“วันนี่ จั๊กจิได้ไอกิ๋นกั๊บเข่า” “กะว่าจิต๋ำส่มละก๋อเด่ กิ๋นกะปิ้งปล๋าดุ๊กร่อน ๆ อร่อยคั่ก” หลาย ๆ คน ได้ยินประโยคเหล่านี้ คงจะเป็นงงไปตาม ๆ กัน นี่มันภาษาอะไรกัน เสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ภาษาไทยกลางก็ไม่ใช่ ภาษาอีสานก็ไม่เชิง อ๋อ...นี่เป็นภาษาที่ชาวบ้านในหมู่บ้านของผู้เขียนใช้พูดคุยกัน หมู่บ้านใกล้เคียงเขาเรียกพวกเราว่า “ไทยเดิ้ง” บางคนก็ว่า “ไทยพอกะเทิน” หรืออาจฟังดูดีหน่อยก็ “ไทยโคราช” ภาษาที่เราใช้พูดกัน เรียกว่า “ภาษาไทยเดิ้ง” จากประโยค "วันนี่ จั๊กจิได้ไอกิ๋นกั๊บเข่า" หมายถึง "วันนี้ ไม่รู้จะได้อะไรกินกับข้าว" "กะว่าจิต๋ำส่มละก๋อเด่ กิ๋นกะปล๋าดุ๊กปิ้งร่อน ๆ อร่อยคั่ก" หมายถึง "ก็ว่าจะตำส้มตำมะละกอ กินกับปลาดุกปิ้งร้อน ๆ อร่อยจริง ๆ" ภาษาไทยเดิ้งจะสังเกตได้ง่าย ๆ (เอ..หรือจะเป็นเพราะผู้เขียนใช้พูดบ่อย ๆ เลยมองว่าง่ายก็ไม่รู้สิ) คือ 1. ถ้าภาษาไทยกลางเป็นเสียงสามัญ ก็จะกลายเป็นเสียงจัตวาในภาษาไทยเดิ้ง เช่น กิน = กิ๋น ไป = ไป๋ ตำ = ต๋ำตัวอย่าง กิ๋นเข่าแล่วกะพาน่องไป๋เหล่น หมายถึง กินข้าวแล้วก็พาน้องไปเล่น 2. ถ้าภาษาไทยกลางเป็นเสียงเอก ก็จะกลายเป็นเสียงตรี ในภาษาไทยเดิ้ง เช่น เป็ด = เป๊ด จัด = จั๊ด กักตัว = กั๊กตั๋วตัวอย่าง ช่วงนี่มีโรคระบาด เขาให่พวกเอ๋งกั๊กตั๋วอยู่บ้าน หมายถึง ช่วงนี้มีโรคระบาด เขาให้พวกเรากักตัวอยู่บ้าน 3. ถ้าภาษาไทยกลางเป็นเสียงโท ก็จะกลายเป็นเสียงเอก ในภาษาไทยเดิ้ง แต่บางคำนะคะ ไม่ใช่ทุกคำ เช่น เฝ้า = เฝ่า ไข้ = ไข่หม้อ = หม่อตัวอย่าง น่องเป๋นไข่ แม่เลยอยู่เฝ่าดู๋แลน่อง หมายถึง น้องเป็นไข้ แม่เลยอยู่เฝ้าดูแลน้อง 4. ถ้าภาษาไทยกลางเป็นเสียงตรี ก็จะกลายเป็นเสียงโท ในภาษาไทยเดิ้ง เช่น แม่ค้า = แม่ค่า ใช้ = ใช่ น้อง = น่องตัวอย่าง แม่ใช่น่องเอ๋าเงิน ไป๋ใช่หนี่แม่ค่า หมายถึง แม่ใช้น้องเอาเงินไปใช้หนี้แม่ค้า และจะมีบางคำที่เป็นคำเฉพาะของภาษา บางทีต้องแปลให้คนอื่นฟังอีก เพื่อให้เข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะในอำเภอของผู้เขียน มีเพียงไม่กี่หมู่บ้านที่ใช้ภาษาไทยเดิ้ง และในตำบลของผู้เขียนมีทั้งหมด 13 หมู่บ้าน ก็มีเพียง 3 หมู่บ้านที่พูดไทยเดิ้ง (แลดูเป็นชนกลุ่มน้อยยังไงก้ไม่รู้แฮะ ) เวลาสื่อสารโดยเฉพาะกับเพื่อน ๆ ถูกแซวอยู่เรื่อย ตัวอย่างคำที่ต้องแปลนะคะ อย่าไป๋นั่งม่อ(ชิดริม ชิดขอบ)หลาย กะต้อด(ขยับโดยใช้ก้นเคลื่อนที่)เข่ามาข่างในนี่ แล่วกะ(แล้วก็)นั่งอยู่มุ ๆ มิ ๆ (สงบเสงี่ยม) ใครดื้อ ยายจิเอ๋าทอระพี(ทัพพี)โมน(ตี)หัว แน่ะๆ พูดมิทันขาดคำ ไป๋เหล่น(ไปเล่น)ฝาระมีหม่อ(ฝาหม้อ) เหล่นคะนน(หม้อดินใบใหญ่ ๆ ใส่น้ำดื่ม)อีกแหละ จั๊ก(ไม่รู้)ดื้อไอละวายดอก(อะไรนักหนาหรอก) นี้สมัยเด็กผู้เขียนโดนยายดุประจำ ฮ่า ฮ่า ส่วนเวลาออกไปนา แม่ก็จะเตือนว่า เดิ๋นดี๋ ๆ (เดินดี ๆ ) เดี๋ยวกะ(ก็)ต๊ก(ตก)หัวคะนา(คันนา) ขาชี่ฟ่า(ขาชี้ฟ้า)ป่างหง่าง(ล้มแบบหมดท่า แผ่หรา) ต๊กตะลุก(ตกหลุมตื้น ๆ ) ล่มตะคุ่บก๊บ (ล้มคะมำ) บางทีโดนแม่ด่า แร้งจิ๊ก(แร้งจิก) จักแร่งกะไหนจิมาจิ๊กดอกเนาะ อิอิ เป็นยังไงคะ ภาษาไทยเดิ้ง ภาษาประจำถิ่นของผู้เขียน เป็นภาษาน่ารัก ๆ ที่อ่านแล้วต้องอมยิ้มใช่ไหมคะ ยังมีอีกหลาย ๆ คำที่ในปัจจุบันนี้ เด็กรุ่นใหม่ออกจะหลงลืมไม่ค่อยได้ใช้กัน เช่น โกรกกราก(รวดเร็ว ทันที) ดู๋ถัวะ(ดูสิ) กะต้า(ตะกร้า) กะต้อ(ตะกร้อ) สะและ(ดัดจริต) เพราะผู้เฒ่าผู้แก่ที่ใช้ภาษาดั้งเดิมก็ล้มหายตายจากไปเสียส่วนใหญ่ ที่ยังคงเหลือใช้อยู่ก็เพียงคำที่เสียงคล้ายภาษาไทยกลางและเสียงวรรณยุกต์เปลี่ยนเท่านั้น เราจึงควรอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานสืบต่อไป ขอบคุณภาพจาก Pixabay ภาพปก ภาพที่ 1 / 2 / 3 / 4