อื่นๆ

จะอดทนอยู่กับงานที่เกลียดได้อย่างไร

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
จะอดทนอยู่กับงานที่เกลียดได้อย่างไร

เริ่มแรกด้วยนิสัยส่วนตัวของผู้เขียนคือ เป็นคนที่ไม่สามารถจะคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้เลย แต่จะถนัดในเรื่องของการลงมือทำให้สิ่งที่มีอยู่แล้วมากกว่า จนจับพลัดจับผลูท่าไหนก็ไม่รู้ได้มาลองทำงานงานหนึ่งที่เป็นงานคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่แบบที่ยังไม่เคยมีมาในโลกนี้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วด้วยความที่งานนั้นเป็นงานใหม่มากๆ ทำให้ผู้เขียนจะต้องหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน โดยความโหดร้ายทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนไม่ชอบมากๆ จนถึงขั้นเกลียดฝังใจเลยทีเดียว

แต่ด้วยปัจจัยที่บีบบังคับอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ผู้เขียนทำงานนี้แบบต้องทำอย่างเสียไม่ได้ ณ ตอนนั้นผู้เขียนไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว ทำงานอย่างขมขื่น เวลาที่จะหาข้อมูลภาษาอังกฤษผู้เขียนจะต้องร้องไห้ก่อนหนึ่งยกแล้วถึงจะเริ่มลงมือทำงานได้ คือช่วงเวลานั้นการร้องไห้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเลย เช้า สาย บ่าย เย็น จะต้องได้ร้องไห้ก่อนถึงจะเริ่มทำงานทุกครั้ง จนนานเข้านานเข้าผู้เขียนเริ่มกลายเป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ผู้เขียนไม่รู้ตัว

Advertisement

Advertisement

สภาวะซึมเศร้าเข้ามากัดกินใจของผู้เขียน ทำให้เริ่มคิดถึงการฆ่าตัวตายทุกๆ วัน เริ่มนอนหลับแล้วไม่อยากตื่นมาเผชิญอะไรอีกแล้ว และเริ่มอยู่อย่างไร้ความหวังในชีวิต จนมีจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในที่ผู้เขียนได้ไปบังเอิญเจอพี่ที่โบสถ์ที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ได้นั่งร้องไห้ปรับทุกข์ระบายความขมขื่นในจิตใจที่ผู้เขียนได้เจอตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แล้วพี่คนนั้นก็ได้ให้กำลังใจกับผู้เขียนด้วยถ้อยคำคำนึงว่า “ทุกสิ่งที่ผู้เขียนกระทำ ผู้ขียนจะต้องกระทำด้วยความรัก ความรักนั้นก็อดทนนาน”

เริ่มคิดถึงการฆ่าตัวตายทุกๆ วัน เริ่มนอนหลับแล้วไม่อยากตื่นมาเผชิญอะไรอีกแล้ว

พอได้ถ้อยคำนี้มาผู้เขียนก็กลับไปทำงานนั้นต่อ แต่ก่อนจะออกไปทำงานก็จะท่องไปเรื่อยๆ ว่า “ทุกสิ่งที่ผู้เขียนกระทำ ผู้ขียนจะต้องกระทำด้วยความรัก ความรักนั้นก็อดทนนาน” แรกๆ ตอนที่ท่องไป ในใจก็ยังรู้ว่าขมขื่นอยู่ และเกลียดงานที่ทำอยู่เหมือนเดิม แต่ผู้เขียนก็ยังคงท่องประโยคนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนในใจของผู้เขียนเริ่มเปลี่ยน ความคิดต่อการทำงานที่ผู้เขียนเกลียดมากๆ นั้นก็เริ่มเปลี่ยน จนอาการซึมเศร้าเริ่มหายไปแล้ว หยุดร้องไห้ได้แล้ว และมองงานนั้นแบบที่เป็นงานได้จริงๆ ไม่มีความรู้สึกเกลียดอีกแล้ว จนงานเสร็จออกมาได้ในที่สุด ที่ใช้ระยะเวลาในการทำสองปีเต็มๆ ซึ่งเป็นการทำงานที่นานกว่าคนอื่นถึงห้าเท่าเลยทีเดียว

Advertisement

Advertisement

“ทุกสิ่งที่ผู้เขียนกระทำ ผู้ขียนจะต้องกระทำด้วยความรัก ความรักนั้นก็อดทนนาน”

จากจุดนี้เองทำให้ผู้เขียนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ได้เรียนรู้ว่าการรักษาใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และเวลาที่ทำอะไรในสิ่งที่ไม่ชอบอีก ผู้เขียนก็จะต้องมีความคิดกับงานนั้นให้ถูกต้องที่สุดก่อนเพื่อรักษาใจตัวเอง เพราะถ้าหากปล่อยใจจนกลายเป็นซึมเศร้าก็ไม่รู้ว่าจะโชคดีกลับมาหายได้อีกครั้งไหม สิ่งนี้เองที่คนรอบข้างชอบบอกผู้เขียนว่าเป็นคนโลกสวย เป็นโลกสวยที่ผู้เขียนต้องจ่ายด้วยราคาแพงมากทีเดียวกว่าจะได้มา

จะต้องมีความคิดกับงานนั้นให้ถูกต้องที่สุดก่อนเพื่อรักษาใจตัวเอง

------------------------------

ขอบคุณภาพจาก

- Gerd Altmann จาก Pixabay (ภาพปก)

- Lum3n จาก Pexels (ภาพประกอบที่ 1, 2, 3)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์