หลายคนคงผ่านหูผ่านตากันไปบ้างแล้ว สำหรับมิวสิควีดีโอเพลงใหม่ของว่าน ธนกฤต ในเพลงที่มีชื่อแสนจะแปล่งหูว่า "คอยเซ็นเตอร์" การตีความเนื้อหาเพลงคงไม่ใช่ประเด็นที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ หรือแม้แต่พาร์ทของดนตรีที่ทำออกมาเป็นแนวย้อนยุคก็ยังไม่ถูกกล่าวถึง! เพราะสิ่งที่ผมเห็นว่าน่าสนใจกว่าน่าจะเป็นเนื้อหาของ MV มากกว่า ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า.. นับจากนี้เป็นต้นไปการคิดงานย้อนยุคกลับไปในช่วง 80's 90's จะมีมากขึ้น เพราะคนคิดงานต่างก็แก่ตัวลงและมีอายุมากขึ้นตามลำดับ พวกเขาคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนำสิ่งสวยงามในยุคของตัวเองสอดแทรกลงมาในงานเมื่อมีโอกาส ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นของหายาก , เป็นของที่ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว , แล้วก็เป็นของที่แสนจะประทับใจซาบซึ้ง แต่คำถามคือ.. มันจะขายได้เหรอในยุคปัจจุบัน? สาเหตุใดที่ทีมผู้กำกับเลือกที่จะถ่ายทอดความเป็น 90's ลงใน MV ทำไมพวกเขาถึงหยิบยกของเก่าๆ แก่ๆ แบบนี้มาใช้ประกอบเพลงสำหรับวัยรุ่น เพราะหากมองในแง่ของการตลาดแล้ว สิ่งนี้จะไม่สามารถ success ได้เลยหากลุ่มป้าหมายไม่เข้าใจ! สิ่งของต่างๆ ใน MV เด็กรุ่นใหม่บางคนยังเกิดไม่ทันด้วยซ้ำ ย่อหน้าถัดไปนี้จึงควรค่าเหลื่อเกินครับที่เราจะมาวิเคราะห์กัน.. 1. เพจเจอร์ สัญลักษณ์ของความรักที่มีข้อจำกัด อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอะไรที่ใช้ยากมาก เงื่อนไขการให้บริการสุดแสนจะซับซ้อน ผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะได้ส่งข้อความแต่ละคำ โดยส่วนตัวผมว่ามันสะดวกกว่าการเขียนจดหมายแค่นิดเดียว.. แต่ทว่าถ้าวัดที่แก่นแท้ของมันแล้ว เพจเจอร์ก็ไม่ต่างอะไรจาก "Twitter" ที่คนยุคปัจจุบันใช้อยู่! คือมีการจำกัดตัวอักษรให้กระชับเหมือนกัน แล้วก็เน้นการส่งออกไปโดยไม่แคร์การตอบกลับ ด้วย Concept ที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้ทำให้เราได้เห็นถึงการเชื่อมต่อกันนิดๆ ระหว่างของยุคเก่ากับของยุคใหม่ 2. Call Center พนักงานรับโทรศัพท์ สมัยก่อนมีใครหลายคนมองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทรมาน ต้องนั่งอยู่กับที่ที่เป็นคอกกั้น ทำตัวเหมือนกระโถนที่คอยรับทุกสิ่งอย่างจากผู้คนที่ถาโถมเข้ามา วันๆได้แต่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์คอยพิมพ์ข้อความหวานๆชวนอ้วก กับข้อความงอนง้อของพวกหนุ่มสาวเป็นว่าเล่น ไหนจะบทกลอนสุดเชยที่แสนจะไร้สัมผัสอีก.. คิดว่าพวกเขามีความสุขกันไหม? บางคนถึงกับบอกว่าดีซะอีกที่ปัจจุบันไม่มีอาชีพนี้หลงเหลือ.. ซึ่งไม่ใช่เลย! ตอบผมทีว่ารายการพี่อ้อยพี่ฉอดคืออะไร? แล้วทำไมรายการ "อย่าหาว่าน้าสอน" ของน้าเน็ก ถึงมีคนโทรเข้าไปคุยมากมายจนแกกลายเป็นคนดังบนโลกอินเตอร์เน็ตได้อีกหน.. จะเห็นว่าจะยุคไหนๆ คนก็ล้วนแต่ต้องการการระบายอยู่ตลอด ในยามอ่อนแอมนุษย์ล้วนต้องการใครสักคนมารับฟัง แม้สุดท้ายจะเป็นการฟังอย่างตั้งใจแบบพี่อ้อยพี่ฉอด หรือเป็นการฟังแบบผ่านๆแบบพนักงาน Call Center คนก็ยังเป็นคน! มันมีความคล้ายคลึงกันของคนแต่ละยุคอยู่! เรายังมีจุดเชื่อมต่อกันให้เห็น 3. การพบเจอกันแบบเผชิญหน้า จะกี่ปี พ.ศ.คนเราก็ไม่ยอมพูดสิ่งที่อยู่ในใจกันตรงๆ มีคนเคยบอกผมว่าสมัยนี้การจีบกันในแอปไลน์มันง่ายกว่า มันมีเวลาให้คิดให้ประดิษฐ์ประดอยคำพูด แล้วสิ่งที่เห็นใน MV ก็ได้สะท้อนสิ่งนี้ออกมาอย่างชัดเจน ในฉากซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ในยุคเก่า จะเห็นว่าพระเอกอ้วนของเราไม่ยอมพูดในสิ่งที่คิดในใจออกไป แม้จะมีคนที่แอบรักอยู่ตรงหน้าเขาก็ยังเลือกที่จะนิ่งและปิดบังตัวตนเอาไว้ เขาเก่งแค่กับโทรศัพท์ , เขาเก่งแค่ในโลกหลังเพจเจอร์.. ต่างอะไรกับคนในยุคปัจจุบัน นักเลงคีย์บอร์ดเอย , นักรบไซเบอร์เอย , ไฮโซจอมปลอมเอย , ฯลฯ ล้วนแต่มีการแอบอ้างสร้างตัวตนปลอมๆขึ้นมากันทั้งนั้น ไม่ค่อยมีใครใช้รูปจริงเสียงจริง ขนาดรูปโปรไฟล์ยปลอมกันให้พรึบ! คนยุคเก่าก็เลยเหมือนคนยุคใหม่ ปิดบังตัวตนกันเก่งเหลือเชื่อ สรุปทุกอย่างที่กล่าวมา ผมจึงมองว่า MV เพลง "คอยเซ็นเตอร์" ไม่ใช่ของตกยุคที่ขายไม่ได้ หากแต่เป็นการใช้แง่มุมอันชาญฉลาดของทีมผู้สร้าง ผ่านการนำโลกปัจจุบันมาแต่งตัวใหม่ ใส่ชุดวินเทจคลุมทับลงไป โดยที่ไส้ในก็ยังเป็นคนแบบเดิมๆ คนโง่คนแรกบนโลกคือคนที่มีความรัก! รูปแบบความรักแทบจะไม่พัฒนาเลย จะกี่ยุคกี่สมัย? พ่อแม่เคยจีบกันยังไง? เราก็ยังจีบแฟนเราแบบนั้น! แม้ Detail จะแตกต่างกันไปบ้าง แต่โปรดจงรู้ไว้อย่างว่าความรักของมนุษย์นั้นไม่เคยเปลี่ยนไป มันยังคงบริสุทธิ์ และ Update ใหม่อยู่ตลอดเวลา.. "รักก็คือรัก... " "ไม่เคยเป็น ฮัก , Luck , หรือ Fuck ใดๆทั้งสิ้น" ขอบคุณรูปภาพประกอบ : รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 รูปที่ 4 รูปที่ 5Fanpage IG Twitter วันลาเหลือใช่ไหมหรืออยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !