สำหรับใครหลายๆ คนอาจจะใช้เวลาว่างหมดไปกับการทำกิจกรรมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ฟังเพลง ดูซีรี่ย์ที่ตัวเองชื่นชอบ หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด แต่เวลาว่างสำหรับเรา มักจะหมดไปกับการอ่านหนังสือ มีหนังสือหลายประเภทที่เราสนใจ อย่างเช่น หนังสือความรู้ทั่วไป การ์ตูน วรรณกรรมเยาวชน และนิยายเราอ่านนิยายได้ค่อนข้างหลายแนว ทั้งนิยายรัก นิยายแนวสยองขวัญ และอื่นๆ แต่ถ้าถามถึงนิยายที่เราอ่านบ่อยที่สุดก็คงเป็นนิยายรักวัยรุ่น เราอ่านได้ทั้งที่เป็นผู้ชายคู่กับผู้หญิง [ Normal Love ] และความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย [ Boy Love / Yaoi ] หรือที่ทั่วไปรู้จักกันว่านิยายวายนั่นเอง แต่นิยายวายไม่ได้มีแค่ความรักของผู้ชายด้วยกัน แต่ยังมีความรักของผู้หญิงกับผู้หญิงที่เรียกว่า [ Girl Love / Yuri ] อีกด้วย ถ้าเทียบกับสมัยก่อน นิยายวายไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับเท่าไหร่นัก การซื้อขายก็ค่อนข้างจะระมัดระวังกันพอสมควร ซึ่งต่างกับในปัจจุบันที่เราสามารถหาซื้อนิยายวายได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปเราอ่านนิยายวายมาหลายเรื่อง จนมาถึงนิยายเรื่องนึงที่ทำให้เรารู้สึกว่านักเขียนคนนี้เก่งจัง ทั้งๆ ที่อายุยังน้อย แต่สามารถเขียนนิยายที่ทำให้เรามองสิ่งรอบๆ ตัวเปลี่ยนไป ทัศนคติการมองโลกของเราดีขึ้นกว่าเดิม และนี่คือจุดเริ่มต้นที่เราคิดจะเขียนนิยายแบบจริงจังสักเรื่อง การเริ่มต้นเขียนนิยายของเรา มันเริ่มมาจากสิ่งที่เราอยากอ่าน ซึ่งไม่เคยเจอในนิยายเรื่องอื่นๆ พอคิดได้แบบนั้นเราก็เริ่มลงมือเขียนโดยตั้งใจว่าจะเขียนเก็บเอาไว้ก่อนจะนำไปเผยแพร่ การเขียนนิยายเรื่องแรกมันยากมากจริงๆ มันคือการลองผิดลองถูก เรายังจำความรู้สึกแรกที่เขียนบทที่ 1 จบได้เลย ในหัวตอนนั้นมันมีประโยคที่ว่า “ทำได้หนิ เก่งเหมือนกันนะ เขียนมาถึงตอนนี้จะหยุดไม่ได้แล้วนะ”จากวันที่เขียนนิยายเรื่องแรกก็ผ่านมา 2 ปีแล้วล่ะ สำหรับการเป็นนักเขียน เราอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ แต่เรามีเทคนิคที่คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่เริ่มจะเขียนนิยายเป็นของตัวเองมาดูเทคนิคเหล่านั้นกันเลยค่ะ 1. การวางโครงเรื่องค่อนข้างเป็นพื้นฐานนะคะสำหรับการวางโครงเรื่องเอาไว้ การวางโครงเรื่องจะช่วยป้องกันการเขียนออกทะเลหรือที่เรียกว่าการเขียนไปเรื่อยๆ นั่นเอง เริ่มแรกเราต้องคิดคร่าวๆ ว่าเรื่องที่เราเขียนจะเป็นแนวอะไร ให้อารมณ์ประมาณไหน เหตุการณ์อะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นในนิยายของเรา การวางโครงเรื่องนั้นให้แบ่งออกเป็น 3 ช่วงค่ะ- ส่วนแรกหรือส่วนเปิดเรื่อง : การเขียนเปิดเรื่องอาจจะเป็นอะไรที่ยากสำหรับมือใหม่ เพราะหลายคนไม่รู้ว่าจะเขียนยังไง ในส่วนนี้อาจจะเริ่มจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์นึง หรือการแนะนำตัวละคร ตัวอย่างเช่น....(เปิดในรูปแบบของเหตุการณ์ - เครดิตจากนิยาย เรื่อง MASCOT แต่งโดยผู้เขียนเอง)ผมรู้ว่าทุกคนต้องเคยตื่นสายแต่....เคยตื่นสายแล้วหากางเกงนักเรียนไม่เจอเหมือนผมไหมครับอยู่ไหนวะผมคุ้ยหากางเกงนักเรียนตัวเองทั่วทั้งห้อง แต่ก็ไม่เจอเลย ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน ถ้าจำไม่ผิดตอนที่ซักแล้วเอาไปรีดก็แขวนไว้ในตู้ป้ะวะ แล้วมันจะหายไปไหนได้ นอกจากจะมีใครหยิบไป แหม แล้วก็หยิบไปถูกวันซะจริงนะ ไอ้วันที่ผมตื่นเช้าๆ นี่ก็ไม่หยิบหรอก มาหยิบเอาวันที่ตื่นสายเนี่ยะปวดจิตปวดใจหลังจากส่วนนี้เราสามารถตัดเข้าการแนะนำตัวละครหรือการเขียนบรรยายอื่นได้เลยค่ะ สิ่งสำคัญของการเปิดเรื่องในบทแรกนั้นจะต้องประทับใจและทำให้คนที่เข้ามาอ่าน เข้าใจในสิ่งที่เราเขียน เพราะบทแรกเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจว่าเขาจะอ่านบทต่อไปรึเปล่า- ส่วนกลางเรื่องหรือจุดไคลแมกซ์ : เรียกอีกชื่อคือการสร้างปมเรื่องก็ได้ค่ะ ทฤษฎีการเขียนบท การเล่าเรื่องแบบ Storytelling สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเขียนนิยายได้ อย่างการเขียนภาพยนตร์มันจะต้องมีฉากที่เป็นปมหรือจุดไคลแมกซ์ใช่ไหมคะ ตัวนิยายเองก็มีเหมือนกัน ควรคิดถึงเหตุการณ์ใหญ่เอาไว้สักหนึ่งอย่างและดำเนินเรื่องไปให้ถึงจุดนั้น จากที่เราเขียนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องปัญหา ไม่ว่าจะปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์หรืออื่นๆ สร้างปัญหาเพื่อให้ตัวละครตามแก้ และนำไปสู่ส่วนท้ายค่ะ- ส่วนท้ายหรือบทสรุป : เป็นส่วนที่เรื่องต่างๆ คลี่คลายลงแล้วและต้องดำเนินไปถึงจุดจบนะคะ ในส่วนนี้ก็ค่อนข้างยากและเป็นปัญหาสำหรับนักเขียนมือใหม่หลายๆ คน อย่างวิธีของเราคือใช้การคิดบทจบไว้ตั้งแต่แรก คิดฉาก คำพูด และการกระทำต่างๆ เอาไว้ ในนิยายของเราที่เขียนส่วนมาก บทส่งท้ายคือ Time Skip ค่ะ ใช้การข้ามเวลาอย่าง ผ่านไป 1 ปี....หลายเดือนผ่านไป....คือทุกเรื่องเลยค่ะที่เขียนเองจะใช้วิธีนี้ ในบทส่งท้ายที่เป็นการ Time Skip เราจะสามารถเอ่ยถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ สรุปเรื่องราวต่างๆ และสิ่งสำคัญของบทจบก็คือจบให้เขารู้สึกประทับใจเหมือนกับครั้งแรกที่เขาอ่านค่ะ 2. แนวคิดในการเขียนเรื่องเขียนนิยายเรื่องแรก เขียนเรื่องที่เราอยากอ่านดีที่สุดค่ะ สำหรับมือใหม่อาจจะต้องแนะนำว่าถ้าเขียนจบบทแรกให้หาใครสักคน อาจจะเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักที่อ่านนิยายแนวที่เราเขียน ให้เขาช่วยอ่านและให้ความเห็นค่ะ ในเรื่องของการบรรยาย การใช้ภาษา คำแนะนำที่ได้มานั้นต้องนำมาประยุกต์ใช้นะคะ 3. มั่นใจในตัวเองเขียนนิยายเรื่องแรกต้องมีบ้างแหละที่คิดว่ามันจะดีพอรึเปล่าสิ่งที่เขียนไปมันจะเทียบกับของคนอื่นได้ไหมการคิดแบบนี้อาจจะมีเข้ามาบ้างนะคะในช่วงแรก วิธีของเราคือช่วงที่เขียนนิยายแรกๆ เราไม่อ่านนิยายของคนอื่นเลยค่ะ ไม่อ่านเลยจนกว่าจะเขียนจบ การไม่อ่านนิยายของคนอื่นมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น- การใช้ภาษาและคำพูด ไม่ติดของใครมา- เหตุการณ์หรือโครงเรื่อง ถ้าสมมุติว่าเราคิดฉากนึงเอาไว้ แล้วไปอ่านนิยายของคนอื่นที่มีฉากนั้นเหมือนกัน เราก็จะอ่าว มีคนเขียนแบบนี้ไปแล้ว ทำยังไงดี คือพล็อตนิยายหรือเหตุการณ์ในนิยายเนี่ยะ มีซ้ำกันเป็นหมื่นค่ะ สำคัญคือเหตุการณ์เดียวกัน แต่เล่าเรื่องยังไงให้ต่าง เล่ายังไงให้น่าสนใจและมีเสน่ห์มากที่สุดความมั่นใจเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องสร้างมันให้ได้นะคะ เวลาที่รู้สึกว่ามั่นใจ อะไรๆ เราก็จะทำได้ค่ะ 4. ความอดทนใช้กับทุกอย่างค่ะ ไม่ว่าจะตอนเขียนนิยาย ตอนนำไปเผยแพร่ ตอนได้รับฟีดแบ็ก คนเป็นนักเขียนต้องมีความอดทนและใจเย็นในระดับนึง จากประสบการณ์ของเรา ช่วงเวลาที่ต้องอดทนและใจเย็นมากที่สุดคือช่วงที่ได้รับคอมเม้นต์รุนแรงค่ะ รุนแรงในที่นี้หมายถึงคอมเม้นต์ที่เป็นด้านลบ ไม่สามารถนำไปพัฒนาตัวนิยายของเราให้ดีขึ้นได้ คือต้องยอมรับก่อนว่าเขียนนิยายมันไม่มีทางถูกใจคนทุกคนได้ มีคนที่ชอบและไม่ชอบนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ในส่วนของการตอบโต้นั้น ทำได้ค่ะ แต่ต้องใช้เหตุผลชี้แจง ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายคือเราไม่สามารถด่าเขากลับได้นะคะ อาจจะอาศัยการลบคอมเม้นต์นั้นออกไปจากหน้านิยายของเราเลย ทำแบบนั้นแล้วเราจะสบายใจขึ้นค่ะ 5. แรงจูงใจคล้ายๆ เป้าหมายค่ะ การสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองเขียนนิยายจนจบอาจจะมาจากอยากเห็นนิยายของตัวเองเป็นเล่ม อย่างของเรา แรงจูงใจแรกคืออยากทำให้ได้เหมือนกับนักเขียนที่เราชอบ ต่อมาจะเป็นอยากเห็นหนังสือของตัวเองได้มีโอกาสวางขายอยู่ในร้านหนังสือ อยากไปเขียนลายเซ็นที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติบ้าง ซึ่งแรงจูงใจเหล่านี้มันช่วยได้มากจริงๆ ให้เราเขียนนิยายจบนะคะ โอเคมันอาจจะไม่ใช่นิยายเรื่องนี้ทันทีหรอกที่จะได้ออกเป็นหนังสือเล่ม แต่ถ้ายังเขียนต่อไปเรื่อยๆ มันต้องมีสักเรื่องแน่นอนที่ทำได้ตามอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ค่ะ 6. สาระประโยชน์นิยายเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนแต่มันสามารถแทรกสาระประโยชน์ทั่วไปหลากหลายนะคะ เรื่องความรู้ เรื่องทัศนคติ ส่วนเล็กน้อยที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง การหยิบข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาใช้ หากเพื่อการศึกษาเพิ่มเราควรให้อ้างอิงไว้ตอนท้ายเสมอค่ะ อันนี้สำคัญ นิยายเนี่ยะ นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับนึง ต้องไม่เสียดสีหรือเป็นการเหยียดบุคคลใดบุคคลนึง เรื่องนี้ต้องพึงระวังค่ะ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะสำหรับแนวปฏิบัติและแนวคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่เรานำมาฝาก อันนี้คือคร่าวๆ จากประสบการณ์ที่ตัวเองผ่านมานะคะ แต่ว่าทั้งหมดนี้มันจะเป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้น ปัญหาและความรู้สึกหลายอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักเขียนมือใหม่ บางครั้งก็จะต้องหาทางออกและวิธีการจัดการตัวเองนะคะ สำหรับใครที่เริ่มเขียนนิยาย เราขอให้สู้ๆ นะคะ มั่นใจในตัวเองเอาไว้ให้มาก เดี๋ยวทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางเองค่ะ