หากเราพูดถึงนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ล้วนเริ่มต้นตั้งแต่เข้าสู่วงการมวยปล้ำแล้วพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหมายของตัวเอง บางคนก็ใช้เวลาอันสั้น แต่บางคนต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะเช่นเดียวกับ Drew McIntyre ที่มีเส้นทางอาชีพที่ลำบากกว่าคนอื่น จนตอนนี้เขาสามารถครองแชมป์ WWE ได้สำเร็จ ซึ่งบทความนี้ผมจะมาเล่าให้ทุกคนได้รู้กันว่าเขาคนนี้ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาอย่างไร และทำไมบทความนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่กำลังท้อในชีวิตอยู่ Drew McIntyre เดบิวต์เข้าสู่วงการมวยปล้ำ WWE ในค่ายหลัก Smackdown ปี 2009 โดยเขาคนนี้ที่ได้เช้าวงการครั้งแรกก็ถึงกับเข้าตาทีมงานและแฟนมวยปล้ำอย่างมากมาย เพราะเขามีรูปร่างที่สูงใหญ่เหมาะแก่การเป็นนักมวยปล้ำแนวหน้าของสมาคม แถมมีสไตล์การปล้ำที่ประกอบด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่ไม่ทำให้คนดูเบื่อแน่นอน โดยเขาคนนี้ได้เก็บประสบการณ์ในสมาคมมวยปล้ำไปเรื่อย ๆ จนในศึก TLC ปี 2009 เขาได้ประสบความสำเร็จแรกในอาชีพของเขา นั่นคือการคว้าแชมป์ Intercontinental จากการเอาชนะ John Morrison ไปได้ เขาครองแชมป์นี้ยาวนานถึง 161 วัน แล้วเสียแชมป์ให้กับ Kofi Kingston ไปในศึก Over the Limit ปี 2010 แต่ภายในระยะเวลาไม่นานในศึก Night of Champion ปี 2010 เขาสามารถชิงแชมป์ Tag Team ได้สำเร็จ จากการจับคู่กับ Cody Rhodes แต่ก็ต้องเสียแชมป์ไปให้กับแก๊ง The Nexus จากการครองแชมป์ไปแค่ 35 วัน จนถึงตอนนี้ใคร ๆ ก็คงคิดว่าคนนี้แหละที่จะเป็นแนวหน้าของสมาคมมวยปล้ำในอนาคตจากการประสบความสำเร็จถึง 2 อย่างภายใน 1 ปี แต่ในความเป็นจริงบทบาทในวงการมวยปล้ำของเขากลับดิ่งลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยหลังจากนั้นเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม 3MB โดยมีตัวเขา Heath Slater และ Jinder Mahal เป็นกลุ่มที่เรียกได้ว่าเหมือนกระสอบทรายที่ให้คนอื่นมากระทืบเล่น ทำให้เขากลายเป็นนักมวยปล้ำระดับล่างหรือ Jobber ไปเลย เขาเป็นอย่างนี้นาน ๆ ไปจนถึงปี 2014 เขาถูกแจกซองขาวให้ออกจากสมาคมมวยปล้ำ WWE นับเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในเส้นทางอาชีพนักมวยปล้ำของเขา หลังจากถูกไล่ออกจาก WWE เขาไม่เคยรู้สึกโกรธและต่อว่าสมาคม WWE เลย แต่เขากลับใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาตัวเองจากการเข้าสมาคมมวยปล้ำอินดี้อย่าง ICW แน่นอนว่าน้อยคนคงจะรู้จักกับสมาคมมวยปล้ำนี้ เขาพัฒนาตัวเองใหม่เป็นเวลาเกือบ 4 ปี และนี่ก็คือการเกิดใหม่ของชายที่ชื่อ Drew McIntyre เมื่อค่ายรองของ WWE อย่าง NXT เรียกตัวเขาเข้าสู่สมาคม และก็ใช้เวลาไม่นานในการคว้าแชมป์ NXT โดยการชนะ Bobby Roode ได้ ครองแชมป์ได้นาน 91 วัน จนในปี 2018 เขาได้กลับมาเดบิวต์ที่ค่ายหลัก Raw และก็ใช้เวลาไม่นานเหมือนเดิมในการคว้าแชมป์ Raw Tag Team โดยการจับคู่กับ Doiph Ziggler และแล้วโอกาสก็มาถึง ในศึก Royal Rumble ปี 2020 เขาเป็นผู้ชนะศึก Royal Rumble ได้สิทธิ์ไปชิงแชมป์โลกในศึก Wrestlemania โดยเขาจะต้องเจอกับแชมป์ WWE อย่าง Brock Lesnar ที่น้อยคนมาก ๆ จะสามารถชนะได้ แต่ว่าเขาก็ทำได้ เขาสามารถชนะชายที่น้อยคนจะโค่นล้มและครองแชมป์ WWE แชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการมวยปล้ำไปได้ ผมเล่ามาถึงตรงนี้ผมกำลังจะบอกทุกคนว่า ถึงแม้ชีวิตเราจะล้มไม่เป็นท่า แต่เราก็ยังสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ถ้าเฟสแรกของเราจาก 0 แต่ล่มที่ 50 เราก็เริ่มต้นพัฒนาตัวเองใหม่เพื่อเตรียมเข้าสู่เฟสที่ 2 จนสามารถไปถึง 100 ได้ ดังนั้นหากใครกำลังท้อจงดูชายคนนี้ไว้ เพราะเขาแสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาสามารถล้มแล้วลุกได้ แต่ต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเองหรือพัฒนาให้เร็วกว่าคนอื่น 2 เท่า ส่วนผมก็ขอให้กำลังใจทุกคนที่กำลังตั้งเป้าหมายบางอย่างไปให้ถึงฝันด้วยครับ เครดิตรูปภาพจาก WWE.com หน้าปก รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 รูปที่ 4 รูปที่ 5