La Soufrière เป็นภูเขาไฟที่ยัง Active อยู่ในประเทศ St. Vincent & The Grenadines อีกหนึ่งเกาะจิ๋วแต่แจ๋วในแถบแคริเบียน เรานั่งรถออกมาจากที่พักบนเกาะหลัก St. Vincent ราวเกือบสองชั่วโมงก็มาถึงเบสทางขึ้นอุทยานบนเกาะ Windward ค่ะ สองข้างทางสวยจนแทบหยุดหายใจ ทั้งทะเลแคริเบียนเอย ภูมิประเทศเอย ท้องฟ้าเอย ตอนไปถึงทางขึ้นนั้นเวลาประมาณ 9 โมงได้ค่ะ รถที่จองไว้ขากลับต้องออกจากเบสประมาณ 6 โมงเย็น ถึงจะเป็นเบสแต่ก็อยู่บนเขาและขับรถขึ้นมาจากที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลพอสมควรนะคะ มาถึงทุก ๆ คนก็เข้าห้องน้ำ ทำธุระอะไรแล้วก็เตรียมตัวลุยเลยค่ะ เราไปกันประมาณ 25 คน สิบนาทีแรก ยังเกาะกลุ่มกันดี trail ยังไม่โหดมาก เดินกันไปชิว ๆ แต่เราเริ่มไม่ชิวเลยค่ะ อย่างที่บอกว่า มันสูงตั้งแต่ออกเดินแล้ว เริ่มรู้สึกอากาศบาง ทางชันล้วน ๆ ไม่มีทางเดินที่คนทำไว้เลยไต่แบบไม่มีให้เดินปกติกันเลย ทั้งลื่นทั้งชัน ระยะทางถึงยอดเกือบ ๆ 11 กิโล เราได้แต่เดิน เดินและเดิน เพื่อนเริ่มหายไป จนเหลือแค่เรากับเพื่อนผู้หญิงจากออสเตรียกันสองคน ทางเริ่มแคบขึ้นเรื่อย ๆ ฝนก็เริ่มลง อากาศก็น้อย ทันใดนั้นเองอยู่ ๆ เราได้ยินเสียงฟึบ! หันไปคือ เพื่อนสไลด์ตกเขาไปแล้วจ้าแม่!!! โชคดีที่ตรงนั้นมันยังมีไหล่เขาอีกชั้นที่ไม่สูงมากลองรับ แต่เราก็ตกใจมากอยู่ดี เกือบเสียเพื่อนแล้ว ตกตัวสั่นกันหมด นั่งพักกันนิดนึงให้หายเจ็บและตกใจก็ออกเดินต่อ เราใช้เวลาเท่าไหร่ไม่รู้เลย รู้สึกเหมือนยิ่งเดินยิ่งไกล ไม่ถึงซักที ก็มาถึงที่ราบแรกบนเขา เมฆเริ่มหนา อากาศเริ่มหนาวคิดว่าซัก 10 องศาได้ จากที่ในตัวเมืองน่าจะซัก 35-40 องศา แถมบนนี้ลมเแรงมาก แต่ก็สวยมากจริงๆ สวยจนแทบหยุดหายใจ เราก็คิดว่าตรงนั้นคือถึงแล้ว เตรียมฉลองชัยชนะกับเพื่อน แต่ยังค่ะ!!! แม่เจ้ามันเพิ่งครึ่งทางเท่านั้นนน!!! อยากร้องไห้ จังหวะนั้นคือเพื่อนที่อยู่กันมาสองคนตลอดทางได้ขึ้นนำและจากเราไปสมทบกับกลุ่มข้างหน้าแล้ว เหลือเราคนเดียวจ้า!! ทำไมแกทิ้งชั้น เดินทั้งเหงาทั้งกลัวอยู่คนเดียว สี่หรือห้าชั่วโมงไม่รู้ผ่านไปเราเริ่มตามทันเพื่อนกลุ่มข้างหน้าแล้ว ส่วนกลุ่มท็อปฟอร์มคือทยอยลงแล้วตอนเรามาถึง ด้วยสภาพสะบักสะบอมกัน และแล้วเราก็มาถึงยอดจนได้!!! จากที่กิโลแรกอยากถอดใจเพราะเหนื่อยมาก พอปีนขึ้นมาถึง รู้สึกคุ้มค่ามากและขอบคุณตัวเองที่อดทนปีนมาจนถึง เราเดินดูรอบ ๆ พอลมพัดเมฆหายไป ภาพที่เห็นคือ ทะเลแคริเบียนที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา จากบนเขา สวยจนน้ำตาจะไหล แต่!!! ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ ปากปล่องภูเขาไฟอยู่ที่ก้นภูเขาตรงนั้น!!! เพื่อน ๆ ทยอยปีนลงไปกัน ลังเลอยู่นานมากจะลงหรือไม่ลงดี เพราะทุกคนที่กลับขึ้นมาคือเลือดอาบ อาบจริงๆ เพราะไม่มีทางเลยคือต้องโรยตัวลงไปด้วยเชือกเส้นเดียว คิดหนักมากกลัวก็กลัวแต่ก็กลัวเพื่อนว่าป๊อดมากกว่า กว่าจะตัดสินใจได้ กลายเป็น 2 คนสุดท้ายที่ปีนลงไป กลิ่นกำมะถันและไอร้อนพุ่งขึ้นมา ก่อนลงตัดสินใจทิ้งของไว้ข้างบนและโรยตัวลงไป มีบางจังหวะที่ผามันสูงเกินตัวเรา โรยจนสุดแขนแล้วขาก็ยังไม่แตะพื้นขั้นต่อไป กลับไม่ได้ไปไม่ถึงจ้าแม่ ทำไงดี๊ คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่แล้ว ทำไมต้องเอาชีวิตมาทิ้งไกลขนาดนี้ 5555 เชือกก็ลื่นเพราะตะไคร่เกาะหนาเตอะ สุดท้ายเลยตัดสินใจโดด!! สุดท้ายกลิ้งตกผา คว้าหาเชือกสุดชีวิต ถึงเลือดตามเพื่อน ๆ จนได้ นี่สินะถามเท่าไหร่เค้าถึงไม่ยอมบอกเลยว่าทำไมขึ้นมาเลือดอาบกัน แต่สุดท้ายเราลงไปไม่ถึงปล่องด้านล่าง เพราะทุกคนขึ้นมากันหมดแล้ว และเรายังต้องเดินกลับอีกเกือบ 11 โล กับเวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง เสียใจนิดหน่อยแต่อย่างน้อยก็เอาชีวิตรอดกลับมาได้นาาา~ ครั้งนี้เรารู้สึกขอบคุณตัวเองที่สุด ที่ไม่ถอดใจทำให้มันได้เป็นประสบการณ์ที่โหดมันฮาของเราจริง ๆ ทำให้เรากล้าก้ามข้ามความกลัวและขีดจำกัดของตัวเองที่สุดและพูดได้เลยว่า ครั้งนึงในชีวิต เราไปพิชิตภูเขาไฟมาแล้ว!!! เรื่องและภาพโดย ผู้เขียน