มุมมองและทัศนคติเกี่ยวกับ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อต้องไปอาศัยอยู่ที่เมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน โดยส่วนตัวมีความชื่นชอบภาษาจีนอยู่แล้ว คลั่งไคล้การฟังเพลงจีน และดูซีรีส์จีน ชอบมากดาราหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ทำให้ตัดสินใจไม่ยากเลยที่จะไปเรียนภาษาจีนที่เมืองจีน แต่ก่อนจะไปจีนนั้น ยอมรับเลยว่าเรามีความคิดว่าเมืองจีนเป็นเมืองที่น่ากลัว เพราะจากที่เคยได้ยินบ่อย ๆ ว่า ของปลอมเยอะ ตั้งแต่เงินปลอมไปจนถึงไข่ไก่ก็ยังปลอมกันได้ อาหารรสชาติจืดและเลี่ยนไม่อร่อยอีก ไหนจะนิสัยของคนจีนที่ขึ้นชื่อลือชา และอีกหลายอย่างที่ทำให้เรามีทัศนคติด้านลบต่อเมืองจีน แต่ด้วยความที่อยากเรียนภาษาจีน และอยากเปิดโลกทัศน์ของตัวเองว่า “ทำไมจีนถึงคิดว่าจะกลายเป็นมหาอำนาจได้ ในข่าวก็จะเห็นว่าจีนมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ คือ ตอนนี้ ใคร ๆ ต่างให้ความสนใจไปที่จีน หรือแม้แต่กระทั่งการประชุมในเวทีระดับโลกอย่างองค์การสหประชาชาติก็ยังให้ความสำคัญกับภาษาจีน โดยกำหนดให้ภาษาจีนเป็น 1 ใน 6 ภาษาทางการที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ และนั่นก็ยิ่งทำให้เราอยากไปเรียนภาษาจีน และอยากไปเห็นกับตาว่าบ้านเมืองเค้าเป็นอย่างไรบ้าง” วันเดินทางก็มาถึง บอกลาครอบครัว เพื่อนฝูง และประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตื่นเต้นมาก ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเราก็จะยืนอยู่บนแผ่นดินของเมืองเซียะเหมินแล้ว ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะเป็นยังไงบ้าง ทั้งตื่นเต้นและกังวลไปหมด ต้องบอกก่อนว่าเมืองเซียะเหมินแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งที่เป็นเกาะ เป็นแหล่งรวมความเจริญ มีทั้งสนามบิน ศูนย์กลางการค้าและการเมือง และฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่จะเป็นเขตอุตสาหกรรม สำหรับมหาวิทยาลัยของเราตั้งอยู่ทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เครื่องบินก็ลดระดับเตรียมลงจอดที่จุดหมายปลายทางสนามบินนานาชาติเซียะเหมิน เกาฉี บนเกาะเซียะเหมิน หลังจากนั่งมองเมฆ และท้องฟ้าท่ามกลางแดดจ้ามานานหลายชั่วโมง ภาพแรกที่เห็น คือ เต็มไปด้วยตึกสูงๆ ในระยะประชิดมาก ๆ เพราะสนามบินตั้งอยู่กลางเมืองเลย สถาปัตยกรรมทันสมัยซะด้วย โอ้โห!!! ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตึกสูง ๆ สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ จะเป็นตัวชี้วัดความเจริญของเมืองได้มั้ยนะ แต่ที่แน่ ๆ ภาพที่เห็นทำให้เราต้องเริ่มปรับทัศนคติต่อจีนตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป (น่าเสียดายพนักงานบนเครื่องประกาศห้ามถ่ายรูป เพราะเป็นกฎการบินของจีนก็เลยไม่ได้เก็บภาพความประทับใจแรกไว้เลย เสียดายจัง) ซึ่งดูรวมๆ แล้วเป็นเมืองที่ทันสมัยมากเรียกว่าโคตรเจริญเลยดีกว่า หรือเป็นเพราะเมืองเซียะเหมินเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก็เลยค่อนข้างจะเจริญ เราก็ไม่เคยเห็นเมืองอื่น ๆ ของจีนเลย ก็เลยไม่รู้ว่าเมืองเซียะเหมินเจริญมั้ยถ้าเทียบกับเมืองอื่น ๆ ของจีน เอาไว้เราต้องออกไปเที่ยวต่างเมือง ต่างมณฑลเพื่อหาคำตอบซะแล้ว แต่ตอนนี้เราจะขอเล่าประสบการณ์เจอกับจีนครั้งแรก มีอะไรที่ทำให้เราประทับใจ และต้องเปลี่ยนทัศนคติกันบ้างนั้น เราไปทำความรู้จัก “จีน” กันเลย มหาวิทยาลัยของเราตั้งอยู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ ครั้งแรกที่ได้ออกมาเดินสำรวจบ้านเมืองและถนนหนทางรอบ ๆ มหาวิทยาลัย อากาศหน้าร้อนของที่นี่ร้อนพอ ๆ กับประเทศไทยเลยค่ะ หรืออาจจะร้อนกว่าด้วยซ้ำ แต่สภาพแวดล้อม และบรรยากาศของเมืองดีมาก ๆ บนถนน และทางเท้าไม่มีขยะเลย มีความสะอาดและเป็นระเบียบมาก ๆ และสิ่งที่ทำให้เราแปลกใจมาก ๆ คือ มีห้องน้ำสาธารณะที่สะอาด มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญคือ “ฟรี” และ “มีอยู่ทั่วทั้งเมือง” สำหรับการเดินทางมีหลากหลายทางเลือก ส่วนใหญ่คนที่นี่จะ “เดิน” ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้สูงอายุ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้สูงอายุที่เมืองจีนจึงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ตอนที่เราอยู่ประเทศไทยการเดินทางส่วนใหญ่ คือ การนั่งรถยนต์ หรือไม่ก็เป็นรถไฟฟ้า ส่วนการเดินเป็นเรื่องไกลตัวมากได้วันละ 5,000 ก้าวก็เยอะมากแล้ว แต่สำหรับการใช้ชีวิตที่เมืองเซียะเหมิน การเดินวันละเกือบ 20,000 ก้าว ถือเป็นเรื่องปกติมาก ตอนแรก ๆ ก็ไม่ชิน แต่พอได้เดินทุกวัน ๆ เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย ก็มีความสุขกับการเดิน เพราะทางเดินของที่นี่กว้าง และเดินสบาย แต่ก็ต้องระวังรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าซึ่งมักจะวิ่งบนทางเท้า และเสียงของรถก็เงียบมาก แต่คนขับก็จะบีบแตรเตือนมาตั้งแต่ระยะไกลให้คอยระวัง ถ้าเป็นที่ไทยคงจะมีเรื่องกันแน่ ๆ บีบแตรขนาดนี้ การโดยสารรถเมล์ถ้าหากไม่ได้ข้ามไปมาระหว่างเกาะเซียะเหมินกับฝั่งแผ่นดินใหญ่ ราคาจะอยู่ที่ 1 หยวน และถ้าซื้อบัตรรถเมล์ราคาค่าโดยสารจะถูกลงมาอยู่ที่ประมาณ 0.88 หยวน แต่ถ้านั่งข้ามเกาะก็ราคา 2 หยวน อีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถหาได้เกือบตลอดทางเดินคือ การเช่ารถจักรยาน มีหลายค่ายให้เลือก เช่น Ofo (คันสีเหลือง ชั่วโมงละ 1 หยวน) Hellobike (คันสีขาว ปั่นง่ายไม่ต้องออกแรงเยอะ ชั่วโมงละ 2 หยวน) และ Mobike (คันสีส้ม ชั่วโมงละ 1 หยวน) ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2561 การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้นเมื่อเปิดให้บริการรถไฟฟ้าเชื่อมระหว่างเกาะเซียะเหมิน และฝั่งแผ่นดินใหญ่ ทำให้การเดินทางสะดวกและรวดเร็ว ไปไหนมาไหนก็สะดวกสบายประหยัดเวลากว่านั่งรถเมล์เยอะเลย สำหรับการเดินทางออกไปต่างเมืองต่างมณฑลใช้บริการรถไฟความเร็วสูง และการซื้อตั๋วรถไฟที่นี่ ถ้าตั๋วที่มีที่นั่งเต็มแล้ว แต่เรายินยอมจะยืนก็สามารถซื้อตั๋วยืนได้แต่ราคาตั๋วเท่ากับราคาตั๋วมีที่นั่งปกติเลย ครั้งแรกที่เราได้นั่งรถไฟความเร็วสูงตื่นเต้นมาก รถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 205 กม./ชม. มันเป็นรถไฟที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยนั่งมาเลย และที่สำคัญรถไฟที่นี่ออกตรงเวลามาก ต้องเผื่อเวลาสแกนตั๋วเพื่อเข้าไปรอที่ชานชาลาไม่อย่างนั้นช้าแม้แต่วินาทีเดียวคือ "ซื้อตั๋วใหม่" มาถึงเรื่องปากท้องกันบ้าง เคยได้ยินบ่อย ๆ ว่าอาหารจีนไม่อร่อย และค่อนข้างมัน ซึ่งเราก็แอบกังวลว่าจะกินอะไรได้มั้ย ก็เลยขนซื้อพวกน้ำพริก ซอส และเครื่องปรุงสำเร็จรูปจากไทยไปเยอะมาก ปรากฏว่าไม่ค่อยได้ใช้จนหมดอายุ เพราะเรากำลังเพลิดเพลินกับอาหารที่จีน มีของอร่อย ๆ เยอะแยะเลย ส่วนของที่ไม่อร่อยก็มีนะไม่ถูกปากก็แค่ไม่ต้องกินอีก เลือกกินแต่ของอร่อย และเมนูที่กินบ่อยที่สุดก็คือ “หม่าล่าทั่ง” เราเลือกว่าจะใส่อะไรบ้างไม่ว่าจะเป็นเส้น ลูกชิ้น ผัก ไข่ หรือปาท่องโก๋ แล้วก็เอาไปชั่งน้ำหนักเพื่อคิดเงิน แล้วเค้าก็จะเอาไปต้มในน้ำซุปมาเสิร์ฟร้อนๆ และมีเครื่องปรุงให้ปรุงรสด้วย ออกแนวกินก๋วยเตี๋ยวที่บ้านเราเลย ส่วนการชำระเงินก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินปลอม เพราะเราสามารถชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า “Alipay” และ “We Chat” ได้อย่างง่าย ๆ และสะดวกสบาย ไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องพกเงินเยอะ แค่พกโทรศัพท์มือถือพร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ตแค่นี้ก็สามารถซื้อของได้อย่างสบายใจแล้วล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาหารที่เป็นเมนูคล้ายอาหารไทย โดยเฉพาะเมนูผัด ๆ แต่จะต่างกันตรงที่เมนูผัดของที่นี่มักจะใส่พริกหม่าล่าลงไปด้วย ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่เราอาจยังไม่คุ้นชิน และทำให้ลิ้นชาปากชาได้ แต่กินไปสักพักก็จะชินและรู้สึกเลยว่าชอบกลิ่นนี้จัง และอร่อยสุด ๆ เมนูอาหารหวานก็ไม่น้อยหน้า มีแต่ของอร่อย ๆ และหน้าตาน่ากินมาก ๆ เลยค่ะ ร้านนี้อยู่ที่ห้างว่านต๋า โซนด้านนอกห้าง เป็นร้านที่มีความเป็นชาเขียวทั้งร้าน ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม เค้ก หรือเครื่องดื่ม บอกเลยว่ารสชาติอร่อยสุด ๆ ไม่ต้องกลัวเลยว่าที่นี่จะไม่มีของหวานอร่อย ๆ เตรียมตัวน้ำหนักขึ้นได้เลย สำหรับกิจกรรมตอนเย็น ๆ เราก็มักจะออกไปเดินเล่น ปั่นจักรยาน และวิ่งออกกำลังกาย ซึ่งสะพานที่สร้างขึ้นมานี้ เพื่อให้ประชาชนมีที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และบรรยากาศก็ดีมาก ๆ เลยด้วย หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นักเดินทาง หรือนักเรียนที่กำลังลังเลว่าจะเลือกจีนเป็นจุดหมายปลายทางดีมั้ย อยากให้ลองเปิดใจและเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ นะคะ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมืองไหน ประเทศไหนก็ตาม หรือแม้แต่ประเทศไทยของเราเอง ต่างก็มีทั้งสิ่งที่เราชอบ และไม่ชอบ คนที่เราว่าดี และไม่ดี ดังนั้น เราเลือกที่จะกลัวได้ เพื่อทำให้เรามีสติอยู่กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่เราอย่าให้ความกลัวมาขัดขวางการออกไปเจอโลกใบใหม่ที่เราอาจจะหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยก็ได้นะคะ ภาพถ่ายโดย ChibiJibiar