ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่าโอกาสน้อยมาก ถึงมากที่สุดที่ผมจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือสถานที่ที่ไกลๆ จากเมืองหลวงกรุงเทพฯ ทั้งที่เป็นคนต่างจังหวัด ไม่มีอะไรมากนอกจากมีเหตุผลที่คอยคัดค้านที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น อาทิ ขี้เกียจเดินทาง ขับรถไปเหรอ เหนื่อยจากการทำงาน เหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้เลยทำให้ กิจวัตรคือทำงาน จันทร์ถึงศุกร์ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ นอนตื่นมาซักผ้า และทำคุกกี้ (คราวหน้ามีเรื่องเล่าการทำคุกกี้มาฝากนะครับ) เมื่อวันที่ 22 -24 ธันวาคม 2562 ที่ทำงานได้มีโครงการสร้างความสัมพันธ์กับผู้รับบริการ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำมานานแล้วในที่ทำงาน และผม (เรียกผมว่าพี่หมูน้อย) หละกันนะครับ ได้มีโอกาสเข้าร่วมทำโครงการฯ ซึ่งแรก ๆ ในใจคิดว่า โครงการนี้ ไม่เห็นน่าสนใจ ไม่น่าสนุก ไปทำโป่งเทียมให้สัตว์ป่า ช้าง เก้ง กวาง กระทิง นี่นะเค้าจะออกมากินจริงเปล่าไม่รู้ ปลูกไผ่หนาม เมื่อไหร่จะโต ไม่น่าจะมีประโยชน์ บวกกับความเกียจคร้านและไม่ยอมออกจากเซฟโซนของตัวเองคิดแบบนั้นก็ได้ จนกระทั่งได้เข้าร่วมรับฟังการพูดคุยและกล่าวต้อนรับของ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวถึงความเป็นมาและการรักษาสัตว์ป่า และ พันธุ์พืชที่จะสูญหายไปในเวลาไม่ช้า ทำให้นั่งฟังการบรรยายแล้วรู้สึกเศร้าและหดหู่ใจเรื่องช้างป่าตก “น้ำตกเหวนรก” ยิ่งทำให้เสียใจ ซึ่งทำให้เราได้รับรู้ว่ายังมีอีกหลาย ๆ คน ที่เขาทำงานอย่างจริงจัง ทุ่มเท และไม่ได้พักทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์ไปอีก กิจกรรมร่วมกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอุทยานฯ คือปลูกไผ่หนามเพื่อเป็นแนวเขตกันสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง กระทิง เข้ามาหากินในแนวเขตของชาวบ้านซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาช้านานแล้ว ดังนั้น การปลูกไผ่หนามเป็นแนวรั้วธรรมชาติถือว่าเป็นวิธีที่ลงทุนน้อยที่สุด และดีที่สุดเพราะหลาย ๆ วิธีไม่ได้ผล ถึงแม้การปลูกไผ่อาจจะเห็นผลช้าเพราะต้องอาศัยเวลากว่าต้นไผ่หนามจะเติบโต แต่อย่างน้อยเราก็เป็นส่วนหนึ่งในการลงมือไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว ซึ่งการปลูกไผ่หนามก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ทางเจ้าหน้าที่มีพันธ์ไม้ซึ่งมีบริการบางส่วน และให้ซื้อปลูกด้วยต้นละ 50 .- (เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการซื้อพันธุ์ไผ่หนามมาปักชำ) หากเป็นหน่วยงานราชการ ก็จะมีสนับสนุนบางส่วน ส่วน บริษัท หรือ เอกชน ก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เตรียมว่ามีพันธุ์ไม้ไผ่เพียงพอที่จะทำกิจกรรมดังกล่าวหรือหรือไม่ และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ส่วนอุปกรณ์ในการปลูก จอบเล็ก เสียมเล็ก จะมีบริการ วิธีการปลูกก็ง่ายแสนง่าย อยากให้ทุกคนทำกิจกรรมนี้จริง ๆ รับรองสนุกและมีประโยชน์มากอีกกิจกรรมคือการทำโป่งเทียม ถามว่าร้อนไหมบรรยากาศที่เขาใหญ่ ช่วงเช้าอากาศเย็น ๆ พอสาย ๆ ถึงเที่ยงบอกเลย ร้อนมาก แต่ก็ใจสู้นะครับ ถามเพื่อนที่มาทำกิจกรรมด้วยกัน “เธอ ๆ จะไหวกันไหม ร้อนหน้าไหม้ แถมไม่ได้ทาครีมกันแดดด้วย “ เพื่อนตอบว่า เมื่อเราคิดจะทำอะไรแล้วอุปสรรคถึงแม้จะมากน้อยแค่ไหน หากเราทำสำเร็จมันคือความภูมิใจเลยนะ" ตอบแบบนางงามไปอีก ปรบมือดังๆ และไหว้ย่อ 1 ที ได้ ๆ เรามองท้องฟ้าที่มีแสงแดด ทำให้ท้องฟ้าสวยมาก และปรายตามองไปข้างหน้าอย่างมีความหวังว่า “คงได้อาศัยร่มไม้จากต้นไม้ใหญ่บ้าง” ช่วงบ่าย ๆ ตามกำหนดการ ให้รวมตัวกันที่ทำการอุทยานฯ แล้วเดินทางไปเนินตรงที่มีโป่งกัน เป็นโป่งเก่าที่เคยทำและเกลือแร่เริ่มน้อยลงแล้ว ลืมบอกว่าโป่งเทียมคืออะไร ปกติโป่งธรรมชาติจะมี โป่งดิน โป่งน้ำ จะเกิดจากการทับถมของซากพืช ซากสัตว์ และแร่ธาตุที่อยู่ในดิน ซึ่งสัตว์กินพืชต้องกินเพื่อเป็นสารอาหารเสริมเนื่องจากในพืชไม่มีแร่ธาตุเหล่านี้ สัตว์ต่าง ๆ เลยต้องแสวงหาตามลานดินที่เป็นโป่ง พอเดินทางมาที่จุดทำโป่ง ทุกคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน โอ้....สวยมาก วิวสวย ฟ้าสวย แสงแดดก็แรงเช่นกัน ที่สำคัญไม่มีร่มไม้ใหญ่เหมือนอย่างที่คิดไว้ แต่ไม่เป็นไรด้วยความมุ่งมั่นในความตั้งใจแล้ว ทุกคนเดินหน้าไปสถานที่โป่งเก่าทันที ทีมงานอุทยานแห่งชาติ คือ ทีมงานของหมอโบ ที่ดูแลสัตว์ป่า และการทำโป่งเทียม ก็แนะนำวิธีการไปพร้อมกับให้ทุกคนลงมือทำ บริเวณโป่งจะมีมูลช้าง มูลของสัตว์ป่ามากินดินโป่ง ทำให้พวกเราตื่นเต้นและนึกกลัวว่า กำลังทำโป่งเทียมอยู่ ถ้าช้างมาจะทำอย่างไร หมอโบเลยอธิบายว่าโดยธรรมชาติแล้ว ช่วงเย็น ๆ หรือพลบค่ำ ถึงจะมีสัตว์ออกมาเพราะได้กลิ่นเกลือ หรือ แร่ธาตุเพราะจมูกสัตว์ป่าจะไวมาก แต่หากทำโป่งเทียมใหม่ๆ แล้ว สัตว์จะยังไม่มากิน อาจจะใช้เวลา 3 – 4 วัน ก็แล้วแต่องค์ประกอบอื่น ๆขั้นตอนการทำโป่งเทียมไม่อยากครับ อุปกรณ์ มีจอบใหญ่ เกลี่ยหน้าดิน ขุดลงไปซัก 1 ข้อศอกมนุษย์ แต่ เราคิดว่าทุกคนขุดได้คืบเพราะ เหนื่อยและร้อนมาก ประมาณนี้ก็ได้ ลำดับต่อมาทุบก้อนเกลือและแร่ธาตุที่อัดเป็นก้อนมาให้ละเอียด กลบด้วยดิน และรดน้ำให้ชุ่ม ก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้วครับหลังจากที่เสร็จจากการทำกิจกรรมทั้งสองอย่างในวันเดียวกัน ทำให้รู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อเหมือนกันเพราะเราไม่ค่อยออกกำลังกายและเพื่อนๆ ร่วมทำกิจกรรมก็เช่นกัน แต่บนความเหนื่อย เราได้มิตรภาพ เราได้ทำประโยชน์ให้สัตว์ป่า และเรามีกิจกรรมเสริมเดินป่าเก็บขยะ ซึ่งทำให้ได้เห็นวิว ทิวทัศน์ที่สวยงามของ “เขาใหญ่” และอยากจะขอเชิญชวนทุกคนหากมีโอกาส เราว่ากิจกรรมแบบนี้คือดีมากและสัญญาว่าหากมีกิจกรรมแบบนี้อีก จะไม่ปฏิเสธเลย ที่ตั้งนะครับ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาโทรศัพท์ : ที่ทำการ 086 092 6527บ้านพัก 086 092 6529ด่านตรวจศาลเจ้าพ่อ 086 092 6531, 0 4424 9305ด่านตรวจเนินหอม 090 782 1929