เปิดมาด้วยโทนของความเย็นต่อจากพาร์ทแรกแฝงความหนาวอย่างต่อเนื่องนะคะ จ๊านน :D ตามสัญญาในพาร์ทที่สองเราจะมาเล่าถึงมหาวิทยาลัยและกิจกรรมที่ได้ทำในช่วง Welcome week กันนะจ๊ะ (ขอบคุณภาพมหาลัยจาก Yuii น้องสาวที่น่ารักผู้ร่วมชะตาไปกับเราด้วยนะค้าบ) และนี่คือมหาวิทยาลัยที่เราไปเรียนแลกเปลี่ยน (ภาพซ้าย) Tallinn University of Applied Sciences หรือ TTK University นั่นเอง ภาพที่เห็นคือวันแรกของวันเปิดเทอมด้วยสภาพอากาศ -14 องศา เวลา 08.00 น. ของที่นั่น มหาวิทยาลัยค่อนข้างจะเน้นไปทางวิศวะกรรม และวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่นะคะ มอเราอยู่ใจกลางเมืองเลย นั่งรถราง (Tram) สาย 4 ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้วจ้า ^O^ ส่วนรูปขวาเป็นสำนักงานราชการ Ministry of Social Affairs ของเอสโตเนียฮับบ ตอนถ่ายคือเห็นตึกสวยเลยถ่ายมาด้วย แฮ่ สภาพอากาศคือหนาวจนมือสั่น ภาพที่ได้ออกมาเลยอาจจะเบลอไปบ้างนะฮับ TT ภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งของด้านในมหาวิทยาลัย เราชอบตรงที่ทุกช่วงทางเดินระหว่างไปไหนจะมีภาพถ่ายหรือศิลปะให้เราดูตลอดเลย แต่แปงกี้ผู้ชอบซึมซับผลงานเอาไว้ในใจเลยไม่ได้ถ่ายภาพมาเท่าไหร่ T^T จริงๆ แล้วพอเราเข้ามอปุ๊บ เค้าจะมีห้องให้เราเอาเสื้อโค้ทตัวหนาเราไปแขวนเก็บไว้ก่อนนะ จะได้ไม่ต้องแบกไปมาระหว่างที่เรียนกัน เพราะในมหาวิทยาลัยค่อนข้างอุ่นอยู่แล้ว ส่วนภาพที่มีโซฟาสีเขียวๆ คือโซนพักผ่อนของนักศึกษา ถ้าหากไม่มีคลาสหรืออยากมาทำการบ้านตรงนี้ก็ย่อมได้ แต่ตอนที่แปงกี้ถ่ายภาพตอนนั้นเป็นเวลาห้าหรือหกโมงเย็นไปแล้วเลยไม่ค่อยมีใครมานั่งเล่นกัน ฟีลเฟ้งฟ้างไปเลยค้าบ TT แต่ก็ไม่ได้เคว้งคว้างนานเพราะเราไม่ได้เรียนในตึกหลักของมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ แฮ่ หลายคนมาเห็นภาพข้างบนอาจจะงงเล็กน้อยว่ามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แล้วเสื้อผ้ามาเกี่ยวอะไร เฉลยตรงนี้ว่าเกี่ยวแน่ค้าบ เพราะแปงกี้มาเรียนคณะ Institute of Clothing and Textile เกี่ยวกับเสื้อผ้าและสิ่งทอนั่นเองค่า เซอร์ไพรส์ ^O^ เพราะคณะของเราในแลปที่จะต้องเย็บเสื้อผ้าถูกแยกออกไปอีกที่หนึ่ง ดังนั้นวันไหนมีวิชาเรียนที่ตึกหลักเสร็จ เราจะต้องไปขึ้นรถเมล์ต่อไปอีกที่หนึ่ง (ซึ่งแปงกี้ก็ไม่ได้ถ่ายภาพมาอีกตามเคย TT) เปิดมาเทอมนี้เราเลือก Men's wear Project ไว้ คือเรียนเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้าบุรุษนั่นเองฮับ เราค่อนข้างประทับใจของเครื่องมือในการเรียนและเตรียมพร้อมให้แก่นักศึกษาที่นี่ อาจารย์ก็ใจดีมากๆ เพราะสาขาที่แปงกี้เรียนในไทยจะเน้นทำงานออกแบบ เกี่ยวกับการสร้างไอเดียมากกว่าเย็บเสื้อผ้า งานนี้เลยต้องรบกวนอาจารย์แบบมากๆ เลย TOT หลังจากที่เราได้ แพทเทิน* แบบของชุดเสร็จแล้วก็ถึงขั้นตัดผ้าและเย็บตามกระบวนการ นาทีนี้แปงกี้ก็ได้รู้แล้วว่าทำไมเสื้อกั๊กสำหรับใส่ออกงานแบบที่เราเห็นในหนังต่างประเทศถึงได้แพงนัก!! (ไม่ใช่หรอกแปงกี้เย็บเสื้อผ้ากากเอง ฮ่าาา) ส่วนตัวเราคิดว่าตารางเรียนค่อนข้างสบายมากกว่าที่ไทยนะคะ เพราะวิชาโปรเจคจะถูกแบ่งเรียนเป็นแบบอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เท่ากับว่าแปงกี้จะต้องรีบทำกั๊กตัวนี้ให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ และหลังสัปดาห์แรกมหาวิทยาลัยจัดทริป Welcome Week ต้อนรับนักศึกษาภาคอินเตอร์ไปอบซาวน่าท่ามกลางอากาศหนาวให้ฟินร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่นอีก เกียมเก็บของกันดีกว่า เราจะไปลุยหิมะสะอาดๆ แถบชานเมืองที่ Mustjõe กันนนน *แพทเทิน = การขึ้นตัวอย่างแบบตัดเสื้อผ้าด้วยกระดาษ เป็นขั้นตอนสำคัญและแรกเริ่มในการทำเสื้อผ้าทั้งหมด ตัดภาพตอนมาถึง Mustjõe เรียบร้อยฮับบบ จริงๆ เราเดินทางมาด้วยรถไฟความเร็วสูงจากในเมืองมาถึงที่นี่ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า (เสียค่าตั๋วประมาณ 3 หรือ 5 ยูโรฮับ) ผู้ดูแลนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแนะนำมาว่า ที่นี่มีห้องซาวน่าเยอะมากๆ มีทั้งแบบอบไอร้อนปกติ และแบบควัน (ลืมชื่อเรียกไปแล้ว TT) และก็มีอ่างน้ำร้อนให้เราลงไปแช่กันด้วยนะ เมื่อมาถึงเจ้าของรีสอร์ทก็พาเราเดินเที่ยงชมบริเวณรอบ ซึ่งหิมะก็หนามากแต่ไม่เท่าหน้าแปงกี้ (พ้าม) เดินไปสั่นไป ดีที่หิมะไม่ตกลงมาเพิ่มแต่ลมแรงใช้ได้เลยฮะ ภาพที่ถ่ายได้ต้าวยุ้ยคนเดิมเพิ่มเติมคืออยู่หน้าห้องซาวน่า เดินไปเก็บรูปไป ถามว่าทำไมไม่มีรูปแปงกี้ อ๋อแปงกี้เน้นถ่ายวิวอย่างเดียวเลยไม่ค่อยมีรูปตัวเอง 55555 คุณทรินน์ (คนคอยดูแลแปงกกี้กับน้องระหว่างที่ไปเรียน) ได้บอกว่ารีสอร์ทนี้ควรมาทั้งหน้าร้อนและหน้าหนาว ความรู้สึกในการอบซาวน่าจะต่างกัน อีกอย่างสามารถลงเล่นธารน้ำใกล้ๆได้ถ้าหากเรามาตอนหน้าร้อน เพราะราคาที่พักสำหรับเราคิดว่าไม่แพงนะคะ เพราะรีสอร์ทมีห้องพักที่มีห้องน้ำในตัว และอาหารเช้าให้พร้อม อีกทั้งยังรวมซาวน่าแล้ว อยู่ที่ราคาโดยประมาณ 16-20 ยูโรขึ้นไป ใครที่เป็นสายซาวน่าชอบอบตัวแนะนำมาที่นี่เลยฮะ ถ้ามาหน้าหนาวก็วิ่งไปกระโดดลงหิมะก่อนแล้ววิ่งมาเข้าซาวน่าต่อได้ แต่ต้องดูดีๆ น้าา บางทีหิมะอาจจะบาดได้นะคะ :D จ๊านนน ในที่สุดแปงกี้มีภาพแล้ว 5555 หน้าอ้วนๆ เสื้อขาวก็ข้ามไป ถัดจากแปงกี้คือเพื่อนจากฟินแลนด์ที่ใจดีมากๆ เลย ชวนคุยเก่งด้วย แปงกี้กับน้องเลยได้ใช้ภาษามากขึ้นจากตอนแรกที่ไม่ได้คุยกับใครเท่าไหร่ ♥ ในส่วนของห้องอาหารเราไม่แน่ใจรายละเอียดว่าทางมหาวิทยาลัยได้คุยกับทางรีสอร์ทไว้ก่อนหน้าแล้วรึว่ายังไง เพราะอาหารดีต่อใจมากเลย จริงๆ เรามีรูปอาหารแต่ถ่ายมาไม่ครบเลยเอารูปรวมบนโต๊ะมาเลย TT ที่นี่เค้าจะเน้นทานคู่กับมันฝรั่งมากกว่าข้าวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะซุปหรืออะไรก็ตามจะทานกับมันฝรั่งเกือบหมดเลยค่ะ อาหารพื้นเมืองของที่นี่เราได้ทานซุปคู่กับขนมปังขึ้นชื่อของที่นี่ เรียกว่า Karask ทานกับอะไรก็อร่อยหมดเลย เลอค่ามาก (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ขออภัยในความหิวนี้T^T) ถ้าใครได้ไปเอสลองหาชิมกันได้นะค้า :D ในส่วนของห้องที่เป็นวงกลมเล็กๆ แฮ่ ในภาพเลยคือมันเหมือนบ้านกระท่อมเล็กๆ มีเตียงนอน ฟูกนุ่มโอเคอยู่นะแต่ไม่มีผ้าห่ม แงง เราใช้ผ้าพันคอกับเสื้อโค้ทห่มเอางับ แต่ว่าใต้เตียงตอนกลางคืนทางรีสอร์ทจะเปิดฮีทเตอร์ให้ทุกห้องอยู่แล้วเลยค่อนข้างอุ่นอยู่ ไม่งั้นแปงกี้ได้เป็นปลาแช่แข็งแน่ๆ ส่วนห้องน้ำเล็กๆ ก็จะมีผ้าม่านกันน้ำกระเด็นใกล้ๆ ให้เราใช้ แต่ว่าแปงกี้กับน้องนอนห้องคู่เลยได้ห้องอาบน้ำแบบดีกว่าห้องเดี่ยวไป อาบน้ำไม่ต้องกลัวน้ำกระเด็นโดนของ แฮ่ :) ตัดภาพมาตอนเช้าเพราะกลางคืนเราไปทั้งซาวน่าและแช่อ่างน้ำร้อนเรียบร้อนก็กลับมานอนหลับสบายเลยฮับ ช่วงแรกๆ สำหรับคนไทยอย่างเราที่อยู่ข้างนอกก็เหมือนซาวน่าแล้วเลยไม่จำเป็นต้องไปหาห้องอบที่ไหนเลยต้องค่อยๆ ปรับตัวในการเข้าใช้ครั้งแรกนะฮะ 55555 แนะนำเลยนะสำหรับใครเข้าครั้งแรก ถ้าหายใจไม่ออกให้ออกมาสูดอากาศข้างนอกก่อน เพราะมันอบมากจริงๆ TT อบแบบหายใจเกือบไม่ออก แต่พอนั่งไปสักพัก คุยกับเพื่อนไปด้วยก็เริ่มดีขึ้น แฮ่ แต่เราอยากลองแช่อ่างน้ำร้อน เพราะมันเป็นหม้อใบใหญ่ๆ แล้วจุดเตาถ่านข้างล่างหม้อ จากนั้นเราก็ลงไปแช่ได้เลย ตอนแรกแอบคิดว่ามันจะร้อนเกินไปมั้ย แต่ด้วยสภาพอากาศข้างนอกที่หนาวมากๆ และมีหิมะโดยรอบทำให้อ่างนั้นกลายเป็นน้ำอุ่นจ้า อเมซิ่งมากก นั่งแช่ไปเพลิน ดูดาวไปด้วยงี้ ส่วนภาพบนเป็นช่วงเช้าที่หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ คุณทรินน์ได้ถามว่าเราอยากลองเล่น Snow angel มั้ย ตอนแรกก็ยังงงๆ หน่อย แต่พอได้ลองทำตามเท่านั้นแหละ ฮรุกก ครั้งหนึ่งในชีวิตต แปงกี้นอนแผ่ท่ามกลางหิมะนุ่มๆ และสวมวิญญาณกระหังกระพรือปีก... เอาใหม่ แค่กวาดแขนขาขึ้นลง 5555 ทำเหมือนในหนังที่เราดูเลยย ความรู้สึกคือฟินม้าดด >< จริงๆ ตอนเราอยู่ในเมืองมันก็มีหิมะตกแต่ไม่ค่อยมีใครเล่นเพราะหิมะไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่งับ ถ้าจะลงไปดิ้นเดี๋ยวจะเป็นจุดสนใจเกินไป เราชาวเอเชียตัวน้อยๆ เลยคล้อยตามประชาชนที่นั่นดีกว่านะฮะ ^O^ ปิดท้ายด้วยก่อนกลับทริป Welcome Week เราได้มาดูคอกม้าเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ขายาวแบบม้าไทยที่เราเคยชินกันแต่ก็น่ารักมั่กๆ หน้าหนาวแบบนี้น้องๆ เลยกินได้แค่หญ้าต้นเล็กๆ จากเจ้าของรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ฮับบ ส่วนน้ำน้องจะกินจากหิมะเลยเค้าบอกมาแบบนี้ *-* ซึ่งคุณทรินน์ก็บอกว่าหิมะที่นี่สามารถกินได้จริงๆ ไม่จ้อจี้ เพราะมันเป็นเมืองที่ติดกับภูเขาและใกล้โซนป่าไม้ไม่โดนมลภาวะแบบในเมือง ทำให้หิมะที่นี่คลีนมากกว่าแบบสังเกตได้ชัดเจนเลยค่ะ หิมะที่นี่ละเอียดแบบบิงซูเลย คุณทรินน์ว่าจบก็กินให้เราดูเลยจ้า นี่สิของจริงง ♥ ทริปนี้ทำให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ อีกเยอะเลย ยิ่งเห็นภาพยิ่งคิดถึงงงง T^T วันนี้ขอจบพาร์ทสองไว้เพียงเท่านี้ และพาร์ทต่อไปเราจะพาไปเที่ยว Old town + ปาร์ตี้ในแชร์เฮาส์กันนนน ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนน้าา ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ร้ากกกกกก ♥♥♥♥♥♥♥ ภาพปก ภาพประกอบและเนื้อหาจาก Papanggy