แม็ทซ์การแข่งขันที่ 32 ผ่านพ้นไปพร้อมกับความพ่ายแพ้แบบคาบ้าน ดูสีหน้าภาษากายนักเตะลิเวอร์พูลทุกคนรู้เลยว่าช็อคกันขนาดไหน! คำถามมากมายถาโถมเข้ามาเต็มไปหมด ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโคตรทีมอย่างลิเวอร์พูลที่เตะบอลในสนามแอนฟิลด์แบบไม่แพ้ใครมาแล้วมากกว่า 1 ปีกับอีก 2 เดือน! ความแข็งแกร่งของพวกเขาหายไปไหน การแพ้ต่ออตาลันต้าในบอลยุโรปแบบคาบ้านเมื่อกลางสัปดาห์ถึง 0 - 3 ก็ไม่ได้ช่วยให้ผลงานนัดนี้ดีขึ้น ช็อคไปตามๆกันครับคุณผู้อ่าน ช็อคกันทั้งสนามช็อคกันทั้งโลก เพราะเราแฟนบอลต่างก็รู้ดีว่านี่คือช่วงปลายฤดูกาลที่แสนจะสำคัญ แต้มของคู่แข่งอย่างแมนซิตี้และอาเซน่อลจี้มาติดๆ อย่าว่าแต่แพ้เลยครับแค่เสมอก็ตัดสินแชมป์กันได้แล้ว ลิเวอร์แพ้ในแม็ทซ์ที่ไม่ควรแพ้เป็นที่สุด สัปดาห์นี้พวกเขาแพ้ให้กับคริสตัลพาเลซที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยที่จะสู้ลิเวอร์พูลได้เลยด้วยซ้ำ แม็ทซ์นี้มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหงส์ถึงเหมือนโดนอาถรรพ์? รายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเกมที่พลาดไปคืออะไร มาครับ! ผมจะไล่เลียงให้ฟัง (แม้จะรู้อยู่แก้ใจว่ามันอาจจะจบแล้วสำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้ก็ตาม) 1. วาตารุ เอนโด ต้องออก เพราะเล่นพลาดเยอะเกินไปมีไม่กี่ครั้งหรอกครับที่ผมจะเดาใจเจอร์เก้น คล็อปป์ได้ถูกต้องเป๊ะๆแบบนี้ เพราะมิดฟิลด์ตัวรับผู้ใส่เสื้อหมายเลข 3 ในวันนี้เล่นหลุดฟอร์มเป็นอย่างมาก เอนโดแพ้ความแข็งแกร่งในแดนกลางอย่างสิ้นเชิง แรงปะทะเขาไม่สามารถหยุดแดนกลางของพาเลซได้ และพอเจ้าตัวมีโอกาสได้ส่งบอลขึ้นหน้า ก็ดันมาจ่ายบอลเสียแบบงงๆอยู่หลายครั้ง บางจังหวะก็โดนตัดจนถูกฝั่งทีมเยือนเลี้ยงบอลทะลุทะลวงเข้ามาล่อเป้า! เกมในครึ่งแรกของลิเวอร์พูลเลยไม่ดีเลย เกมรุกไม่ต่อเนื่องเกมรับก็มีช่องโหว่ ซึ่งที่จริงการโดนยิงนำแค่ 1 - 0 ยังเป็นสกอร์ที่น้อยเกินไปด้วยซ้ำ คุณผู้อ่านอย่าลืมลูกที่ฟานไดจ์ลื่นล้มและลูกที่แอนด์ดรูล โรเบิร์ตสันกระโดดเคลียร์บอลจากปากประตูนะครับ! 2. ครึ่งหลังลิเวอร์พูลถึงเริ่มกลับมาเป็นทีมเดิมใช่ครับคุณผู้อ่าน เพราะหลังจากเข้าไปกินน้ำกินท่าปลุกใจวางแท็คติกและเปลี่ยนตัวผู้เล่นกันใหม่ ทันทีที่เหยียบพื้นหญ้าในช่วงครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลก็ยกระดับเกมของตัวเองขึ้นมาได้อย่างผิดหูผิดตา พวกเขากลับมาครองบอลได้และคุมจังหวะของเกมไว้ได้หมด พร้อมกันนั้นก็ดันให้ฝั่งทีมเยือนต้องถอยร่นลงไปตั้งรับเพื่ออุดประตู ฟอร์เมชั่นการยืนแบบนี้ผมเห็นแล้วก็เริ่มสบายใจครับ เพราะมันคือการขึงแบบที่ลิเวอร์พูลเคยทำได้อยู่ประจำ! ที่เหลือก็แค่คอร์สบอลจากด้านข้างเข้าไปหรือไม่ก็ทำชิ่งประสานงานเพื่อกระซวกประตู ผมคิดว่า "ทำประตูได้แน่ แต่แค่จะได้ตอนไหน" ก็แค่นั้นเองครับ ฤดูกาลนี้การโดนยิงนำก่อนเป็นเรื่องธรรมดาของหงส์แดง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย! 3. ปัญหาการจบสกอร์ที่จู่ๆก็โผล่มา!ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆครับคุณผู้อ่าน เพราะลิเวอร์พูลมีกองหน้าที่ประสิทธิภาพสูสีกันมาก ทุกคนสามารถยิงได้หมดขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นใครจะฟอร์มดีกว่ากัน และใครเด่นกว่าก็จะได้เป็นตัวจริง ซึ่งวันนี้ลิเวอร์พูลก็มีกองหน้าเต็มสล็อตเลยคือ 5 คน! โม ซาล่าห์ , ดาร์วิน นูนเญซ , หลุยส์ ดิแอส , กั๊กโป , ดิอาโก้ โชวต้า ในแม็ทซ์ที่มันตื้อๆแบบนี้อย่างขี้ๆด้วยกองหน้าที่มี ผมก็ว่ามันต้องมีสักคนที่ยิงได้บ้างล่ะวะ! มันจะไม่เข้าถากเสาถากคานติดบล็อคอะไรได้ขนาดนั้น!? โอเคครับย้อนดูสถิติอาจจะพบว่าลิเวอร์พูลยิงตรงกรอบ 5 ครั้ง ยิงไม่ตรงกรอบ 10 ครั้ง ถือว่าไม่เยอะมาก แต่พอเราไปดูจำนวนครั้งในการคอร์สบอลคือ 50 ครั้ง และโอกาสในการได้ลูกเตะมุมอีก 10 ครั้ง นั่นเท่ากับว่ามีลูกบอลลอยผ่านหน้าปากประตูของคริสตัลพาเลซถึง 60 ที! ย้ำว่า 60 ที! ให้ตายเถอะคุณผู้อ่าน! โอกาสมากมายขนาดนี้สักลูกก็ยังยิงไม่เข้า! ผมลุ้นจนผมท้อเชียร์จนอ่อนแรง เพราะมันยิงยังไงก็ยิงไม่เข้าจริงๆ ยิงชิ่งกระทบพื้นให้รับยาก , ยิงแบบโล่งๆใส่เต็มข้อ , ยิงแบบงัดโด่งหนีมือประตูให้เช็ดคาน , ยิงแบบจะๆโล่งๆโดยมือประตูไม่อยู่บนเส้นแล้ว , หรือยิงจากจังหวะเคาท์เตอร์ที่วิ่งปรี่ขึ้นมาเป็นแผง ทุกสรรพวิชากระบวนท่างัดออกมาหมด แต่ทว่าแม้แต่ลูกเดียวก็ยังยิงไม่ได้ ด้วยความสัตย์จริงครับว่าระหว่างดูผมถึงกับอุทานว่า "นี่มันไม่ใช่ฟุตบอลแล้ว" มันเหมือนโดนของอ่ะ เหมือนโดนมนต์ดำคาถาอาคม ให้บอลไม่สามารถกลิ้งผ่านเส้นปากประตูเข้าไปได้ 4. โทษใครไม่ได้นอกจากโชคชะตาดวงกุดสูงสุดราหูอมจันทร์หรือจะอะไรก็ตามที ในแม็ทซ์นี้ในฐานะแฟนบอลผมไม่โทษใครเลยเพราะทุกคนใส่กันสุดหลอดแล้ว ทุกคนพยายามจะสร้างโอกาส พยายามจะสู้โดยไม่ย่อท้อ ยิงพลาดแรกๆยังยิ้มแต่พอหลังๆหน้าเริ่มบึ้ง บ่งบอกว่าพวกเขาเอาจริงเอาจังสุดๆแล้ว พอพลาดบ่อยๆมันน่าจะกลายเป็นความกดดัน ลูกที่เคยทำได้องศาหรือมุมวางเท้ามันก็เลยผิดแล้วก็เลยไม่เข้าประตู คิดตามหลักวิทยาศาสตร์มันน่าจะเป็นแบบนั้น และถ้าคิดต่อด้วยหลักจิตวิทยาสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็บอกได้ชัดเหมือนกันว่า ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถแบกรับความกดดันได้ สังเกตไหมครับคุณผู้อ่านว่าปีไหนที่ตารางคะแนนในลีกมันเบียดกัน ลิเวอร์พูลจะเสร็จแมนซิตี้ทุกปี แต่ถ้าเป็นปีโควิดที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ ปีนั้นคือแต้มมันขาดไปไกลตั้งแต่ไก่โห่ พวกเขาเล่นแบบไม่กดดันอะไรและเกือบจะเป็นแชมป์แบบไร้พ่ายได้เลยด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่ผมพยายามจะหาเหตุผลมาสนับสนุน เพื่อที่จะตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล การแพ้คาบ้านถึง 2 นัดติด แพ้ต่อหน้าแฟนบอลที่บ้าคลั่งกว่า 60,000 คน นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาได้เลย สรุปสุดท้าย ผมว่าคุณผู้อ่านที่เป็นแฟนหงส์ทำใจไว้บ้างก็ดีนะครับ เพราะลำพังแต้มเบียดๆกันการจะแข่งกับทีมมาตรฐานสูงอย่างแมนซิตี้ เปอร์เซ็นต์จะแชมป์ก็น้อยอยู่แล้ว และกับสถานการณ์ตอนนี้ที่ความได้เปรียบตกอยู่ในมือซิตี้ทุกอย่าง เหลืออีกแค่ 6 นัดสุดท้าย ถ้าแข่งกับอาร์เซน่อลผมว่าแฟนหงส์อาจจะยังพอมีลุ้น แต่นี่เป็นซิตี้! คุณก็น่าจะรู้นี่ครับว่าทีมๆนี้อย่าว่าแต่ 6 นัดเลย 12 นัดชนะรวด ยิงนัดละ 3 ประตูขึ้นแบบไม่เสียเหงื่อพวกเขาก็ทำได้สบายๆ เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool Fcภาพหน้าปก 2 จาก FB : Liverpool Fcรูปที่ 1 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 2 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 3 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 4 จาก FB : Liverpool Fc