ในสภาวะที่วิกฤติการณ์โควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายลง หลายคนเริ่มทยอยกลับมาทำงานในสถานที่ทำงานกันอีกครั้งหลังจากต้อง Work from home กันมาพักใหญ่ โดยระหว่างนี้ได้เกิดกระแสการเผยแพร่ New normal หรือ “วิถีชีวิตใหม่” ออกมาให้เห็นมากมายจากหลายสำนัก ซึ่งจากการศึกษาค้นคว้าของผู้เขียนพบว่าแม้ในเรื่องเดียวกันแต่มีบางสำนักพูดตรงกัน และบางสำนักมีมุมมองที่แตกต่างออกไป ผู้เขียนขอยกตัวอย่างทัศนะที่น่าสนใจจากบทความเรื่อง 5 คำถามและ 4 โจทย์ว่าด้วยการสนทนาเรื่อง “ความปกติใหม่” ใน “โลกหลังโควิด” ซึ่งเขียนโดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ โดยท่านได้ให้ทัศนะว่า เราต้องระมัดระวังเรื่อง New normal เนื่องจากหลายกระแสมีลักษณะด่วนสรุปเกินไป และอาจจะทำให้ข้อเสนอแนะต่อนโยบายของภาครัฐ แนวทางปฏิบัติของภาคธุรกิจ และคำแนะนำสำหรับประชาชนที่จะเกิดขึ้นตามมาไม่มีความเหมาะสม หรือแม้กระทั่งการก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ ดร.สมเกียรติ ได้อ้างอิงบทความของ ดร.สันติธาร เสถียรไทย ซึ่งพูดถึง “ความผิดปกติในปัจจุบัน” (Current abnormal) เช่น การเกิดกฎเกณฑ์เรื่อง Social distancing ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอาจทำให้เราเข้าใจผิดได้ว่า พฤติกรรมของมนุษย์เราในช่วงที่เกิดความผิดปกติปัจจุบันดังกล่าวนี้จะดำรงต่อเนื่องไปเป็นวิถีชีวิตปกติ ทั้ง ๆ ที่ประวัติศาสตร์ของการเกิดโรคระบาดใหญ่ในอดีตชี้ว่า พฤติกรรมส่วนใหญ่ในช่วงผิดปกติหลายเรื่องจะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติแล้วโดยดร.สันติธารพบว่าจากรายงานการศึกษาเรื่องการระบาดของไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกในช่วงปี 1918-1919 หรือ 100 กว่าปีที่แล้วซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกหลายสิบล้านคน ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเมืองต่างๆ เช่น ชิคาโก นิวยอร์ก และฟิลาเดลเฟียตามที่มีกระแสพยากรณ์ในสมัยนั้นแต่อย่างใด ผู้อ่านท่านใดสนใจอยากอ่านรายละเอียดในบทความของดร.สมเกียรติ สามารถเข้าไปดูได้ใน ซึ่งท่านได้วิเคราะห์ไว้อย่างมีเหตุมีผลและให้แนวคิดต่าง ๆ ที่น่าสนใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะแนวคิดของดร.สมเกียรติที่เสนอให้ประเทศไทยควรค้นหา New normal ที่เหมาะสมสอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งดร.สมเกียรติเห็นว่าไทยไม่ควรทำตามกระแสโดยปราศจากการศึกษาพินิจพิเคราะห์ข้อมูลรอบด้านและไม่คำนึงถึงต้นทุนตลอดจนบริบทของประเทศ เมื่อได้อ่านแนวคิดเรื่องนี้ของดร.สมเกียรติแล้วทำให้ผู้เขียนเกิด “ปิ๊งไอเดีย” ขึ้นมาทันทีว่า ชีวิตของคนทำงานในองค์กรก็เช่นเดียวกัน ขณะนี้พวกเขาก็กำลังเผชิญกับกระแส New normal มากมายและอาจจะเกิดความสับสนด้วยว่าเขาควรจะทำงานกันอย่างไรหรือจะมี New normal อย่างไรหลังการระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งนี้ จากการที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์การทำงานมายาวนานในองค์กรหลายแห่งรวมทั้งเคยมีประสบการณ์เผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง ผู้เขียนเห็นว่าเราสามารถนำแนวคิดของ ดร.สมเกียรติมาประยุกต์ลดรูปเสนอเป็นแนวทางค้นหา New normal ให้เหมาะสมกับชีวิตคนทำงานได้ โดยเราต้องตีโจทย์ 4 ข้อดังต่อไปนี้ให้แตก โจทย์ข้อที่ 1 องค์กรของคุณมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังการระบาดของโควิด 19คุณต้องค้นหาและรับรู้การเปลี่ยนแปลงขององค์กรว่าจะไปในทิศทางใด เพราะข้อมูลข่าวสารเหล่านี้คือภาพใหญ่เสมือนร่ม (Umbrella scenario) ที่ครอบคุณอยู่เพื่ออาศัยประกอบอาชีพทำมาหากิน และจะเป็นสารตั้งต้นเพื่อให้คุณมองเห็นขอบเขตการค้นหา New normal ในการทำงานของคุณซึ่งต้องสอดคล้องและไม่หลุดออกไปจากทิศทางการเปลี่ยนแปลงขององค์กรซึ่งคุณทำงานอยู่ โจทย์ข้อที่ 2 หน่วยงานที่คุณสังกัดอยู่ได้รับ “ผลกระทบ” จากการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหลังการระบาดของโควิด 19โจทย์ข้อนี้เป็นการหาคำตอบในภาพที่เล็กลงมาใกล้ตัวคุณมากขึ้นและที่สำคัญคือเล็งไปที่ “ผลกระทบ” โดยเฉพาะผลกระทบด้านลบที่มีต่อหน่วยงานที่คุณสังกัดหรือทีมงานของคุณ เพื่อคุณจะได้มีข้อมูลในการนำไปค้นหา New normal ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันไม่ให้ผลกระทบด้านลบเหล่านั้นเกิดขึ้นมาอีก ส่วนผลกระทบด้านบวกนั้นให้คุณนำไปต่อยอดขยายผลในการค้นหา New normal ของคุณต่อไปโจทย์ข้อที่ 3 อะไรคือ “รูปแบบและวิธีการทำงานอันพึงประสงค์” ของคุณหลังการระบาดของโควิด 19เป็นการนำคำตอบและข้อมูลต่างๆ ซึ่งคุณได้จากการตีโจทย์ข้อที่ 1 และข้อที่ 2 มาใช้ในการจินตนาการรูปแบบและวิธีการทำงานซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงขององค์กรโดยสามารถแก้ไขและป้องกันผลกระทบด้านลบรวมทั้งต่อยอดผลกระทบด้านบวกซึ่งเคยเกิดขึ้นกับหน่วยงานหรือทีมงานของคุณ โดยดร.สมเกียรติเรียกขั้นตอนนี้ว่าการค้นหา “อนาคตอันพึงประสงค์” หรือ New normal ที่ควรจะเป็นและเหมาะสมกับตัวเรา โจทย์ข้อที่ 4 คุณควรทำอย่างไรเพื่อ “สร้างรูปแบบและวิธีการทำงานอันพึงประสงค์” ของคุณให้เกิดขึ้นหลังการระบาดของโควิด 19โจทย์ข้อนี้เป็นการค้นหา “How to” หรือ “วิธีการ” เพื่อสร้าง New normal ซึ่งเหมาะสมกับตัวคุณ “ให้เกิดขึ้นเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม” ซึ่งคุณต้องคำนึงถึงต้นทุนทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน เช่น ระยะเวลา ประสบการณ์ ทักษะความชำนาญ ระดับศักยภาพของตัวคุณและสมาชิกในทีมของคุณ เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาถึงบริบทขององค์กรและหน่วยงานที่คุณสังกัดด้วยสำหรับการค้นหาคำตอบของโจทย์ข้อ 3 และข้อ 4 นี้ให้ใช้ “การระดมสมอง” จากสมาชิกทุกคนในหน่วยงานของคุณเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของการแสดงความคิดเห็นอันจะนำไปสู่ “พลังในการเปลี่ยนผ่าน” (Synergy of transformation) ให้เกิด “การสร้างรูปแบบและวิธีการทำงานอันพึงประสงค์” หรือ New normal ในการทำงานซึ่งเหมาะสมกับคุณและสมาชิกในทีมของคุณ หากท่านผู้อ่านคิดว่าแนวคิดนี้มีประโยชน์ก็ช่วยแชร์ส่งต่อเป็นวิทยาทานให้ท่านผู้อื่นกันด้วยครับ เพราะพวกเราอาจจะต้องอยู่กับ “โลกหลังโควิด 19” นี้กันไปอีกนานทีเดียวครับภาพปก จาก https://www.youtheastsideservices.orgภาพประกอบที่ 1 จาก https://pixabay.comภาพประกอบที่ 2 จาก https://pixabay.comภาพประกอบที่ 3 จาก https://pixabay.com