เคยรู้สึกว่าชีวิตของเรานั้นยุ่งเหยิงวุ่นวาย จับต้นชนปลายไม่ถูกหรือเปล่า วัน ๆ ก็มีงานโน่นนี่นั่นต้องทำกันตลอด พอนานเข้าก็หลงนั่นลืมนี่ หรือบางคนก็มีโครงการในชีวิตเยอะแยะมากมายจนจัดระบบระเบียบไม่ถูก พาลไม่ทำเลยสักอย่างที่พูดมานั่นคือผู้เขียนนั่นเอง (ฮา)ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้เขียนพยายามเหลือเกินกับการจัดระเบียบชีวิตของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง เป็นพวกมีโครงการเยอะ แต่ทำไม่สำเร็จสักอย่าง มีสมุดโน้ตหลายเล่ม จดกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่สำเร็จสักครั้ง บางทีเปิดไปดูโน้ตเก่า ๆ อ้าว...นี่ก็โครงการเก่าแก่ดึกดำบรรพ์กันเลยทีเดียว จนบัดนี้ยังไม่สำเร็จแล้วก็ได้มารู้จักกับหนังสือ The Bullet Journal Method พอได้อ่านก็คิดว่าเป็นวิธีที่น่าจะเหมาะกับตัวเอง หลังจากทดลองทำไปแล้ว 2 เดือน ก็พบว่ามีหลายอย่างน่าสนใจ ก็เลยจะมาแนะนำให้รู้จักกับหนังสือเล่มนี้กันนะคะวิธีการที่เรียกว่า Bullet Journal มีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า BUJO หรือ บูโจวิธีบันทึกแบบนี้ “...ช่วยให้คุณทำงานน้อยลง แต่ประสบความสำเร็จมากขึ้น ช่วยให้คุณสามารถบ่งชี้และโฟกัสกับสิ่งสำคัญพร้อมกันนั้นก็ขจัดสิ่งที่ไม่สำคัญทิ้งไป” (หน้า 29) และยังช่วย “...เคลียร์ข้อมูลสารพัดที่อัดแน่นในหัว เพื่อให้คุณได้ถอยออกมาพิจารณาความคิดตามความเป็นจริง” (หน้า 31)จุดเริ่มต้นของ วิถีแห่งบูโจ มาจากคุณไรเดอร์ แคร์รอลล์ เขาเป็นเด็กสมาธิสั้น มีปัญหาในการเรียนในระบบปกติ ซึ่งในยุคนั้น (1980) ผู้คนยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้มากนัก เขาจึงได้ลองผิดลองถูกพัฒนาวิธีการบันทึกที่ใช้ได้ผลกับตัวเขา ซึ่งเป็นบันทึกธรรมดาที่ผสมผสานทุกอย่างไว้ในตัว ทั้งแพลนเนอร์ ไดอารี สมุดจดสิ่งต้องทำ โน้ตจิปาถะ และสมุดวาดภาพต่อมาในปี 2007 เขาได้ทำงานเป็นนักออกแบบเว็บไซต์ที่นิวยอร์ก เขาได้แนะนำวิธีการนี้ให้กับเพื่อนร่วมงานทีกำลังหัวหมุนกับงานแต่งงาน เธอคนนั้นรู้สึกทึ่งกับระบบนี้และสนับสนุนให้เขาบอกโลกให้รู้จัก เขาจึงได้ทำเว็บไซต์ชื่อ bulletjournal.com ขึ้นมาเพื่อแนะนำ และจากนั้นเอง วิถีแห่งบูโจ ก็แพร่หลายไปทั่วณ ปัจจุบันวิธีการนี้มีให้หาอ่านได้มากมายบนเว็บไซต์หรือบน YouTube หลายคนก็ได้นำไปใช้ด้วยวิธีการประยุกต์ดัดแปลง วิถีแห่งบูโจ ให้เข้ากับตัวเอง และนำไปเผยแพร่ต่อสำหรับหนังสือเล่มนี้นอกจากจะสอนวิธีการทำบันทึกแล้ว ยังมีปรัชญาเบื้องหลังการทำบันทึกที่ช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เพราะนอกเหนือจากหน้าที่จดบันทึก “สิ่งที่ต้องทำ” บูโจยังใช้สำหรับการจดบันทึกวางแผนโครงการ, สิ่งที่สนใจ, การศึกษา และเป้าหมายในชีวิตหนังสือแบ่งออกเป็น 4 ภาค โดยภาคแรกเป็นการแนะนำวิถีแห่งบูโจในเบื้องต้น เป็นการเตรียมให้คุณพร้อมสำหรับการลงมือทำบูโจในภาคต่อไปภาคสอง จะสอนวิธีการบันทึก อันได้แก่ ประเภทของหัวข้อในบันทึกทั้งงานประเภทต่าง ๆ, เหตุการณ์, โน้ต และเครื่องหมายที่จะนำมาใช้เพื่อให้การอ่านบันทึกทำได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็เป็นการแบ่งสมุดออกเป็นส่วน ๆ ได้แก่ ดัชนี (Index), บันทึกประจำวัน, บันทึกประจำเดือน, บันทึกอนาคต และคอลเล็คชั่น วิธีการบันทึกแบบเร็ว การโยงข้อมูล และการย้ายข้อมูลภาคสาม “การลงมือทำ” จะเขียนถึงปรัชญาต่าง ๆ เบื้องหลังวิถีแห่งบูโจ ในภาคนี้อาจคล้ายกับหนังสือ How To ซึ่งเป็นหลักการที่เชื่อมโยงมาใช้งานกับบันทึกบูโจ และทำให้บูโจไม่ใช่เป็นแค่บันทึกประจำวัน แต่ยังกลายเป็นบันทึกที่ใช้เพื่อพัฒนาตัวเองได้อีกด้วยขอยกตัวอย่างบางเรื่องมาแนะนำกันนะคะ เช่นในเรื่องของเป้าหมาย การเขียนเป้าหมายไม่ใช่สักแต่เขียนว่าอยากมีเงิน 10 ล้านใน 1 ปี แต่คุณต้องแบ่งย่อยออกมาว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้นด้วย ขอยกตัวอย่างจากหนังสือนะคะสมมติถ้าคุณตั้งเป้าหมายจะฝึกทำอาหารให้เป็น ก็จะต้องแยกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ ก็จะได้แก่ หัดใช้มีด เรียนรู้วิธีจี่และผัดอาหาร เรียนรู้วิธีซื้อผักสด เรียนรู้วิธีทำเมนูไข่ เป็นต้น (หน้า 215)อีกบทที่ผู้เขียนชอบก็คือ “การควบคุม” (หน้า 254) พูดถึงการที่เราควบคุมผู้คนและสิ่งรอบตัวไม่ได้ สิ่งนี้มักทำให้เราหงุดหงิด สิ้นหวัง และพ่ายแพ้ แทนที่จะเป็นเช่นนนั้นเราควร “ควบคุมการตอบสนองของเราต่อสิ่งที่เกิดขึ้น” (หน้า 254) นั่นหมายถึงการแนะนำให้เราหันมาควบคุมความรู้สึกของตัวเราเอง ซึ่งวิธีการนี้คิดว่าเหมาะกับสังคมทุกวันนี้ที่เรามักเห็นความขัดแย้งกันตั้งแต่ระดับเล็ก ๆ เช่นการโต้เถียง จนถึงระดับรุนแรงถึงขั้นฆ่ากันตาย หากว่าก่อนที่เราจะเริ่มโมโหหงุดหงิด เราสะกิดตัวเองให้รับรู้ว่าเราไปเปลี่ยนแปลงความคิดของคนอื่นไม่ได้ มันจะทำให้เราดึงสติของเรากลับมาที่ตัวเองได้ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นในหนังสือยกคำพูดของทะไลลามะมาใช้ “ปัญหาใดมีวิธีแก้ไข ก็ป่วยการที่จะไปกังวล แต่ถ้าไม่มีทางแก้ไขแล้ว กังวลไปก็เปล่าประโยชน์” (หน้า 258)ภาคสี่ เป็นกระบวนการนำเอาทุกอย่างจากภาค 1-3 มาประยุกต์ใช้งานให้เหมาะสมกับตัวเอง และยกตัวอย่างของบุคคลที่นำเอาบูโจไปใช้งานอย่างประสบความสำเร็จ เกิดเป็นชุมชนคนบูโจและภาคสุดท้าย ภาคห้า เป็นบทสรุปและคำถาม-คำตอบที่พบบ่อยสมุดบันทึกแบบบูโจ ไม่จำเป็นต้องสวยงาม สะอาด เป็นระเบียบ ลายมือสวย หรือภาพประกอบสดใส แต่ขอให้เป็นสมุดในแบบของตัวเอง ที่ไม่มีใครเหมือน เหมือนกับตัวตนของคุณเองตัวหนังสือภาคภาษาไทยนี้ออกแบบอย่างเรียบง่ายมากค่ะ แต่โดดเด่นในลักษณะที่เลียนแบบปกของสมุดบันทึก โดยปกหน้าเป็นสีเดียวเรียบ ๆ มีลวดลายดุนนูนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในบูโจ อีกอย่างที่เด่นก็คือคุณเลือกสีของปกหนังสือได้เอง มีให้เลือ 4 สี ได้แก่ สีทองแดงเมทาลิก สีเขียวมินต์ สีเบจ และสีดำกระดาษเป็นแบบถนอมสายตา จัดหน้าออกมาให้อ่านง่ายสบายตา มีภาพประกอบที่ทำให้เข้าใจได้ในหลายบท หนังสือ The Bullet Journal Method | Ryder Carroll เขียน | นรา สุภัคโรจน์ แปล | สำนักพิมพ์ bookscape | ราคา 395 บาท