ขึ้นหัวข้อบทความมาแบบนี้ก็เพราะผมเห็นภาพมันเป็นแบบนั้นจริงๆครับ ด้วยความที่คู่แข่งในการแย่งแชมป์ทั้งแมนซิตี้และอาร์เซน่อลนั้นก็แรงไม่หยุดจริงๆ ลิเวอร์พูลเลยสะดุดไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว ในแมทซ์นี้ผมมองว่าพวกเขาน่าจะครองทุกอย่างไว้ในมือได้ง่ายๆ แต่ก็เหมือนจะกลัวแฟนบอลไม่เร้าใจเลยจัดความอีโรติกวาบหวิวมาพอปะแล่มๆ เล่นเอาเกมตอนตีหนึ่งสยิวเสียวจนไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว แมทซ์นี้เกิดอะไรขึ้นบ้างและลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้ยังไง เรามาคุยหลังเกมกันครับ! 1. ครึ่งแรกคือเพอร์เฟคเกมขนานแท้เพราะอะไรรู้ไหมครับคุณผู้อ่าน? ก็เพราะลิเวอร์พูลเล่นราวกับปิดตาเล่นได้เลย! ผู้เล่นทุกคนสอดประสานรับส่งบอลกันได้อย่างไหลลื่น หลุยส์ ดิแอส เลี้ยงบอลกระชากยังไงก็ผ่านตลอด ดาร์วิน นูนเญซ สปีดต้นสปิดปลายยังไงก็วิ่งแซงกองหลังเชฟฟิลด์ได้อย่างสบายบรื๋อ หรือโม ซาล่าห์ ก็เล่นบอลไปพร้อมกับรอยยิ้ม อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยครับเพราะแม้แต่นายประตูอย่างเควิน เคลเลอร์เฮอร์ ก็ยังมีช็อตเซฟจ่อๆที่ช่วยทีมไว้ได้ คือทุกคนองค์ลงหมดท็อปฟอร์มจัดๆ จนผมไม่เห็นโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะไม่ได้สามแต้มจากนัดนี้เลย ที่น่าผิดหวังก็คงจะเป็นเพียงจำนวนประตูขึ้นนำที่น่าจะเป็น 2 - 0 , 3 - 0 ไม่ใช่ 1 - 0 ก่อนหมดครึ่งแรก2. แฟนบอลดูแบบสบายใจขาดแค่ลูก 2 - 0 จะมาเมื่อไหร่?ครับ! พอลูกสองไม่มาเนี่ยอะไรๆมันก็ชักจะติดๆขัดๆ คือด้วยความที่เราเป็นแฟนบอลเราย่อมรู้ดีว่าระยะห่างเพียงลูกเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ว่าวันนั้นทีมที่เราเชียร์จะท็อปฟอร์มขนาดไหน แต่ฝั่งตรงข้ามก็อาจจะมีลูกผีจับยัดหรืออะไรบางอย่างเช่นจุดโทษปริศนาแบบค้านสายตา เพราะฉะนั้นถึงตอนนี้ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังผมก็ชักจะเสียวๆขึ้นมาแล้วครับ บรรยากาศในแอนด์ฟิลด์ก็ดูจะเงียบลงไป เหมือนผู้คนจะเริ่มเกร็งๆ ขาดแค่การจบสกอร์ทิ้งห่างคมๆแค่นั้นแต่ก็ไม่มาสักที! เฮ้อ! 3. ภาพนัดแพ้แมนยู Fa Cup เริ่มมาด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพในหัวผมเริ่มแฟลชแบล็คกลับไปหานัดที่แพ้แมนยูใน Fa Cup เมื่อสัปดาห์ก่อนเลยครับ เพราะทรงบอลมันคล้ายกันมาก! แมนยูวันนั้นก็เหมือนเชฟฟิลด์วันนี้คือทั้งเกมไม่มีอะไรเลย! ผมยังจำได้ว่าผมดูแมทซ์ผีแดงแบบดูไปกินข้าวไป ดูแบบไม่ตั้งใจด้วยซ้ำทั้งที่เป็นแมทซ์แดงเดือด เพราะลิเวอร์พูลเหนือกว่าทุกอย่างและคุมจังหวะเกมไว้ได้หมด แต่ก็มาเจอลูกทีเด็ดช่วงทดเจ็บ ก่อนจะกลายเป็นอริตลอดนามแมนยูที่ปล้นเอาผลการแข่งไป ตกรอบวันนั้นยังแค้นมาจนถึงวันนี้ แล้วก็เสียวเหลือเกินครับว่าเชฟฟิลด์จะเอาบ้าง ซึ่งก็ดันทำได้จริงๆ! หลังเจ้าหนูแบรดลีย์แบ็คขวาตัวสำรองดันไปโชว์สิ่งที่เรียกว่า "อุบัติเหตุฟุตบอล" บอลลอยย้อยๆมาของผู้เล่นเชฟฟิลด์ ไม่รู้น้องแกกะระยะผิดยังไงถึงปล่อยบอลกระเด้งขาตัวเอง ก่อนจะแฉลบลอดหว่างขานายประตูลูกหมีเข้าประตูตัวเองไปอีกทอดหนึ่ง! สกอร์กลายเป็น 1 - 1 แถมหลังจากนั้น โม ซาล่าห์ ผู้เปรียบเสมือนซุปตาร์แห่งความหวังก็ดันมาถูกเปลี่ยนตัวออก ซึ่งเหมือนกันกับนัดที่แพ้แมนยูเป๊ะๆ! ลางไม่ดีแล้วครับ ผมเริ่มกระส่ายกระสับแล้วครับบอกตรงๆ 4. แม็คอริสเตอร์กับลำแสงจากฝ่าเท้าพอโดนตีเสมอจากที่แพ็คกันแน่นอยู่แล้วเชฟฟิลด์ยิ่งแน่นกว่าเก่า พวกเขาน่าจะหวังมาทำแค่นี้เอาหนึ่งแต้มกลับจากแอนด์ฟิลด์ได้ก็ถือว่าน่าพอใจ กลับกลายเป็นฝั่งเจ้าบ้านซะอีกที่เริ่มลนลาน จังหวะที่เชื่อมต่อกันแม่นๆพอเร่งมันก็กลายเป็นขาดๆเกินๆ เหมือนมาตรฐานของพวกเขามันดร็อปลงไป แต่ก็ยังโชคดีที่ แม็คอลิสเตอร์ ยอดมิดฟิลด์แห่งอาเจนติน่างัดฟอร์มเวิร์ลคลาสออกมาช่วยทีมได้ทัน การวางเท้ายิงแบบตรีนระเบิดเป็นอะไรที่สะใจมาก! ไหนจะลูกฟรีคิกที่สวยสะพรั่งแต่ชนคาน! การออกบอลคีย์พาสต่างๆ!คือรวมๆแล้วแมทซ์นี้ต้องยกให้แกเป็น Man of the match แต่เพียงผู้เดียว และช่วงนี้ก็น่าจะเป็นช่วงที่ฟอร์มของเจ้าตัวเข้าฝักที่สุดแล้วนับตั้งแต่สวมยูนิฟอร์มของหงส์แดง สรุปสุดท้าย ก็เป็นอีกครั้งที่การยิงสกอร์ให้ขาดไม่ได้ยังคงสร้างปัญหาให้ลิเวอร์พูล การยิงนำแค่ลูกเดียวมิอาจการันตีอะไรได้อาจจะเกิดลูกผีจับยัดหรือบอลขลุกคลิกได้ทุกเมื่อ และนั่นก็จะนำมาซึ่งอาการเกร็งเสียวของแฟนบอล เป็นไปได้ก็อยากดูเกมที่มันขาดๆไปเลยครับ คงไม่มีเด็กหงส์คนไหนอยากดูบอลเอ็นเตอร์เทน ลุ้นใจหายใจคว่ำแบบนี้ทุกนัดเป็นแน่ ตอนนี้ยิ่งเหลือโปรแกรมแข่งน้อยแล้วด้วย เราไม่เหลือพื้นที่ให้เกมที่ผิดพลาดอีกต่อไปแล้วครับ! เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool FCภาพหน้าปก 2 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 1 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 2 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 3 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 4 จาก FB : Liverpool FC เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !