ในสถานการณ์ที่หน้ากากอนามัยขาดตลาดชนิดที่ว่า " มีเงินก็ซื้อไม่ได้ " อันเนื่องมาจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 ระบาดไปทั่วทุกมุมโลก ผู้คนต่างวิตกกังวลและกักตุนหน้ากากอนามัย จนทำให้ขาดแคลนอย่างหนัก โดยเฉพาะทำให้โรงพยาบาลซึ่งเป็นด่านแรกในการดูแลสาธารณสุขของคนในประเทศเริ่มเกิดปัญหา องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมาแถลงว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยไม่ได้ช่วยป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 แต่ตรงกันข้ามกลับทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น เรื่องราวเหล่านี้จริงหรือเท็จ หรือมีประเด็นอื่นแอบแฝงหรือไม่ เราอยากจะนำแต่ละมุมมองมานำเสนอให้รอบด้านกันดูค่ะ ขอบคุณภาพประกอบจาก pixabay ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างไร อย่างแรกที่เราต้องทำความเข้าใจก็คือการติดต่อของไวรัสโคโรน่า มาจากวิธี Droplets หมายถึง สามารถติดต่อกันได้จากละอองฝอยที่มีขนาดใหญ่คือ การจาม ไอ เสมหะ หรือสารคัดหลั่งต่าง ๆ ของร่างกายจากผู้ที่ติดเชื้อไปยังผู้อื่น โดยต้องมีระยะที่ใกล้กว่า 90 เซนติเมตร ระหว่างผู้ติดเชื้อกับผู้อื่นจึงถือว่ามีความเสี่ยงที่จะรับเชื้อไวรัส และการรับเชื้อไวรัสโคโรน่าเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าสู่ร่างกายผ่านเมือก พูดง่าย ๆ ก็คือ ช่องทางที่เป็นอันตรายต่อการรับเชื้อ เยื่อบุต่าง ๆ ที่มีเมือกเคลือบอยู่ เพราะเป็นช่องทางที่ไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้เช่น ช่องปาก เยื่อบุตา ช่องจมูก เหล่านี้เป็นต้น การสัมผัสมือต่อมือของผู้ป่วยไม่ได้ทำให้เราติดเชื้อ หากเราทำความสะอาดมือของเราให้เรียบร้อยก่อนนำมาจับต้องบริเวณเยื่อบุต่าง ๆ เหตุผลที่ทำไมยิ่งใส่หน้ากากยิ่งมีความเสี่ยง อย่างที่บอกว่าการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า จะเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุต่าง ๆ ซึ่งอยู่บริเวณใบหน้าแทบทั้งสิ้น ดังนั้นต่อให้เราสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันละอองฝอยจากสารคัดหลั่งหรือเสมหะของผู้คนที่เราไม่รู้จัก แต่หากเราไม่ล้างมือและเผลอเรอไปจับวัตถุที่มีเชื้อไวรัสโคโรน่า แล้วยังใช้มือของคุณเพื่อมาสวมใส่หน้ากากอนามัย และสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ จึงเป็นโอกาสให้คุณมีความเสี่ยงจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้มากกว่าการไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย อ้างอิงจาก www.thoracicsocietythai.org จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ สมาคมอุรุเวชช์แห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศแถลงการณ์เกี่ยวกับผู้ที่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งสรุปใจความสำคัญว่าได้แก่ ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดหรือระบบทางเดินหายใจ ผู้ที่อยู่ในระบบสาธารณสุข ผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงผู้ที่ให้บริการทางด้านสาธารณะและผู้ที่ใช้บริการสาธารณะ ต่างควรสวมใส่หน้ากากอนามัยและที่น่าสนใจคือมีย่อหน้าที่กล่าวว่า " ถ้าจัดหาหน้ากากอนามัยได้ง่าย เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะสวมใส่เมื่อออกไปที่สาธารณะเพื่อป้องกันตนเองหรือป้องกันผู้อื่น ยังไม่มีหลักฐานรองรับทั้งด้านคัดค้านและด้านสนับสนุนในเรื่องของประโยชน์ที่ได้กับผลที่เสีย เว้นแต่จะทำให้หน้ากากมีใช้ไม่เพียงพอ " ทำอย่างไรหากเราไม่มีหน้ากากอนามัย หากคุณไม่มีหน้ากากอนามัยสวมใส่ เนื่องด้วยเหตุผลของราคาที่แพงหรือหาซื้อไม่ได้ในท้องตลาดก็ตาม อย่าเพิ่งตื่นตระหนกเพราะอย่างที่หน่วยงานต่าง ๆ ออกมาบอกแล้วว่า ช่องทางในการติดเชื้อจะมาจากการติดจากสัมผัส ดังนั้นหลัก ๆ คุณควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคด้วยเจลแอลกอฮอล์ต่าง ๆ หมั่นล้างมือให้บ่อยขึ้น และหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่ชุมชนหรืออากาศปิด ก็จะช่วยคุณได้อีกทางหนึ่งค่ะ ขอบคุณภาพประกอบจาก pixabay ปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะความหวาดกลัวจนกักตุนหน้ากากจนเกินเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องคิดถึงก่อนเป็นอันดับแรก คือเราเป็นผู้มีโอกาสเสี่ยงมากน้อยเพียงใดในการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า หากคุณไม่ได้ต้องไปพบปะผู้คน หรือทำงานในที่ ๆ อยู่ในจุดเสี่ยง คุณสามารถเลือกดูแลตนเองด้วยวิธีอื่นที่เหมาะสม เช่น การล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์บ่อย ๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมชน พยายามตรวจอุณหภูมิของร่างกายทุกวัน เท่านี้คุณก็ป้องกันตนเองได้ดีแล้วค่ะแม้จะไม่มีหน้ากากอนามัยก็ตาม ขอบคุณภาพหน้าปกจาก pixabay ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก www.thoracicsocietythai.org www.emergencies-coronavirus-2019 www.khaosod.co.th