพื่อเป็นการรักษาพระอาทิตย์ดวงสุดท้ายนี้เอาไว้บนโลก จึงต้องมีการทำพิธีบูชายัญแด่องค์เทพที่พวกเขานับถือด้วยการควักหัวใจทั้งเป็นชาวแอซเท็กเชื่อว่าต้องใช้เลือดในการบูชายัญแด่องค์เทพเจ้า ดังนั้นการควักเอาหัวใจคนทั้งเป็นจึงนับว่าเป็นการบูชาโดยใช้อวัยวะส่วนที่ให้เลือดมากที่สุด พวกเขาจะทำพิธีนี้อย่างน้อยปีละแปดครั้ง แต่ละครั้งจะเกณฑ์พวกเชลยศึกและนักโทษของจักรวรรดิแอซเท็กมากกว่าสองพันคน เพื่อเข้าสู่พิธีกรรมที่จัดขึ้นบนยอดมหาพีระมิดเทมพลอ มายอร์ (Templo Mayor) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิแอซเท็กที่ชื่อว่า เตนอคทิตลัน (Tenochtitlan) เมื่อถึงฤกษ์พิธีเหล่านักบวชจะสวดบูชาแด่เทพเจ้า ทั้งเทพแห่งพระอาทิตย์และเทพแห่งน้ำและสายฝน จากนั้นนักบวชชาวแอซเท็กจะเป็นผู้ควักหัวใจเชลยศึกเหล่านั้น ท่ามกลางชาวแอซเท็กที่มาร่วมงานหลายหมื่นคน ในบันทึกของชาวสเปนกล่าวไว้ว่า ทุกครั้งที่เชลยศึกถูกปลิดขั้วหัวใจจะมีเสียงโห่ร้องดีใจออกมาจากชาวแอซเท็ก เป็นเสียงโห่ร้องแห่งความดีใจที่ทำให้ผู้บันทึกรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่งอย่างไรก็ตาม พิธีกรรมดังกล่าวไม่ได้เป็นไปเพื่อความสะใจหรือเป็นการลงโทษพวกเชลยศึกแต่อย่างใด แต่ชาวแอซเท็กทำไปเพื่อบูชาต่อเทพเจ้า เพื่อรักษาพระอาทิตย์ดวงสุดท้าย และเพื่อขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เนื่องจากจักรวรรดิแอซเท็กทำการเพาะปลูกเป็นหลัก และเชื่อว่าหากไม่ทำพิธีบูชายัญแด่ทวยเทพ จะทำให้เกิดเหตุร้าย ปนะชากรอดอยากล้มตาย ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ ความจริงแล้วก็ไม่ต่างกับอารยธรรมอื่นที่มีพิธีกรรมในลักษณะเดียวกัน ทำให้เราเรียนรู้ได้ว่าในยุคที่ยังไม่มีการศึกษาศาสตร์แขนงต่าง ๆ ผู้คนต่างเชื่อว่าเทพเจ้าเป็นผู้กำหนดสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ จึงต้องทำพิธีบูชายัญซึ่งหลายครั้งต้องแลกมาด้วยการสังเวยชีวิตคนนับไม่ถ้วนนั่นเองรูปภาพหน้าปก โดย Agekunst : Pixabayภาพประกอบที่ 1 โดย Robtowne0 : Pixabayภาพประกอบที่ 2 โดย Jorgitoarreguin : Pixabayภาพประกอบที่ 3 โดย Darvinsantos : Pixabayภาพประกอบที่ 4 โดย Donations_are_appriciated : Pixabayวิดีโอการ์ตูนพิธีกรรมบูชาเทพเจ้าของชาวแอซเท็ก : Simple History