ซีรีส์เรื่อง Queenmaker (ฉันจะปั้นราชินี) หลังดูจบผู้เขียนรู้สึกมีมุมมองที่แตกต่างจากเดิม ซีรีส์มีทั้งหมด 11 ตอนๆละประมาณ 60 นาที และน่าจะมีภาคต่อ คาดเดาจากฉากสุดท้ายที่ออกมาให้เห็น ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเห็นโปสเตอร์ก็คิดไปเองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์แน่ๆ เพราะชื่อภาษาไทยคือ "ฉันจะปั้นราชินี" ทำให้เลื่อนผ่านไปหลายรอบ สักพักเริ่มเห็นคนแชร์เยอะ และได้อ่านคอมเมนต์หนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจดูนั้นก็คือ "หนังแบบนี้สร้างในไทยไม่ได้แน่" ก็เลยสนใจและเริ่มดูตอนแรก ซึ่งจริงๆแล้วหนังเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกเทษมนตรีกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้เรื่องย่อ Queenmaker เล่าถึงฮวังโดฮีหัวหน้าทีมกลยุทธ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอึนซองกรุ๊ป ที่หน้าที่ของเธอนั้นคือการคอยแก้ไขปัญหาต่างให้กับคนใครอบครับอึนซองกรุ๊ป ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม จุดพลิกผันเมื่อ ฮันอีซึน ลูกน้องของเธอตกลงมาจากตึกตายซึ่งเธอมีส่วนในการบีบบังคับเธอ แต่แล้วเธอมารู้ความจริงภายหลังว่าฮันอีซึนถูกล่วงละเมิดจากแพคเจมิน ทำให้เธอลาออก แล้วเลือกที่จะมาผลักดันทนายความอย่าง โอคยอนซุก ให้ลงรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงโซล แข่งกับ แพคเจมิน เพื่อทวงความยุทธติธรรมให้กับผู้ตาย ซึ่งระหว่างทางการหาเสียงเลือกตั้ง ฮวังโดฮี ทำหน้าที่วางแผน แก้ปัญหา ให้ โอคยอนซุก จนสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งได้สำเร็จประเด็นข้อคิดที่ได้จากซีรีส์ Queenmakerอึนซองกรุ๊ป ได้ขึ้นเป็นบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศไม่ใช่เพราะความสามารถในการบริหารธุรกิจ แต่แท้ที่จริงแล้วใช้วิธีให้ผลประโยชน์แก่ผู้มีอำนาจทุกระดับ และพร้อมจะกำจัดทุกคนที่ขวางทาง และได้ส่งลูกเขยลงชิงชัย เพราะถ้าชนะจะได้ใช้อำนาจอำนวยความสะดวกให้กับอึนซองกรุ๊ปข่าวที่เห็นจากสื่อต่างๆนั้นล้วนผ่านการ คิดและวางแผน มาแล้วอย่างดี เพื่อหวังผลให้ฝั่งตัวเองได้ประโยชน์ หรือไม่ก็ฝั่งตรงข้ามเสียประโยชน์ โดยแต่ละฝั่งก็จะมีทีมกลยุทธ์ที่อยู่เบื้องหลัง ที่แยกหน้าที่ในการทำหน้าที่ต่างๆในซีรีส์ไม่ได้เน้นเรื่องของนโยบายว่าประชาชนจะได้อะไร แต่เน้นเรื่องของการสร้างภาพให้ตัวเองดูดี และสาดโคลนให้ฝั่งตรงข้าม ซึ่งในซีรีส์สิ่งที่แตกต่างกันของสองฝั่งคือ ฝั่งหนึ่งโจมตีด้วยข้อเท็จจริง แต่อีกฝั่งใช้การแต่งเรื่องเพื่อโจมตีอีกฝ่ายในโลกของความเป็นจริง เงินและผลประโยชน์ ยังเป็นแรงขับของสังคมในซีรีส์ฉายภาพให้เห็นว่าเมื่อภาคส่วนต่างๆได้รับผลประโยชน์ เช่น ข้าราชการ สื่อ หรือประชาชนเอง เมื่อตัวเองได้ประโยชน์ก็พร้อมจะเปลี่ยนฝั่งหรือเปลี่ยนแนวคิดทันที บทจบของซีรีส์ค่อนข้างอยู่ในศีลธรรม นั้นคือ สุดท้ายคนที่ทำความชั่วก็ได้รับผลกรรมนั้นเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้บางตัวละครจะยังลอยนวลเช่น คาลยุง แต่ผู้เขียนเชื่อว่าซีรีส์จะต้องมีภาคต่อและถึงตอนนั้นตัวร้ายที่เหลืออาจจะได้รับโทษบทบาทการแสดงและการดำเนินเรื่องนักแสดงในซีรีส์ Queenmaker ทุกคนแสดงได้สมบทบาทมากๆทำให้ผู้เขียนเชื่อได้แบบสนิทใจว่าเขาคือตัวละครตัวนั้นจริงๆทั้งสีหน้าแววตา ในส่วนของการดำเนินเรื่อง หนังจะใช้การเล่าเรื่องแบบคายปมออกมาทีละนิด เพื่อชวนให้คนดูสงสัยและติดตามชมแบบไม่เบื่อ ฉากประทับใจฉากที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดคือในตอนที่11ที่ แพคเจมิน มาเจอ ฮวังโดฮี ณ ที่เก็บอัฐฐิของ ฮันอีซึน ผู้เสียชีวิตจากการพลักของ แพคเจมิน เมื่อฮวังโดฮีทวงถามถึงการสำนึกผิดและการขอโทษผู้ตายจากแพคเจมิน แต่เขายังไม่สำนึกและยังพยายามโกหกเพื่อเอาตัวรอดต่อ ทำให้ ฮวังโดฮี หัวเราะออกมาเสียงดังเพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมของแพคเจมิน ซึ่งผู้เขียนได้ชมแล้วรู้สึกร่วมมากๆว่าเวลาที่เราเจอคนที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่เราพยายามอธิบายแบบสุดความสามารถแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ การหัวเราะออกมาดังๆน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำได้บทส่งท้ายQueenmaker ถือเป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ดูแล้วไม่เสียดายเวลาเลย อยากให้ยาวกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะได้เห็นเบื้องหลังนักการเมืองทั้งหลาย ว่าก่อนที่เขาจะมีภาพลักษณ์ที่ดี มีกองเชียร์ มันจะต้องผ่านกระบวนการวางแผนรวบรวมข้อมูลและอีกหลายอย่าง ดังนั้นอย่าพึ่งเชื่ออะไรง่ายๆเพียงเพราะข่าวนั้นดูเหมือนจะดี แต่ให้หาข้อมูลด้วยตัวเองเพิ่มเติมก่อนจะดีกว่า และสุดท้ายยังเชื่อว่าคนทำสิ่งไม่ดีก็ต้องรับผลนั้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ภาพประกอบจาก - Official Twitter: Netflix K-Contentภาพปก + ตกแต่งโดย Canva | ภาพที่ 1 | ภาพที่ 2 | ภาพที่ 3 | ภาพที่ 4อ่านบทความของผู้เขียนเพิ่มเติมได้ที่ ครูตั้มออนไลน์เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!