"บวชพระสักทีไม่มีเรื่องวุ่น ได้บุญสุขใจ..." เสียงเพลงจากเครื่องไฟประจำหมู่บ้านปลุกให้บ้านใกล้เรือนเคียงออกมาร่วมทำบุญบวชนาคในยามนี้ (มีนาคม 2563) เป็นช่วงที่รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการควบคุมโรคระบาด covid-19 ออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ทำเอาชาวบ้านร้านตลาดหวาดผวา เสียขวัญเป็นอันมาก วิถีของการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมาก เกิดความสับสนในมาตรการของรัฐ เกิดความขัดแย้งกับวิถีชีวิตวิถีชุมชนชาวบ้านร้านตลาด การรวมกลุ่มชุมนุมถือเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคติดต่อที่รุนแรงและยากจะรักษาให้หายขาดได้ในเร็ววัน เมื่อมีงานบวชซึ่งเป็นประเพณีของชาวบ้านในชนบทก็ย่อมต้องมีการรวมกลุ่มรวมตัวกันทำกิจกรรมหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ตั้งเต็นท์เพื่อทำกับข้าวเลี้ยงแขกที่มาช่วยงาน เตรียมทำขวัญนาค จัดงานเลี้ยงฉลองนาคในช่วงเย็นที่นิยมจ้างวงดนตรีมาเล่น จัดเลี้ยงโต๊ะจีนที่มีเก้าอี้นั่งชิดติดกัน เว้นระยะห่างมากไม่ได้ การใช้ช้อนกลางก็ดูไม่ปลอดภัยเหมือนใช้ "ช้อนกู" การหยิบจับตะเกียบ ช้อน จาน และการเสิร์ฟน้ำแข็ง กระติก ที่คีบน้ำแข็ง ล้วนแต่เป็นจุดที่ต้องระมัดระวังความปลอดภัยกันอย่างยิ่งยวด นักร้อง นักดนตรีที่ขึ้นไปเล่นบนเวทีก็ต้องเปิดหน้าตา แดนเซอร์ก็ต้องโชว์เรือนร่างสัดส่วนโค้งเว้าผ่านแสงไฟนีออนสีขาวนวลเพื่อล่อมวลหมู่ภมรหนุ่ม ๆ ที่เต้นอยู่อย่างเมามันด้านหน้าเวที มีบางครั้งก็ให้เงินทิปนักร้อง แดนเซอร์ และถือโอกาสจับไม้จับมือสักเล็กน้อย เพื่อความกระชุ่มกระชวยในหัวใจวัยชรา บางคราก็ยื่นแก้วสุราให้นักร้องดื่ม ซึ่งเป็นภาวะที่เสี่ยงอันตรายในการป้องกันโรคติดต่อ covid-19 เป็นอย่างมาก ก่อนเข้างานเลี้ยงหลังจากมีข่าว covid-19 เจ้าภาพซึ่งมีกำหนดงานไว้หลายเดือนแล้วก็จำเป็นต้องเตรียม เครื่องวัดไข้แบบยิงที่ศีรษะ และเจลล้างมือให้กับแขกที่มาในงานซึ่งก็เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายแต่ก็ทำให้แขกที่มาในงานเกิดความเชื่อมั่น แม้กระนั้นผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการจัดงานที่มีคนหมู่มากมารวมกัน ทำให้เจ้าภาพย่อมเกิดความไม่พอใจเป็นธรรมดา อีกจุดเสี่ยงหนึ่งก็คือการที่พิธีกรบนเวทีขึ้นไปจับไมค์พูด แล้วเชิญแขกผู้ใหญ่ไปอวยพร คนแล้วคนเล่า ถามพ่อนาค แม่นาค และตัวนาคเอง ทำให้น้ำลายกระเด็นไปถูกไมค์ ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้อีก หมดงานเลี้ยงตอนเย็นพอถึงรุ่งเช้าที่จะพานาคเข้าโบสถ์ ก็ต้องมีขบวนแห่นาคที่นิยมชมชอบใช้รถดนตรีแห่นาคโดยมีนางรำนายรำ รำอยู่หน้าขบวน ส่วนเจ้าภาพพ่อแม่ญาติพี่น้องก็หอบอัฐบริขารเดินตามเป็นขบวนใหญ่ และยาวเหยียดทำให้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งผู้เขียนได้รับเกียรติให้ไปร่วมงานก็ค่อนข้างวิตกกังวล แต่ก็จำเป็นต้องไปร่วมงานเพราะเป็นญาติสนิท วิธีการก็คือ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างจากคนอื่น ๆ เดินไกล ๆ และไม่พยามพูดคุยกับใคร ส่วนมือไม้ก็ฉีดแอลกอฮอล์ไว้จนแห้ง แล้วก็ฉีดซ้ำอีกบ่อย ๆ จนนำนาคเข้าโบสถ์เป็นที่เรียบร้อยจึงรีบขอตัวกลับบอกว่ามีธุระอะไรก็จำเป็นต้องอ้างไป .(เพลง) บวชพระแล้วได้เป็นหลวงพี่ ถ้าแม้นหากดีขอบวชประจำแม้นมีบุญนำบวชเป็นหลวงพ่อเลย...เสียง เพลงไวพจน์แว่วมาไกล ๆ วิถีชีวิตชุมชนชาวบ้าน ความสนิทสนมคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง งานบวชงานบุญจึงไม่อาจขาดญาติพี่น้องได้ อย่างไรก็แล้วแต่ไอ้เจ้า covid-19 มันช่างมีฤทธิ์เหลือเกิน จำต้องป้องกันตัวเองไว้น่ะแหละจึงจะรอดตัวรอดตายและได้บุญไปพร้อมกันนะโยม.. @@@@@