นกกระเรียนเขาว่ามีรักเดียว แต่ตอนนี้ผู้เขียนเริ่มจะหน้าเหี่ยว ยังเหลียวหาใครไม่เห็น ฮ่า ฮ่า ฮ่า เข้าประเด็นกันดีกว่า.....ครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวกันที่...ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์ มาแบบไม่มีความรู้อะไร เข้าใจว่านกกระเรียนตัวเท่านกกระยางและคุ้นๆ กับนิทานนกกระเรียนทอผ้าสมัยเด็กศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ เกี่ยวกับการอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทย และพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่เป็นพื้นที่หากินของนกกระเรียน ซึ่ง ‘นกกระเรียนพันธุ์ไทย’ ถูกจัดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ชนิด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 รู้กันไหมคะว่านกกระเรียนพันธุ์ไทยได้ถูกระบุเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในธรรมชาติของไทย มากว่า 50 ปีเลยนะ การหายไปของนกกระเรียนพันธุ์ไทยก็เกิดจากการพัฒนาและการขยายตัวของเมือง วิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลง การทำเกษตรโดยใช้สารเคมี ทำให้พื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งเสื่อมโทรม รวมไปถึงการล่าในอดีตอีกด้วย จากความร่วมมือขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เริ่มต้นโครงการนำนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เริ่มจากการขยายพันธุ์และปล่อยสู่ธรรมชาติที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 2554 จนครอบครัวนกกระเรียนสามารถดำรงชีวิต คืนชีพกลับมาได้ นับว่าประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ คิดเลขแล้วก็ 40 ปีเชียวนะ ถ้าเรามาเรียนรู้วิถีชีวิตของเขา ต้องดูแต่ตา สัมผัสด้วยใจ ให้พี่กระเรียนอยู่กับเราไปนานๆ นะคะเมื่อพี่เจ้าหน้าที่พาไปดูกล้องส่องทางไกลเห็นฝูงนกกระเรียนอยู่ด้วยกันตามธรรมชาติ ราว 20 ตัว อยู่ฝากโน้นของอ่างเก็บน้ำ อยากให้ทุกคนได้เห็นด้วย แต่ไม่รู้จะเก็บภาพมาฝากยังไง อุปกรณ์และเทคโนโลยีไม่ถึง (แต่ก็สามารถติดตามภาพสวยๆ ได้จากเพจศูนย์เรียนรู้นะคะ) จังหวะที่มาถือว่าดีทีเดียวเพราะพี่เขาเล่าว่า นกจะมีการย้ายถิ่นฐานไปบ้าง ไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำตลอดทั้งปี แต่ช่วงหน้าร้อนแบบนี้เป็นช่วงที่จะสามารถพบนกกระเรียนพันธุ์ไทยมาอาศัยอยู่ด้วยกันบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และมาหากินบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำของศูนย์อนุรักษ์เป็นจำนวนมากที่สุดนอกจากมาทักทายครอบครัวพี่กระเรียนแล้ว ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของนกกระเรียนไทยในส่วนของห้องนิทรรศการ เห็นเส้นทางปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ และล่องเรือชมธรรมชาติอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโซนขายของที่ระลึก และการจัดกิจกรรมระบายสีสำหรับเด็กๆ ด้วยนะ (แต่วันที่มาไม่เห็นคนทำกิจกรรมนี้ อาจจะมีการจัดกิจกรรมเป็นคราวๆ ไป) ซึ่งเวลาที่เหมาะสมสำหรับล่องเรือและปั่นจักรยานก็อาจจะเช้าหน่อย หรือเย็นไปเลย พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า แม้จะระบุช่วงเวลาเปิด-ปิดตามเวลาราชการ แต่ช่วงเช้าบรรยากาศจะดี สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้ ส่วนผู้เขียนเห็นแดดแล้ว ได้แต่ยืนยิ้มให้พี่กระเรียนตัวโต 3 ตัว ที่เป็นดาราคอยโชว์ตัวให้นักท่องเที่ยวได้เห็นแบบใกล้ชิดบรรยากาศและพื้นที่โดยรอบเป็นธรรมชาติมากๆ เลยค่ะ สามารถนั่งดูนกน้ำชนิดอื่นๆ เพลินๆ และยังมีชาวบ้านพาควายเดินมากินหญ้าและลงเล่นน้ำ น่ารักดี เก็บภาพมาฝากด้วยค่ะ ถ้ามีโอกาสได้มาอีก จะต้องมาแต่เช้า พกกาแฟร้อนกับแซนวิซมาทาน ล่องเรือชมดอกบัวบานและฟังเสียงนกร้อง บรรยากาศน่าจะดีมาก ที่นี่ไม่ได้อนุญาตให้มาแคมปิ้ง แต่มีรีสอร์ทนึงอยู่ไม่ไกลดูน่าสนใจ ใครที่มีจักรยานติดมาปั่นเล่นช่วงเย็นๆ นอนค้างซัก 1 คืน เช้าตื่นมาจิบกาแฟชิวๆ เงียบๆ แบบทิ้งตัวหน่อยๆ น่าจะดีมากเลยสามารถเข้าไปชมภาพสวยๆ ของพี่กระเรียนเพิ่มเติมได้ที่เพจ ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์ นะคะพิกัด ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์ภาพถ่ายโดยผู้เขียน#นกกระเรียนพันธุ์ไทย #สายธรรมชาติห้ามพลาด #เที่ยวบุรีรัมย์ #แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !