เราทุกคนต่างรู้ว่ากีฬาเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่คนที่ไม่เล่นกีฬา ไม่ออกกำลังกายก็ยังมีจำนวนมากอยู่เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้เขียน มีปมกับกีฬาอยู่เรื่องหนึ่ง กล่าวคือสมัยเด็กๆเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ตอนนั้นยังเป็นลูกคนเดียว แม่ก็เลยตามใจทุกอย่าง ซื้ออุปกรณ์กีฬาฟุตบอลให้แทบจะทุกอย่าง ตั้งแต่รองเท้า ยันถุงมือผู้รักษาประตู เพื่อนๆแถวบ้านเวลาจะเล่นฟุตบอลทีไร เป็นต้องชวนผู้เขียนไปเล่นด้วยทุกครั้ง เพราะเราเป็นคนเดียวที่มีอุปกรณ์ครบครัน แต่ก็มีอยู่บ้างที่เพื่อนมาชวนไปเล่น แต่เราไม่ไป แต่ให้เพื่อนยืมลูกฟุตบอลไปเล่นแทน ภาพที่ 1 โดย S. Hermann & F.Richter จาก Pixabay จนกระทั่งเข้าสู่โรงเรียนชั้นมัธยมต้น ผู้เขียนเริ่มเรียนโรงเรียนประจำ ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่ อยู่แต่หอพักของโรงเรียน แล้วโรงเรียนประจำก็จะมีกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกัน ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนก็จะพากันไปเตะบอล ตามประสานักเรียนผู้ชาย ด้วยความที่ยังไม่ชินกับการอยู่หอพัก คิดถึงบ้าน ก็เลยต้องหาอะไรเล่นแก้เหงากับเพื่อน พยายามไม่อยู่ตัวคนเดียว เดี๋ยวอาการคิดถึงบ้านจะกำเริบ ส่วนมากก็จะเล่นแต่ฟุตบอล เพราะชอบฟุตบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เกิดอุบัติเหตุผู้เขียนเกิดพลาดไปสกัดลูกฟุตบอลแต่โดนขาเพื่อน ทำให้เพื่อนเสียหลักล้มลง บาดเจ็บ แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น เพื่อนที่บาดเจ็บอยู่นั้นโกรธผู้เขียนอย่างรุนแรงบอกว่า "ถ้าเอ็งเล่นไม่เป็นก็ไม่ต้องมาเล่นเลยดีกว่า" ประโยคนั้น ผู้เขียนจำมันได้ไม่เคยลืม แม้จะผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่เพราะมันไปจี้จุดเข้าอย่างจัง ก็เลยกลายเป็นปมว่า ต่อไปนี้ฉันจะไม่เล่นกีฬาอีกต่อไป ผู้เขียนไม่เล่นกีฬาเลยตลอดช่วงเรียนโรงเรียนมัธยมจนจบมัธยมปลาย ทำให้เริ่มมีสุขภาพแย่ ป่วยบ่อย แต่ด้วยความที่อายุยังน้อย ทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ชีวิตมหาลัย ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ ที่ประเทศอียิปต์ ก็ใช้ชีวิตปกติ จนกระทั่งรับรู้ว่า ภูมิอากาศที่นั้น สภาพแวดล้อม ทำให้ผู้เขียนป่วยบ่อยกว่าเดิม เรียกได้ว่า ทุกเดือนจะต้องมีอาการไข้ขึ้นจนไม่สามารถไปเรียนหลายวัน จนกระทั่งคิดได้ว่า ไม่ได้การล่ะ เราต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองอะไรสักอย่างล่ะ เริ่มต้นด้วยการค้นหาดูในอินเตอร์เน็ตว่าป่วยบ่อย ทำยังไงดี จนไปเจอเน็ตไอดอลคนหนึ่งด้านการออกกำลังกาย เขาเล่าว่า ตัวเขาเองก่อนที่จะเป็นยูทูบเบอร์สอนออกกำลังกายได้แบบนี้ก็เพราะว่า เขาเองเคยป่วยมาก่อน จึงหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เลือกกินมากขึ้น ทำให้สุขภาพดีขึ้น จนคนรอบตัวต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าทำได้ไง จนตัวเองต้องมาเปิดเพจ ทำคลิปลงยูทูบ สอนคนออกกำลังกาย ผู้เขียนเห็นตอนนั้นแล้วว้าวมาก มีแบบนี้ด้วยเหรอ ก็เลยกลายเป็นติ่งของไอดอลคนนั้น ทำตามคลิปออกกำลังกายที่เขาสอน จุดเด่นของเขาก็คือ เป็นคลิปที่ทำตามได้ง่าย อยู่หอพักก็สามารถทำได้ ทำตามไปเรื่อยแล้วระหว่างนั้นก็ส่องไอจีไอดอลคนนั้นด้วย พบว่าก่อนหน้านั้น เขาร่วมงานวิ่งเยอะมาก จึงเริ่มฉุกคิดได้ว่า ทำไมเราไม่เริ่มวิ่งด้วยล่ะ ในเมื่อเรามีเขาเป็นไอดอล และโดยธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ก็ย่อมที่จะลอกเลียนแบบบุคคลที่เรายึดถือเป็นต้นแบบอยู่แล้ว จึงเริ่มฝึกซ้อมวิ่งตั้งแต่ตอนนั้นภาพที่ 2 โดย ผู้เขียน ภาพตอนเข้าเส้นชัยมินิมาราธอนแรกวันนั้น ที่เลือกการวิ่งก็เพราะว่า ผู้เขียนเป็นคนที่อินโทรเวิร์ตสูง และมีปมกับกีฬาฟุตบอลด้วย ทำให้ต้องสรรหากีฬาอะไรก็ได้ ที่สามารถทำคนเดียวได้ ปรากฎว่า วิ่งสามารถทำได้คนเดียว ไม่ต้องรอให้ครบทีมก่อนจึงจะเริ่มเล่นได้ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้เล่นปิงปองบ้างแต่ไม่เวิร์คเพราะต้องคอยหาคนมาร่วมเล่นด้วย จึงตัดสินใจเลือกการวิ่งนี่แหละง่ายสุดแล้ว ก็เลยฝึกซ้อมวิ่งตั้งแต่ตอนนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจองานวิ่งมาราธอนระดับนานาชาติที่อียิปต์ เลยชวนเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีก 2-3 คนไปร่วมวิ่งด้วย ตอนนั้นยังไม่มีนักศึกษาคนไทยร่วมงานวิ่งกับคนอียิปต์มาก่อน ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกเลยทีเดียว สามารถรับชมบรรยากาศงานวิ่งวันนั้นได้ด้านล่างนี้ ภาพที่ 3 โดยผู้เขียน เพื่อนร่วมอุดมการณ์ในงานวิ่งวันนั้น (ขออนุญาติเพื่อนแล้วเรียบร้อย) ส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบวิ่งมาก เพราะเป็นอะไรที่เบสิคดี สามารถเริ่มต้นได้เลย แต่สำหรับคนที่น้ำหนักตัวเยอะ อาจเริ่มด้วยการเดินเร็วก่อนก็ได้ แล้วค่อยเพิ่มความท้าทายไปเรื่อยๆ อย่างส่วนตัวผู้เขียนก็เริ่มวิ่งจากที่มีน้ำหนักตัวเยอะมาก่อน เริ่มด้วยการเดินเร็วๆ จึงค่อยเพิ่มความเร็วไปเรื่อยๆ ทำสลับกัน วิ่งเร็วขึ้นนิดหน่อยสัก 1 นาที แล้วเดินเร็วสัก 2 นาที สลับกันไปมาให้ได้สักครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยเพิ่มไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็สามารถพิชิตมินิมาราธอนแรกในชีวิตได้ภาพที่ 4 โดย ผู้เขียน สนามที่ผู้เขียนใช้ซ้อมวิ่งก่อนลงสนามจริง อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เริ่มเล่นกีฬา ให้เลือกเล่นในสิ่งที่เราชอบ แล้วเราจะทำได้สม่ำเสมอเอง แรกๆก็อาจจะมีท้อบ้าง แต่เราควรคิดไว้ว่า วันนี้เราเล่นกีฬา ออกกำลังกาย เราอาจจะไม่ได้สุขภาพดีขึ้นมาเลยทันที แต่สิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน กำลังนำพาเราไปในทิศทางไหนต่างหากล่ะจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะไปถึงเส้นชัยได้รึป่าว นี่ต่างหากที่สำคัญ เพราะสมมุติวันนี้เราอาจจะสุขภาพดีอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ดูแลสุขภาพให้ดี สักวันเราอาจจะป่วย สุขภาพแย่ลงก็เป็นได้ ฉะนั้นแล้วขอให้เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดเป็นพอ แล้วปลายทางจะเป็นคนบอกเราเองว่าเรามาถูกทางหรือไม่ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ เครดิตภาพปกโดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !