โรคทางจิตเวชมักมีอะไรที่พิศวงกว่าที่เราคิด ในขณะเดียวกัน ความเชื่อและความเข้าใจเกี่ยวกับโรคทางจิตเวชยังสวนทางกันนัก จึงทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีตามมา บทความนี้จะยกตัวอย่างโรคทางจิตเวชโรคหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า "Hysteria" ซึ่งเป็นโรคที่ใคร ๆ เข้าใจผิดว่า คนที่ป่วยเป็นโรคนี้จะต้องลงเอยที่การมีเพศสัมพันธ์ บ้าเพศตรงข้าม หรือกระหายผู้ชายจนขาดไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่อยู่เพียงเท่านั้น จึงอยากให้มองโรคนี้ด้วยความเข้าใจและไม่อคติกับผู้ที่ป่วยด้วยโรคฮิสทีเรีย Credit pic : https://pixabay.com/photos/self-love-man-mirror-archetypes-65693/ ประเภทของฮิสทีเรีย ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฮิสทีเรีย คือโรคที่เกิดจากบุคลิกภาพผิดปกติ เกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง ซึ่งฮิสทีเรียมี 2 ประเภทคือ โรคประสาทแบบฮิสทีเรีย กับบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย 1. Conversion Reaction (โรคประสาทแบบฮิสทีเรีย) ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกลุ่มนี้จะมีความเครียด วิตกกังวล หรือมีความขัดแย้งภายในจิตใจรุนแรง ส่งผลให้เกิดปัญหาการตอบสนองทางกิริยาของร่างกาย (Reaction) แบบไม่มีสาเหตุ เช่น มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหวรับรู้ เป็นอัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง พูดไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียง มองไม่เห็น กล้ามเนื้อกระตุก อาจจะมีอาการชักตามมาเมื่อมีความกดดันต่อจิตใจอย่างหนัก ส่วนใหญ่อาการเหล่านั้นมักเกิดจากตัวผู้ป่วยเอง ซึ่งไม่สามารถหาสาเหตุทางกายภาพได้เลยว่าเพราะอะไร 2. Histrionic Personality Disorder (บุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย) ในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่พบมากที่สุด ในกลุ่มโรคทางฮิสทีเรียทั้งสองกลุ่ม ผู้ป่วยจะเข้ากับสังคมได้ตามปกติ เรียกว่าเข้าเก่งก็ว่าได้ อาการที่เห็นหรือสัมผัสกับตัว มักจะทำตัวเด่น ประหนึ่งว่าทุกคนต้องสนใจฉันเท่านั้น หรือเขาต้องมองฉันคนเดียว เรียกร้องความสนใจไม่ว่าด้วยอะไรก็ตาม พอไม่มีซีนเด่นของตนเอง ก็จะรู้สึกอึดอัด ทนไม่ได้เมื่อถูกเมินเฉยหรือลดความสำคัญ อาจจะเพ้อนั่นนี่ในโซเชียลเข้ามาด้วย แต่ในทางไม่ดีเลยก็คือ คนที่ป่วยในกลุ่มนี้จะใช้สิ่งที่ตนเองเป็นบงการชีวิตผู้อื่นตามความต้องการของตนเองเพื่อให้สนใจ สาเหตุ ในโรคประสาทแบบฮิสทีเรียไม่มีสาเหตุเกิดแน่ชัด วินิจฉัยยาก แต่บุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียสังเกตง่ายกว่า สามารถประเมินสาเหตุได้ดังนี้ 1. ปัจจัยการเลี้ยงดู ข้อนี้เป็นปัจจัยหลักก็ว่าได้ การที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง เหมาะสม หรือใส่ใจเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเลี้ยงด้วยตามใจหรือเลี้ยงแบบเผด็จการ มีโอกาสเกิดบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรียได้ 2. พันธุกรรม ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นผู้ป่วยแบบบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย อาจเสี่ยงภาวะนี้มากกว่าคนปกติ 3. พฤติกรรมเลียนแบบ การได้รับการเรียนรู้แบบผิด ๆ อาจจะปลูกฝังมาแบบนี้โดยไม่รู้ตัว เช่น เลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดีของคนบางคน แต่กลับมองว่าที่เขาทำแบบนั้นเพราะมันเป็นเรื่องที่ดี เลยทำตาม 4. ปัจจัยบุคคล การจัดการอารมณ์ของแต่ละคน การได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี เช่น ขาดความรัก ต้องการคนคอยเติมเต็ม กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวถูกเย็นชาจากสายตาคนที่รัก อาจหล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรมผิดปกติแบบฮิสทีเรียได้ง่ายกว่าคนปกติ อีกอย่างคือบางคนอาจมีประวัติด่างพร้อย ไม่สมบูรณ์จึงทำให้เป็นคนขี้อิจฉาคนอื่น Credit pic : https://pixabay.com/photos/horror-creepy-weird-halloween-fear-4217529/ วิธีสังเกตอาการของคนเป็นฮิสทีเรีย ในกลุ่มที่เป็นโรคประสาทแบบฮิสทีเรียจะวินิจฉัยยากกว่า แต่จะให้ทางจิตแพทย์วินิจฉัยเพื่อดูอาการของคนไข้แต่ละคนว่าเป็นเพราะอะไร เกิดอะไรขึ้น ส่วนโรคบุคลิกภาพเป็นฮิสทีเรียจะสังเกตพฤติกรรมง่ายกว่า ซึ่งมีวิธีสังเกตคนที่มีบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรียได้ดังนี้ 1. ฉันคือคนที่ใคร ๆ ต้องให้ความสำคัญ ต้องการเป็นจุดสนใจ แต่ในขณะเดียวกันจะรู้สึกอึดอัด ทนไม่ได้ที่ไม่ได้รับความสนใจ ไม่นึกถึงความรู้สึกของผู้อื่นและคนรอบข้างเลย 2. มีอารมณ์แปรปรวน ไม่คงที่ ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองเลย และแสดงอาการทันทีทันใดแม้แต่เรื่องเล็กน้อย เช่น พอมีคนที่อยากคุยเขาโทรผิดแบบมือลั่นไปเอง จะโทรถามไปมา โทรถามจี้อีกฝ่ายประหนึ่งกลัวไปเองว่าเขาจะเดือดร้อนอะไร (กังวลแบบเกินเหตุ) ทั้งในความจริงเขาไม่ได้จะคุยกับคุณ และไม่มีความจำเป็นจะคุยกับคุณด้วย 3. การแสดงออกเชิงยั่วยวน พยายามเข้าหาผู้อื่น ไม่ว่าในชีวิตจริงหรือในโซเชียลมีเดีย เช่น ใช้โซเชียลมีเดียปั่นหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองเป็นจุดเด่น บางคนอาจจะมีความหลงผิดว่า...เขาสนใจฉันมานานแล้ว ความจริง ไม่ใช่ด้วยซ้ำไป 4. ดราม่ามากเกินไป บางคนอาจจะมีความเฟคซ่อนอยู่ การแสดงท่าทางเกินจริงจนเหมือนกำลังเล่นละครน้ำเน่าดี ๆ เรื่องหนึ่ง บางคนอาจทำตัวสนิทกับอีกฝ่ายเกินจริง ทั้งที่เขาไม่เล่นด้วย เช่น เอารถคนอื่นมาใช้แต่อ้างว่านี่คือรถของฉัน 5. คล้อยตามสถานการณ์ ถูกโน้มน้าว หรือชักจูงไปได้โดยง่าย ละเลยการตัดสินใจรอบคอบ แม้กระทั่งขาดการไตร่ตรองอย่างไร้เหตุผล 6. เบื่อ หงุดหงิดง่าย อดทนไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน รวมถึงไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว มักแสดงพฤติกรรมที่ดูไม่จริงใจ หรือมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นผิวเผิน 7. งัดไม้ตาย ทำเป็นตัดพ้อเพื่อเรียกร้องความสนใจ บางรายอาจมีการขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเข้ามาด้วย 8. ขี้อิจฉาเวลาที่ใคร ๆ ก็มีแต่คนรุมรัก แต่พอมองตัวเองไม่เห็นมีมุมแบบนี้เลยในชีวิต 9. ใส่ร้ายผู้อื่น ปั้นเรื่องโกหก กลั่นแกล้งผู้อื่นเพื่อให้คน ๆ นั้นถูกเลิกให้ความสนใจ Credit pic : https://pixabay.com/go/?t=image-list-shutterstock&id=1529816981 การวินิจฉัยและการรักษา การวินิจฉัยค่อนข้างทำได้ยาก เพราะคนที่เป็นบุคลิกภาพผิดปกติไม่มีทางป้องกันไม่ให้เกิดได้ เสี่ยงซึมเศร้าง่ายกว่า บางคนอาจจะรู้ตัวจากการวินิจฉัยว่าป่วย แต่ขณะเดียวกันก็มีไม่น้อยที่ปฏิเสธการรักษาเพราะเชื่อฝังหัวว่าต้องเป็นผู้ป่วยทางจิตเท่านั้นที่จะต้องพบจิตแพทย์ โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยการทำจิตบำบัด ปรับมุมมอง ทานยาปรับอาการ และรักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่ออาการหนัก วิธีปฏิบัติต่อผู้ป่วย เมื่อเจอกรณีเรียกร้องความสนใจกับเรา 1. เฉยกับการกระทำของเขา หากเรื่องที่เขาทำมาถึงตัว เมินเสียถ้าเขาแสดงอาการเรียกร้องความสนใจ หากกรณีหนึ่งเรารู้ทัน ก็เมินเฉยจนเขาเลิกทำไปเอง 2. ชมในทางที่เหมาะสม ถ้าเขาปฏิบัติดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครควรชมเชย ให้กำลังใจเขาได้มีแรงใจสู้ต่อไปเพื่อวันข้างหน้า และมีความหวังอยากมีชีวิตต่อ 3. ถ้าแรงมากก็พูดไปตรง ๆ อย่างนุ่มนวล ยิ่งเฉยยิ่งแสดงพฤติกรรมนี้ให้เห็นให้คุยกับเขาอย่างนุ่มนวล ให้เขากล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมด เพราะคนที่ป่วยแบบบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย ที่เห็นว่าเรียกร้องความสนใจ อาจจะไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่ หรือรู้สึกผิดถ้าพูดมันออกมา เพราะกลัวว่าจะรับไม่ได้จนเกลียดไปในที่สุด 4. จิตแพทย์คือคำตอบสุดท้าย ถ้าสนิทกับระดับหนึ่ง และอยากให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปกติที่สุด ควรให้เขาไปพบจิตแพทย์ บอกไปว่าถ้าอยากได้คำปรึกษาให้ไปคุยกับคนนี้ ไม่ใช่บอกว่าไปหาหมอ เพราะจะถูกมองว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต จะไม่ยอมรักษา Credit pic ภาพปก : https://pixabay.com/go/?t=image-list-shutterstock&id=1529816981