ชมของเก่า อดีตของเราที่อินทร์บุรีวารุ วิชญรัฐ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ใคร ๆ ก็รู้จักแต่ว่าเป็นเมืองผ่าน แปลว่าผ่านไปยังเมืองอื่น ๆ ที่ใหญ่และไกลออกไป และไม่ค่อยมีคนรู้เท่าไรว่าที่นี่ก็มีอดีตเก่าแก่นับพันปีที่ได้เจริญเป็นชุมชนของมนุษย์มาช้านาน แต่ที่เราจะรู้ได้ ก็เพราะมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรีนี่ล่ะ ถ้าไม่ได้สนใจประเด็นโบราณคดีหรือประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ ก็คงเลยผ่านไป แต่เราจะมาบอกคุณๆ ว่าที่นี่เก็บเรื่องราวในอดีตของอินทร์บุรีไว้เผื่อจะผ่านมาเรียนรู้และสนใจ แม้พิพิธภัณฑ์จะเล็ก แต่ไม่ธรรมดาหรอก ไม่เชื่อลองมากับเราดูสิ ถ้าคุณมาจากสายเอเชีย เลี้ยวเข้ามาในตัวตลาด ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เลี้ยวขวาไปไม่ไกล คุณจะเจอป้ายบอกทางเข้าโรงเรียนวัดโบสถ์ คุณก็เลี้ยวเข้าไปเลย ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์จะอยู่ภายในวัดโบสถ์ หาที่จอดรถแล้วเดินขึ้นไปซื้อตั๋วกันก่อน เพียง 10 บาท คุณจะได้ชมวัตถุโบราณที่เล่าเรื่องราวผู้คนบรรพบุรุษชาวสิงห์บุรี หรือที่จริงก็ปู่ย่าตายายของเราทั้งหลายนั่นเอง วัตถุจัดแสดงก็มีคยวามหลากหลาย ทั้งเรื่องราวและยุคสมัย เข้าห้องจัดแสดงมาแล้ว เป็นห้องโถงโปร่งลมเย็นสบาย แนะนำให้คุณได้ดูตู้จัดแสดงทางขวามือก่อน นั้นคืออดีตอันไกลโพ้นนานเนิ่น คือราวสองพันปีมาแล้ว ด้วยหลักฐานเครื่องมือเครื่องใช้ได้แก่ขวานหินขัดของผู้คนในยุคหินใหม่ตอนปลายที่พบในบริเวณจังหวัดสิงห์บุรี แสดงถึงการอยู่อาศัยมาเนิ่นนาน รวมทั้งภาชนะอย่างหม้อดินเผาขนาดเล็ก ที่พบได้ตั้งแต่แถบนี้ไปจนถึงแถบลพบุรี เลยมาอีกหน่อยมีสถูปขนาดเล็ก ทำด้วยดินเผา ปูนปั้นเป็นใบหน้าบุคคลสวมเครื่องประดับ รวมทั้งลูกปัดที่ขุดค้นพบ กลางห้องโถงจัดแสดงมีธรรมจักรขนาดย่อมและพระพุทธรูปสมัยทวารวดี อันเป็นยุคที่เริ่มมีการยอมรับนับถือศาสนาพุทธและพราหมณ์ในดินแดนไทย ที่ใดที่พบธรรมจักร จึงแปลว่า พระพุทธศาสนาได้ตั้งมั่นลง ณ ที่แห่งนี้แล้ว นอกจากนี้ยังจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้เช่นกระดูกวัว ที่อาจแสดงให้เห็นถึงความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลานั้น นอกจากเรื่องราวอันห้าวหาญของชาวบ้านบางระจัน ชาวสิงห์บุรีที่ติดตรึงใจคนไทยแล้ว ในแถบริมแม่น้ำน้อยที่อำเภอบางระจัน ยังมีแหล่งโบราณคดีอันขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาโบราณอันเลื่องชื่อ คือแหล่งเตาแม่น้ำน้อย ในอดีต เป็นแหล่งผลิตเพื่อส่งออกไปขายนอกชุมชน และอาจเลยไปไกลถึงดินแดนไกลโพ้นทะเลผ่านท่าเรือที่กรุงศรีอยุธยา ทั้งยังคงมีสัมพันธ์กับสุโขทัย เพราะได้พบสังคโลกอันเป็นเครื่องปั้นดินเผาในวัฒนธรรมสุโขทัยในบริเวณนี้ด้วยเช่นกัน เช่นตุ๊กตาแม่อุ้มลูก กระปุกสังคโลก และถ้วยชาม ซึ่งได้นำมาจัดแสดงไว้ที่นี่เช่นกัน มาเห็นสังคโลกในสิงห์บุรีจะได้ไม่สงสัยว่ามาอยู่ที่ได้อย่างไร ก็คนโบราณเขาก็ไปมาหาสู่ค้าขาย มีญาติมีเพื่อน มีกระทั่งการศึกสงครามมิได้อยู่แต่ในบ้านเมืองของตนแต่อย่างเดียวนี่นา จนสมัยอยุธยา สิงห์บุรีเป็นเมืองสำคัญ จึงได้พบพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราสังเกตดูในเส้นทาง 311 ที่ผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์นี้ จากตัวจังหวัดมาเราจะพบวัดวาอารามรายเรียงมาตลอดริมน้ำเจ้าพระยาจนถึงอินทร์บุรี บางวัดเชื่อกันว่าเก่าถึงสมัยทวารวดี และบางวัดก็มีโบราณสถานเช่นเจดีย์โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงสะท้อนว่า สิงห์บุรีในอดีตคงเป็นชุมชนบ้านเมืองที่มีผู้คนอยู่กันหนาแน่นและมีผู้คนบำรุงศาสนากันอย่างดี จึงมีหลักฐานหลงเหลือมาถึงปัจจุบันในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อาคารถัดไป เก็บเรื่องราวของวัดโบสถ์ วัดสำคัญที่เคยได้รับพระราชทานอัฐบริขารต่าง ๆ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เช่นถ้วยน้ำชา มีอักษรพระนามาภิไธยย่อ จปร พัดยศ ของพระราชวงศ์พระองค์ต่าง ๆ ในอดีตที่เคยถวายให้กับพระภิกษุผู้ใหญ่ที่วัดแห่งนี้ มีการจำลองกุฎิพระ เพื่อให้เห็นว่าพระภิกษุในสมัยก่อนนั้นดำรงอยู่อย่างสมถะอย่างยิ่ง และยังมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ คือรูปนางอัปสรในท่าร่ายรำ ศิลปะเขมรโบราณ ได้มาจากเมืองละโว้หรือลพบุรี ส่วนชั้นล่างเป็นเรื่องราวของกลุ่มชนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในสิงห์บุรี ทั้งการแต่งกาย หัตถศิลป์ ข้าวของเครื่องใช้แบบโบราณในวัฒนธรรมข้าว อันเป็นการหาอยู่หากินของผู้คนแถบนี้มาแต่ดั้งเดิม ใช้เวลาดื่มด่ำความรู้มาพอควร วันนั้นเงียบเพราะคนน้อย จะว่าไปความที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขนาดเล็ก แต่มีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ ที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนที่ย้อนไกลได้ถึงสองพันปีมาจนยุคใกล้ไม่กี่สิบปี เท่านี้ก็ตื่นตาตื่นใจนัก นับว่าได้เที่ยวแนวใหม่ ได้ทั้งความรู้และไม่ไปตามกระแสที่เขาต้องไปตามที่แนะนำกันในโลกโซเชียลเท่านั้นยุคนี้การเดินทาง และการไปเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องยาก เป็นเรื่องน่าสนุกที่จะลองไปเสาะหาสถานที่แปลกตาซ่อนเร้นตามเมืองผ่านอันแสนเงียบ แต่ทว่าทรงคุณค่า ตรงที่มีเรื่องราวของผู้คนทั้งหลาย อยู่ในนั้นรูปประกอบทุกรูปโดยผู้เขียน : วารุ วิชญรัฐ