ทางการจีนได้มีการร่างแนวทางกฎหมายขึ้นมาใหม่ ห้ามประชาชนบริโภคเนื้อสุนัขและแมว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะจะเป็นครั้งแรกที่มีการห้ามในเรื่องนี้ คนจีนถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของการระบาดไวรัสโควิด-19 จึงทำให้จีนต้องผลักดันมาตรการอะไรซักอย่างออกมาบ้าง ถือว่าป็นการเริ่มต้นที่ดี ถึงแม้ว่าจะห้ามแค่เนื้อสุนัขและเนื้อแมวแต่เชื่อว่าในอนาคตน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการบริโภคสัตว์ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะสัตว์ป่าเพราะถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่มนุษย์ วัฒนธรรมการกินเนื้อสุนัขในหมู่คนจีนยังคงแพร่หลายโดยเฉพาะเมืองที่มีอากาศหนาว เพราะพวกเขาคิดว่าเนื้อสุนัขก็เหมือนกับเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ กินแล้วมีประโยชน์ ช่วยคลายหนาว หรืออาจจะอร่อยกว่าด้วยซ้ำ และเป็นสิ่งที่ทำกันมายาวนานไม่ใช่เรื่องที่ผิด เวียดนามก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ยังมีผู้คนนิยมกินเนื้อสุนัข ส่วนใหญ่จะอยู่ตามต่างจังหวัดซึ่งในอดีตกินเพราะเป็นความเชื่อและการขาดแคลนอาหารช่วงหลังสงคราม แต่ปัจจุบันความเชื่อและความชื่นชอบเนื้อสุนัขในเวียดนามกำลังเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่หันมาเลี้ยงสุนัขมากกว่าบริโภค เมื่อเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางการจีนได้สั่งห้ามค้าสัตว์ป่า หลังพบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจเชื่อมโยงมาจากสัตว์ป่าในตลาดเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน สันนิษฐานเบื้องต้นเชื้อโรคอาจมาจาก ค้างคาว งู หรือ ตัวนิ่ม การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สร้างความเสียหายไปทั่วโลกส่งผลให้กระทรวงเกษตรของจีนได้เริ่มร่างกฎหมายใหม่เป็นข้อกำหนดขึ้นมาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยด้านอาหาร โดยการจัดประเภทให้สุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงแทนปศุสัตว์ ความหมายของปศุสัตว์คือ สัตว์เศรษฐกิจที่มนุษย์นำมาเลี้ยงเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เช่น เพื่อใช้งาน เพื่อเป็นอาหาร เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนชาวจีนทั้งประเทศไม่สามารกินเนื้อสุนัขและแมวได้อีกต่อไปก่อนหน้านี้เมืองเซินเจิ้นถือเป็นเมืองนำร่องห้ามกินเนื้อสุนัขและแมวเป็นเมืองแรก หลังจากนั้นได้มีบริษัทค้าเนื้อสุนัขในจีนออกมาต่อต้านกฎหมายดังกล่าวของเมืองเซินเจิ้น โดยพวกเขาอ้างว่ามันเป็นการขัดต่อวัฒนธรรมที่มีมายาวนานและทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม สำหรับประเทศไทยเราไม่นิยมกิน แต่มักมีการลักลอบส่งออกเนื้อสุนัข โดยเฉพาะในแถบภาคอีสาน พ่อค้าเนื้อสุนัขจะลำเลียงผ่านชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งต่อไปที่เวียดนามและจีน หากจีนประกาศใช้กฏหมายนี้ ปัญหาการลักลอบส่งออกเนื้อสุนัขในไทยคงยังมีอยู่แต่น่าจะลดลง เพราะการลักลอบส่งออกของบ้านเราส่วนใหญ่ส่งไปที่เวียดนามมากกว่าจีน ถึงแม้อาจถูกจับกุมแต่พ่อค้าเนื้อสุนัขก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวซักเท่าไหร่เพราะบทลงโทษไม่ได้รุนแรงมากนัก กลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่มนุษย์จะกินเนื้อสุนัขหรือแมวเป็นอาหาร เพราะมองว่าพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวไม่ควรนำมากิน แต่สำหรับกลุ่มที่ยังนิยมกินนั้นพวกเขากินเพราะเป็นวัฒนธรรมความเชื่อ ความเคยชิน หรือความชอบที่ทำตาม ๆ กันมา อย่างไรก็ตามร่างกฏหมายนี้ยังไม่ผ่าน ยังอยู่ในช่วงที่ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าผ่านแล้วทางการจีนประกาศใช้จะส่งผลกระทบกับหลากหลายอาชีพที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิต ผู้คนเกิดการต่อต้าน อาจเกิดปัญหาการลักลอบค้าสุนัขและแมวอย่างผิดกฏหมายในจีนตามมา บทสรุปจะเป็นอย่างไรต้องรอติดตาม แต่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมากที่สุดคือ เพื่อนซี้สี่ขาของเรานั่นเอง ถ้าพวกมันรับรู้ข่าวนี้คงดีใจมากกว่าใครเพื่อนไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะรอลุ้นและเตรียมฉลองถึงการสิ้นสุดของภัยร้ายตัวฉกาจพร้อมกับฝันถึงโลกใบใหม่ที่สดใสกว่าเดิม ขอบคุณรูปภาพประกอบ รูปประกอบที่1 / รูปประกอบที่ 2 / รูปประกอบที่ 3 / รูปประกอบที่ 4 / รูปประกอบที่ 5 / รูปประกอบที่ 6