คุณสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยู่ในตัวคุณ คนที่คุณถูกสร้างมาให้เป็น สำหรับเรามันกลายเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากเพื่อจะหาว่ามันคืออะไรกันแน่ คุณรู้ใช่ไหม เราใช้เวลาไปพักใหญ่เลยในชีวิตกับการถูกทดสอบ ถูกวิเคราะห์ และวินิจฉัย ไม่ว่ามันจะเป็นการวิจารณ์ผลงานในที่ทำงาน การทดสอบบุคลิกภาพ ทดสอบสุขภาพหรืออีกหลาย ๆ บททดสอบที่ออกแบบมาเพื่อหาว่าคุณเป็นใคร หลาย ๆ ครั้งสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ก็ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดเผยจุดแข็ง และจุดอ่อนของคุณ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณจะได้รับการบอกว่าต้องทำในช่วงท้ายของแต่ละบททดสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงาน? ก็คือการปรับปรุงจุดด้อยของคุณ ใช่ไหม? ตอนนี้เราจะบอกคุณว่า มันเป็นเรื่องที่เสียเวลามาก! มันยากพออยู่แล้วที่จะหาว่าอะไรคือสิ่งที่คุณเก่งแล้วทำไมคุณถึงจะเอาเวลาไปพยายามแก้ไขบางอย่างที่คุณ เพื่อให้คุณทำในสิ่งที่คุณ ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำมันด้วยล่ะ? เวลาที่เราพูดถึงเรื่องจุดอ่อน เราไม่ได้หมายถึงนิสัยที่แย่ ๆ หรือการขาดความสามารถ พวกเราก็มีกันทั้งนั้นแหละและเราก็สามารถปรับปรุงมันได้ด้วย เรากำลังพูดถึงจุดแข็งและจุดอ่อนโดยธรรมชาติ ผลลัพธ์ก็คือการทำงานของพฤติกรรม พฤติกรรมคือการทำงานของความเชื่อและทัศนคติ และทั้งหมดนั่นก็เป็นการทำงานของการหล่อหลอมและความสามารถของคุณ เช่น ทุก ๆ คนต่างก็ต้องการผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าการเป็นคนรวยคือผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม และความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร มีหลาย ๆ คนบอกว่าคุณต้องมีความปรารถนา และนั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด คุณสามารถมีปรารถนาอย่างเต็มที่ที่จะเป็นคนที่คุณไม่ได้เป็น และพวกเราก็ต่างรู้ว่าคุณจะจบลงที่อะไร ไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเกรี้ยวกราด คุณสามารถมีความปรารถนาอย่างเต็มที่ที่จะเป็นคนรวยและทำงานอย่างหนักเพื่อมัน แต่คุณก็ยังคงมีการทำงานของการสภาวะการเรียนรู้ที่ไม่ดี หรือการทำงานของเสียงในหัวที่ป่วย ที่บอกแบบนี้ เช่น “เงินไม่ได้งอกบนต้นไม้” “เงินเป็นรากของความชั่วร้ายทั้งหมด” “ถ้าคุณต้องการให้มันถูกต้อง คุณต้องทำยังไง” “คุณไม่สามารถไว้ใจคนอื่นได้หรอก” คุณสามารถมีความปรารถนาอะไรก็ได้ในโลกนี้ แต่คุณก็จะจบลงที่ความหงุดหงิด มันเหมือนกับการเอาไม้หน้าสามมาตีแสกหน้าคุณครั้งแล้วครั้งเล่า คุณสงสัยว่าทำไมคุณถึงต้องทำงานหนักมากขนาดนี้ เพื่อที่จะเป็นคนดี ทำในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ มันเป็นเพราะว่าคุณกำลังใช้โปรแกรมที่ไม่เหมาะสมเพื่อให้คุณได้สิ่งที่คุณต้องการ คุณกำลังทำงานจากการสภาวะการเรียนรู้แบบเก่า ที่มาจากสิ่งที่คุณเคยได้ยินมาหรือสิ่งที่คุณเคยได้มีประสบการณ์มาเมื่อครั้งอดีต มันอาจจะเป็นอะไรที่คุณเรียนมาเมื่อห้าปีที่แล้วซึ่งไม่เป็นความจริงแล้วในปัจจุบัน ทุกสิ่งในชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเปลี่ยนโปรแกรมเสียงในหัวของคุณอย่างต่อเนื่อง คุณต้องจัดการเสียงในหัวคุณตลอดเวลา เพราะถ้าคุณไม่จัดการมัน ไม่ช้าก็เร็วคุณก็จะพบว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่กับชุดความคิดแบบโบราณ ยิ่งคุณเป็นตัวของตัวเองมากเท่าไหร่ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณก็จะยิ่งเปลี่ยนไปมากเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่คุณจะค้นพบในที่สุดของกระบวนการก็คือ คนต่าง ๆ ที่คุณคิดว่าเป็นเพื่อนของคุณและเป็นผู้สนับสนุนของคุณ อาจจะไม่ใช่เพื่อนของคุณอีกต่อไป คุณอาจจะค้นพบว่า ในขณะที่คุณกำลังค้นหาทางที่ดีกว่าในการเป็นตัวของคุณเอง พวกเขาต่างตื่นกลัวเพราะคุณดูเหมือนจะเป็นคนที่ดีขึ้น ซึ่งในทางกลับกัน เป็นการท้าทายมาตรฐานพวกเขาและที่ ๆ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในตอนนี้ เป็นที่ ๆ พวกเขาสะดวกสบาย คุณรู้ไหมว่า อะไรเป็นสิ่งที่กวนใจเขามากที่สุด? ยิ่งคุณเป็นตัวเนื้อแท้ มีความมั่นใจ ทำในสิ่งที่เป็นตัวเองมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น เป็นอิสระมากขึ้น เบาสบายมากขึ้น และจะพลังงานสูงมากขึ้นเท่านั้น คนที่มีพลังงานต่ำ และขมขื่นกับชีวิต จะไม่พอใจกับคนที่รู้สึกดีกับตัวเอง บางคนจะทำทุกวิถีทางเพื่ที่จะดึงคุณลงมา พวกเขาจะพูดทำนองว่า “เธอไม่ทำแบบนั้น มันไม่ดีสำหรับเธอ เธอไม่เคยทำมันมาก่อน แล้วจะมาทำเอาอะไรตอนนี้ เดี๋ยวก็หน้าแตกหรอก ฉันไม่คิดว่ามันดีสำหรับเธอนะ แล้วเพื่อน ๆ จะมองเธอยังไง? อะไรทำให้เธอพิเศษขนาดนี้นะ? ตอนนี้เธอดีเกินไปสำหรับพวกเราแล้วใช่ไหม? ในขณะที่คุณพยายามตีตัวออกจากข้อจำกัดในอดีตของคุณ จะมีสองสิ่งที่เกิดขึ้น คุณอาจจะเห็นด้วยกับเพื่อนของคุณ และล้มเลิกภารกิจสำหรับอิสรภาพและการเปลี่ยนแปลงหรือ คุณจะได้เจอเพื่อนใหม่ที่สนับสนุนคุณตัวตนที่แท้จริงของคุณ นขณะที่คุณเดินไปยังหนทางแห่งความสำเร็จ “เราไม่รู้ว่าอะไรกุญแจแห่งความสำเร็จหรอก แต่เรารู้ว่ากุญแจสู่ความล้มเหลวคือการพยายามที่จะเอาใจคนทุกคน” คุณไม่สามารถเอาใจคนทุกคนได้ แต่คุณต้องเอาใจจิตวิญญาณของคุณ ตัวตนของคุณที่เป็นเนื้อแท้จริง ๆ แต่การที่จะพูดว่ามันง่ายมาก สามารถที่จะทำตามขั้นตอน หนึ่ง สอง สาม ได้นั้น มันก็ดูน่าจะโกหกไปหน่อย นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของชีวิตที่ยาวนานของคุณ เราเองก็ยังคงต้องทำงานกับตัวเองอยู่ แต่เรารู้ว่า ถ้าเราสืบค้นมันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นคำแนะนำที่อาจจะช่วยได้ ลองคิดถึงชีวิตของคุณเองดูสิ คุณทำอะไรบ้างในช่วงห้าปีถึงสิบห้าปีมานี้? คุณได้ทำการฝึกหรือเตรียมพร้อม อะไรบ้างให้ตัวเอง? ถ้าวันนี้เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตคุณล่ะ “การตัดสินใจอย่างแบบมีสติที่จะเปลี่ยนจากระดับที่ดีไปสู่ระดับที่ดีเยี่ยม” อนาคตสิบห้าปีของคุณต่อจากนี้หน้าตาเป็นอย่างไร? เรื่องราวของการเปลี่ยนจากระดับที่ดีไปสู่ระดับที่ดีเยี่ยมของคุณนั้นจะเป็นอย่างไร? ถ้าคุณดูตามประวัติของคุณ คุณก็จะพบว่าคุณได้เรียนรู้และเติบโตมาโดยตลอด คุณได้ชัยชนะและมีช่วงเวลาที่แสนจะวิเศษ รวมไปถึงช่วงแย่ ๆ ด้วย แต่หลังจากที่ผ่านมันมาแล้ว ตอนนี้คุณก็ยังยืนอยู่ได้ และในบางครั้ง คุณก็ได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิมด้วยไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นแบบที่คุณจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม คุณจงรู้ว่าคุณได้ถูกเตรียมพร้อมมาเพื่อเป็นคนที่ยิ่งหใหญ่ หลาย ๆ คนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพอนาคต คนส่วนใหญ่มักจะเห็นแค่ สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ในวันนี้ พวกเขาถูกบังคับให้เข้าสู่สภาวะของการเอาตัวรอด พวกเขาบังคับตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่ตัดสินใจแต่เรื่องเฉพาะหน้า พวกเขาตัดสินใจเรื่องการเงินโดยคำนึงถึงแค่เรื่องวันนี้เท่านั้น พวกเขาจัดการกับประเด็นที่พวกเขามีอยู่แค่ตอนนี้ “คนส่วนใหญ่วางแผนรายวันมากเกินไป และวางแผนรายปีน้อยเกินไป” และถ้าเขาวางแผนรายปีน้อยเกินไป พวกเขาก็จะวางแผนชีวิตน้อยเกินไป แต่ถ้าคุณได้มีโอกาสนั่งคุยกับพี่เลี้ยง ที่ปรึกษา ผู้ให้คำแนะนำหรือเพื่อน คนที่รู้จักคุณดีและสามารถบอกความจริงที่เลวร้ายของคุณได้ คน ๆ นั้นจะพูดเกี่ยวกับตัวคุณว่าอย่างไร? ถ้าพวกคุณทั้งสองคนมองกลับไปเมื่อสิบห้าปี สามสิบปี หรือมากกว่านั้น และเขียนรายการประสบการณ์ของคุณ อาชีพของคุณ ความเสี่ยงของคุณ และงานอดิเรกของคุณ ช่วงสูงสุดของชีวิตของคุณอยู่ที่ไหน? อะไรคือสิ่งที่คุณทำได้ดี? เมื่อไหร่ที่คุณกำลังอยู่ในโซนของคุณ เราไม่ได้หมายถึงการทำเงินเพียงอย่างเดียว ช่วงเวลาไหนที่คุณอยู่ในจุดสูงสุด? ขอบคุณภาพปกจาก unsplash.comขอบคุณภาพประกอบเนื้อหา ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3