สวัสดีค่ะน้อง ๆ ทุกคน เมื่อบทความที่แล้วน้อง ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับชนิดของคำ ได้แก่ คำนาม และคำสรรพนาม สำหรับนักเรียนชั้น ป.๔ ไปแล้ว วันนี้พี่ Noonmednai มีชนิดของคำอีก ๒ ชนิดมาฝาก ซึ่งก็คือคำกริยาและคำวิเศษณ์นั่นเองค่ะคำกริยา คำกริยา (อ่านว่า กริ - ยา หรือ กะ - ริ - ยา) คือ คำที่ใช้บอกอาการ หรือบอกสภาพของคน สัตว์ พืช และสิ่งของ คำกริยามีทั้งหมด ๕ ชนิด ได้แก่ อกรรมกริยา สกรรมกริยา วิกตรรถกริยา กริยานุเคราะห์ และกริยาสภาวมาลา โดยในระดับชั้น ป.๔ น้อง ๆ จะได้ศึกษา ๒ ชนิดก่อน นั่นคือ "อกรรมกริยา และสกรรมกริยา" ค่ะ ๑. อกรรมกริยา คือ คำกริยาที่ไม่มีกรรมมารองรับ มีความหมายสมบูรณ์ในตัว มีใจความชัดเจน เช่น เดิน ไหล ตก นั่ง หัวเราะ ร้องไห้ หล่น วิ่ง ว่ายน้ำ ขัน ตาย ยืน หกล้ม หลับ นอน ฯลฯ น้อง ๆ ลองสังเกตประโยคในภาพข้างต้น จะเห็นได้ว่าแม้ไม่มีคำอื่น ๆ ต่อท้าย หรือไม่มีกรรมของประโยค เราก็ยังเข้าใจความหมายของประโยคนั้นได้อย่างสมบูรณ์ และแม้ว่าประโยคเหล่านั้นจะมีคำอื่น ๆ ต่อท้าย เช่น ฝนตกหนักมาก, เขาหัวเราะเสียงดัง, ควายเดินอย่างเชื่องช้า คำที่มาต่อท้ายนั้นก็มักจะเป็นคำที่ทำหน้าที่มาขยายใจความ แต่ไม่ใช่กรรมของประโยค และเมื่อตัดออกไปจากประโยค ก็ไม่ได้ทำให้ใจความของประโยคนั้นเสียแต่อย่างใด ๒. สกรรมกริยา คือ คำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับจึงจะมีความหมายสมบูรณ์ และมีใจความชัดเจน เช่น เตะ กิน หั่น อ่าน เรียน ถู ตี ขัด กราบ ยิง สอน ให้ ตบ ยก ถือ โยน ผลัก หิ้ว ขาย ฯลฯ น้อง ๆ ลองสังเกตประโยคในภาพข้างต้น จะเห็นได้ว่าแต่ละประโยคจะต้องมีคำอื่น ๆ มาต่อท้ายคำกริยาซึ่งก็คือคำที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยคนั่นเองค่ะ และถ้าเราตัดคำเหล่านั้นออกไปจากประโยค เช่น ฉันเตะ..., แม่หั่น... ,ฟ้าใสอ่าน... ประโยคนั้นก็จะมีใจความที่ไม่สมบูรณ์ อ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจนั่นเองค่ะคำวิเศษณ์ คำวิเศษณ์ คือ คำที่ใช้ขยายคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา หรือแม้แต่คำวิเศษณ์ด้วยกัน เพื่อให้ได้ใจความที่ชัดเจนยิ่งขึ้น คำวิเศษณ์เป็นชนิดของคำที่มีความยากเรื่องหนึ่งซึ่งมีทั้งหมด ๑๐ ชนิดด้วยกัน แต่สำหรับน้อง ๆ ในระดับชั้น ป.๔ ควรรู้จักและเข้าใจคำวิเศษณ์ที่ทำหน้าที่ขยายคำนามและคำกริยาเสียก่อน เช่น ใหม่ สกปรก สีแดง ผอม เร็ว เช้า บ่าย จุ มาก น้อย กว้าง แคบ กลม หนาว ร้อน แก่ หอม เหม็น เปรี้ยว หวาน ใกล้ ไกล ฯลฯ น้อง ๆ ลองสังเกตคำสีชมพูในประโยคต่อไปนี้ดูนะคะ คำวิเศษณ์สีชมพูที่อยู่ในประโยคข้างต้น ทำหน้าที่ขยายคำนามให้มีใจความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น แม่ใส่เสื้อใหม่ คำว่า "ใหม่" ทำหน้าที่ขยายคำว่า "เสื้อ" บ่งบอกให้รู้ว่าเสื้อตัวนั้นเป็นเสื้อที่แม่เพิ่งซื้อมาหรือเป็นเสื้อที่ยังมีสภาพใหม่ ดูดีอยู่นั่นเอง "น้อง ๆ จำไว้เลยนะคะ คำวิเศษณ์ที่ขยายคำนาม จะอยู่หลังคำนามที่ขยายเสมอค่ะ" คำวิเศษณ์สีส้มที่อยู่ในประโยคด้านบน ทำหน้าที่ขยายคำกริยาให้มีใจความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ฉันวิ่งเร็ว คำว่า "เร็ว" ทำหน้าที่ขยายคำว่า "วิ่ง" บ่งบอกให้รู้ว่าการวิ่งของเธอนั้นเป็นการวิ่งที่รวดเร็ว แต่คำวิเศษณ์ที่ขยายคำกริยานั้นไม่จำเป็นต้องอยู่หลังคำกริยานั้นเสมอไป เช่น พ่อตีฉันอย่างแรง คำว่า "อย่างแรง" ทำหน้าที่ขยายคำว่า "ตี" ซึ่งเป็นกริยาของประโยค สาเหตุที่คำวิเศษณ์ในประโยคนี้ไม่ได้อยู่หลังคำกริยาที่มันขยาย เพราะว่าประโยคนี้เป็นประโยคที่มีกรรมซึ่งก็คือ "ฉัน" นั่นเองค่ะ ประโยคที่ไม่มีกรรมและมีคำวิเศษณ์ขยายคำกริยา เช่น เธอตื่นเช้า แม่ร้องไห้หนักมาก น้องตดเหม็นมาก ประโยคที่มีกรรมและมีคำวิเศษณ์ขยายคำกริยา เช่น พ่อกินข้าวจนหมด แมนเตะบอลเก่งมาก ป้าเย็บผ้าเสร็จแล้ว เป็นอย่างไรบ้างคะน้อง ๆ ยากไหมเอ่ย พยายามอ่านทบทวนและทำความเข้าใจบ่อย ๆ เดี๋ยวน้อง ๆ ก็จะเข้าใจ และสามารถใช้เป็นความรู้พื้นฐานเพื่อต่อยอดความรู้ในระดับชั้นที่สูงกว่านี้ไปเรื่อย ๆ นะคะ สวัสดีค่ะ ขอบคุณภาพ ภาพหน้าปก ออกแบบโดยผู้เขียน ขอบคุณภาพของ maciej326 จาก pixabay ภาพประกอบที่ ๑ ออกแบบโดยผู้เขียน ขอบคุณภาพของ Kidaha จาก pixabay ภาพประกอบที่ ๒ ออกแบบโดยผู้เขียน ขอบคุณภาพของ Kidaha จาก pixabay ภาพประกอบที่ ๓ ออกแบบโดยผู้เขียน ขอบคุณภาพของ Kidaha จาก pixabay ภาพประกอบที่ ๔ ออกแบบโดยผู้เขียน ขอบคุณภาพของ Kidaha จาก pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !