องค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ได้เปิดเผยว่า ในปี 2019 ที่ผ่านมา ประเทศจีน ได้ยื่นขอสิทธิบัตรมากที่สุดในโลก แซงสหรัฐอเมริกา ซึ่งครองแชมป์มากว่า 40 ปี เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ได้รายงานว่า ประเทศจีนได้ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรระหว่างประเทศ ภายใต้สนธิสัญญา PCT ถึง 58,990 คำขอ ซึ่งได้แซงหน้าอเมริกาที่ได้ยื่นไป 57,840 คำขอ กลายเป็นครองแชมป์แซงหน้าอเมริกาไปได้ ซึ่งองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้กล่าวอีกว่า ย้อนไปในปี 1999 จีนเพิ่งจะมีการยื่นขอสิทธิบัตรไปเพียง 276 คำขอเท่านั้นเอง !! ซึ่งในปี 2019 ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้มีตัวเลขการยื่นขอสิทธิบัตรเพิ่มขึ้นถึง 200 เท่า โดยใช้เวลาเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกได้ นอกเหนือจากนี้ ในรายงานยังระบุอีกว่า ผู้ที่จดสิทธิบัตรภายใต้สนธิสัญญา PCT 5 อันดับแรกในปี 2019 นอกเหนือจากจีนและอเมริกาก็คือ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอันดับที่ 3 จำนวน 52,660 คำขอ เยอรมนี เป็นอันดับที่ 4 จำนวน 19,535 คำขอ และเกาหลีใต้เป็นอันดับที่ 5 จำนวน 19,085 คำขอ ถ้านับเป็นบริษัทแล้ว บริษัท Huawei ของจีน มีการยื่นขอจดถึง 4,411 คำขอเลยทีเดียว รองลงมาก็จะเป็นบริษัทมิตซูบิชิอิเล็คทริคคอเปอเรชั่นของญี่ปุ่น จำนวน 2,661 คำขอ และบริษัมซัมซุงเป็นอันดับที่ 3 จำนวน 2,334 คำขอ จะเห็นได้ว่า ประเทศจีนนั้นแซงในทุกๆทาง เมื่อนับจำนวนสิทธิบัตรรวมกันทั้งหมดของจีน ที่มีกว่า 25,219,000 รายการ เทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดของจีน จะเทียบได้ว่า คนจีนทุกๆ 10,000 คน จะเป็นเจ้าของสิทธิบัตรถึง 13.3 รายการเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นการบ่งบอกว่า ประเทศจีนนั้นมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากการเอาจริงเอาจังกับการเป็นผู้นำโลกในด้านเทคโนโลยี ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลเรื่องนี้สำคัญกับเรามาก เพราะถ้าย้อนกลับมามองในประเทศไทยแล้ว จำนวนงานวิจัยที่ได้รับสิทธิบัตรของประเทศเรานั้นมีอยู่น้อยมากๆ และยังมีบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีอยู่ไม่เยอะ ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมประเทศเราถึงไม่สามารถเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีได้ ถ้าอยากจะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี และสร้างรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น ไทยเราควรเอาจีนเป็นแบบอย่าง เร่งพัฒนางานวิจัยที่สามารถใช้ต่อยอดความสามารถของประเทศเรา เหมือนประเทศจีนที่ใช้ความพยายามอย่างจริงจังเพียงแค่ไม่กี่ปี ก็สามารถที่จะแซงมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้แล้ว และยังสามารถที่จะต่อยอดสิ่งเหล่านี้กับสินค้าต่างๆ เพื่อพัฒนาขีดการค้าให้มากขึ้นได้อีกด้วย Credit Picture Picture1: Link / Picture2: Link / Picture3: Link / Cover Picture: Link