ความน่าสนใจ หลังแจ็คหม่าลาออกจาก SoftBank SoftBank Group บริษัทข้ามชาติที่ว่าด้วยการสื่อสารและอุตสาหกรรมคมนาคม สัญชาติญี่ปุ่น ที่วันนี้ขาดทุนหนัก คิดเป็นมูลค่าติดลบถึง 1.27 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 4 แสนล้านบาท แต่ที่น่าสนใจที่สุด..คือการตัดสินใจก้าวออกจากบอร์ดบริหาร ของมหาเศรษฐี “แจ็ค หม่า” เมื่อถามว่า SoftBank ใหญ่แค่ไหน.. ธุรกิจของ SoftBank คือให้บริการบรอดแบนด์ เทคโนโลยี การเงิน การตลาด สื่อ โทรศัพท์คู่สายและพาณิชยอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการเข้าลงทุนในหลาย ๆ บริษัท อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น 5 ปีก่อน SoftBank เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบัน “มาซาโยชิ ซง” ผู้ก่อตั้งและประธานของ SoftBank ได้รับการจัดอันดับจาก Forbes ให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดอันดับที่ 2 ของญี่ปุ่นแห่งปี 2020 ด้วยทรัพย์สินสุทธิมากถึง 2.05 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 6.54 แสนล้านบาท 7 ปีก่อน SoftBank ถือหุ้นของ “สปริ้นต์” บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายที่ใหญ่เป็นอับดับ 4 ในสหรัฐฯเป็นสัดส่วน 80% และที่น่าจับตามอง ณ ขณะนี้นั่นก็คือหุ้นใน Alibaba ของเศรษฐีหม่า ในสัดส่วน 25.1% ของทั้งหมด ผลประกอบการของ SoftBank หลายปีที่ผ่านมา.. ปี 2017 มีรายได้รวม 8,901,004 ล้านเยน กำไรสุทธิ 1,426,308 ล้านเยน ปี 2018 มีรายได้รวม 9,158,765 ล้านเยน กำไรสุทธิ 1,038,977 ล้านเยน ปี 2019 มีรายได้รวม 9,602,236 ล้านเยน กำไรสุทธิ 1,411,199 ล้านเยน (สิ้นสุดงวดบัญชี สิ้นเดือนมีนาคมของทุกปี / 1 JPY = 0.3 THB) ด้วยความที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งโลกตะวันออก เมื่อขยับแต่ละที จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่ทั้งโลกจะจับตามอง แม้ SoftBank จะเติบโตมีรายได้หลักล้านล้านเยนต่อปี แต่ทว่าผลประกอบการปีล่าสุด SoftBank ขาดทุนมากถึง 1.36 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.27 หมื่นล้านเหรียญ นับเป็นประวัติการณ์ที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ความย่ำแย่ตามมาซึ่ง การเดินออกจากตำแหน่งบอร์ดบริหารของเศรษฐีหม่า โดยรับตำแหน่งกับSoftBank มาเป็นเวลากว่า 13 ปี ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะหลายปีที่ผ่านมา Tadashi Yanai เศรษฐีที่รวยที่สุดในญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์ Uniqlo ก็ได้ก้าวออกจากบอร์ดบริหารมาก่อนหน้าแล้ว อย่างไรก็ตาม SoftBank จำต้องจัดการสภาพทางการเงินโดยเร็ว เนื่องจากหุ้นที่ติดมากับหม่าคือเงินก้อนมหาศาล เบื้องต้น SoftBank วางแผนการขายสินทรัพย์มูลค่า 4.1 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อซื้อหุ้นคืนและลดภาระหนี้ก้อนโตของบริษัท คำถามก็คือ เหตุใด SoftBank ถึงดิ่งลงอย่างรวดเร็ว.. การลงทุนคือหัวใจหลักของ SoftBank โดยพอร์ทในเครือมีจำนวน 88 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น และเป็นที่แน่นอนว่าวิกฤติโคโรนาไวรัสอาจทำให้ ยูนิคอร์นภายใต้ SoftBank ละลายหายไปประมาณ 15 ราย ที่น่าจับตามองที่สุดนั้นก็คือ Wework ยูนิคอร์นที่ว่าด้วยการทำธุรกิจเกี่ยวกับการไปเช่าที่ดิน หรือพื้นที่ในตึกสำนักงาน เพื่อพัฒนาเป็นสถานที่ทำงานอันเหมาะสม ซึ่งนักลงทุนต่างก็วิจารณ์ว่า SoftBank ตัดสินใจลงทุนผิด เพราะตั้งแต่ปีก่อนหน้า กระทั่งหลายเดือนมานี้ Wework ไม่สามารถจัดการสภาพคล่องได้เลย ในขณะที่ Didi ยูนิคอร์นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถในจีน ยังดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี และมีโอกาสเติบโตได้ดีในสถานการณ์ เช่นนี้.. 1.36 ล้านล้านเยนที่สูญเสียไป SoftBank มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนในปีหน้า ประมาณ 5 แสนล้านเยน โดยจะเป็นการดำเนินการลำดับที่สองจากที่กล่าวไปข้างต้น ความน่าสนใจหลังจากนี้ เห็นจะเป็นการซื้อเข้าและขายออกของพอร์ตที่จะเป็นใคร ก็คงเป็นอีกหนึ่งวาระใหญ่ ที่น่าให้ความสนใจ..เป็นที่สุด Credit Picture 1: Link / 2: Link / 3: Link / Cover Picture: Link ............................................................. ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire Follow Us On “Facebook” Follow Us On “Line” Copyright By Swivel อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Swivel *บทความนี้ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Swivel On Blockdit จริง